สวัสดีครับ มาเพิ่มเติมจนครบ 100 % ให้แล้วนะครับ ต้องขออภัยที่ล่าช้าไปหลายชั่วโมง ( แก้คำผิดเพียบ )
ตอนนี้มีการซ่อนข้าความไว้เช่นเดิมครับ ต้องแสดงความคิดเห็นก่อนนะครับโผม ( ซาบซึ้งใจ ที่แสดงความคิดเห็นกันก่อนทั้งๆที่ลงไปแค่ 60% น้ำตาจิ่ไหลครับ )
กติกาเล็กๆน้อยๆ
1. คิดเห็นอย่างไรกับเนื้อหาช่วงต้น
2. หลังจากอ่านครบ 100% คิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ
อยากให้ทึกท่านกลับมา Edit และแสดงความคิดเห็นเพิ่มนะครับ
ปล. เนื้อหาที่เหลือ อยู่ใน Reply ที่ 2
••••
ความเดิมตอนที่แล้ว
เนื่องจากทิ้งช่วงมานาน คงต้องรบกวนให้อ่านตอนที่ 10 เสียก่อนครับ เพื่อตะได้อ่านและเข้าใจอย่างต่อเนื่อง
••••
ตอนที่ 11 : จักรพรรดิเพลิง
ย้อนกลับไปเมื่อสักครู่ !!!
ในขณะที่ริวกะยืนมองเปลวไฟที่เข้ามานั้นภาพเก่าๆก็หวนกลับมาทันที ภาพตอนที่เขาควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้
จนเผลอปลดปล่อยพลังเปลวเพลิงออกมา และเผาเขตอาคม แดนเยือกแข็งของภูติหิมะจนละลายเป็นจุล
ตั้งแต่นั้นมาริวกะ ก็ถูกพ่อของเขาสั่งห้ามทันทีอย่างเด็ดขาดว่าเพลิงอัคคีของเขานั้นห้ามเอามาใช้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึง ริวกะจะชอบพูดใส่พ่อว่า ตาแก่บ้าง พ่อบ้าบ้าง แต่เขาไม่เคยแม้แต่น้อยที่จะไม่รักและไม่เคารพพ่อของเขา แต่ตอนนี้เขาคงต้องขัดคำสั่งของพ่อและใช้มันอีกครั้ง ชั่วพริบตานั้นก็เกิดเปลวไฟสีส้มลุกขึ้นท่วมตัวริวกะและได้แผ่ลงสู่พื้นดิน ริวกะโบกสะบัดมืออกไปด้านหน้าและเอ่ย คำๆนั้นขึ้นมา
[ ริวกะ ] : 炎戒 : เอ็นไค : บัญญัติเปลวอัคคี
วู๊วววววว เปลวไฟจากตัวริวกะนั้นหมุนวนราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ตรงหน้าและได้กลายสภาพเป็นกำแพง คล้ายกับกำแพงวายุที่เขาเคยใช้ เปลวเพลิงของริวกะนั้นขัดขวางไฟกรดของอินุงามิได้อย่างชะงัดนัก และไม่เพียงที่จะหยุดไฟของอินุงามิไว้ได้เท่านั้นแต่เปลวเพลิงของริวกะนั้นก็กำลังเผาไหม้ไฟของอินุงามิอีกด้วย นั่นจึงทำให้เกิดควันขึ้นมานั่นเอง ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วไฟมันจะไม่เผาไฟด้วยกันเอง แต่มันจะหลอมรวมกันจะเป็น 1 เดียว แต่ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมันกลับกลายเป็นว่าเพลิงของริวกะกำลังทำลายไฟของอินุงามิแทน
[ อินุงามิ ] : กรร กรร กรร
[ ชิโตะ ] : ฆ่ามันอินุงามิ ฆ่ามัน
กรร !!! อินุงามิ ขู่คำรามอีกครั้งและพ่นไฟกรดอีกครั้งใส่ริวกะทันที ทั้งมันและชิโตะนั้นต่างคิดว่ายังไงไฟครั้งนี้ก็ต้องละลายร่ายของริวกะได้แน่ แต่ว่า....
[ ริวกะ ] : 鏡 : คางามิ : กระจก
( คางามิ เขียนได้สองอย่าง ถ้าเขียนด้วยตัวอักษรนี้ 鏡 จะแปลว่ากระจก
แต่ถ้าเขียนด้วยคันจิตัวนี้ 火神 จะแปลได้ว่า เทพแห่งไฟ )
ในขณะที่ไฟกรดกัดกร่อนของอินุงามิกำลังพุ่งเข้ามาอีกรอบนั้น ริวกะก็ได้ทำการสกัดกั้นเปลวไฟของอินุงามิด้วยการปรับเพลิงธาตุของตัวเองให้เบาลงจากสีส้มให้เป็นสีแดง ครั้งนี้เปลวเพลิงของริวกะไม่ได้กลืนกินไฟกรดของอินุงามิ แต่กำลังดีดกลับเหมือนกระจกสะท้อนนั่นเอง เปลวไฟจำนวนมากกำลังสะท้อนกลับและแผ่ขยายตัวทั่วพื้นที่และตอนนี้ริวกะก็ได้บัญชาเปลวอัคคีอีกครั้ง
[ ริวกะ ] : 火の抱擁 : ฮิ โนะ โฮโย [ อ้อมกอดเปลวเพลิง ]
ริวกะใช้มือทั้งสองจิกไปบนบนอากาศเหมือนตอนที่ควบคุมลม และบิดมือทั้งสองข้างทันที ไฟทั้งหมดบนอากาศนั้นกำลังพุ่งไปโอบล้อมเหล่าวิญญาณร้ายของชิโตะราวกับอ้อมกอดของพระเพลิง
ซู่มม !!! เปลวไฟจากทั้งสองฝั่งพุ่งเข้าใส่เหล่าสัมภเวสีอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเป้าหมายของริวกะนั้นคือชิโตะ แต่ว่าอินุงามินั้นรวดเร็วมากๆ มันพุ่งเข้าหาเจ้านายของมันและอุ้มกระโดดออกจากทุ่งเพลิงนั้นทันที เสียงแผดร้องด้วยความทรมานของเหล่าสิญญาณดังขึ้นทันที พวกมันนับร้อยที่ถูกเปลวไฟของริวกะโจมตีนั้นละลายหายไปแทบจะทันใดเลยก็ว่าได้ ยังดีที่ยังได้ร้องสักแอะสองแอะก่อนจะหายไป
ตอนนี้ไฟทั้งหมดลุกโชน โหมไหม้ทั่วพื้นที่ไปหมดราวกับว่ามันกำลังทำตามบัญชาของริวกะอย่างภักดี ตอนนี้ชิโตะเริ่มหวาดผวาเข้าไปอีกเพราะริวกะนอกจะควบคุมลมได้แล้ว ยังสามารถควบคุมไฟได้อีก ส่วนริวกะนั้นหลังจากสาดคอมโบเพลิงสะท้อนกลับ และอ้อมกอดเปลวเพลิงไปแล้ว เขาก็หงุดหงิดเป็นอย่างมาก เพราะร่างกายของเขาที่ไม่สมบูรณ์นั้นทำให้การควบคุมเพลิงนั้นทำไม่ได้ดั่งใจ ความเร็วในการควบคุมตกลงไปเกือบครึ่ง ไม่งั้นเขาคงได้เผาไอ้ชิโตะไปแล้ว
[ ชิโตะ ] : ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน
พรึ่บ !!! ชิโตะนั้นคลั่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่คิดว่าจะมีคนที่สามารถควบคุมไฟได้แบบนี้ ปกติแล้วศาสตร์การควบคุมไฟขององเมียวจินั้นให้จะสามารถทำได้แค่อุบัติขึ้น และมลายหายเท่านั้น การที่จะทำแบบนี้ได้ต้องเป็นองเมียวจิที่ฝึกจิตขั้นสูงสุดซึ่งอาจจะต้องเทียบเท่าองเมียวจิชั้นราชครู แต่สิ่งที่ไอ้เด็กคนนี้ทำมันกลับเหนือขึ้นไปอีก มันสามารถควบคุม ก่อเกิด เคลื่อนย้าย ผันแปร เป็นรูปร่างได้อิสระ ไอ้เด็กคนนี้มันอายุเท่าไรกันแน่ ทำไมความสามารถ ศาสตร์องเมียวจิที่มันมีนั้น มันเหมือนกับว่าถูกฝึกปรือมาหลายสิบปี แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ชิโตคิดแล้ว เพราะริวกะได้พุ่งเข้ามาทันทีเพื่อหมายจะเด็ดหัวของเขา
[ ชิโตะ ] : อะ อะ ไอ้เด็กเวน เอ๊ย !!!
ชิโตะถึงกับตาถลนออกมาเพราะครั้งนี้ริวกะกำลังเรียกรวมเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อีกครั้ง
[ ริวกะ ] : 炎戒 : 火炎攻撃
[ เอ็นไค : คะเอ็นโกเงคิ ]
( บัญญัติเปลวอัคคี : เพลิงจู่โจม )
ซู่มมม ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ไฟทั้งหมดทั้งมวล หมุนวนรอบๆตัวริวกะราวกับกำลังเต้นรำและพุ่งใส่ชิโตะ ราวกับหน่วยจู่โจมทันที ไฟครั้งนี้ไม่เพียงแค่แผดเผา แต่มันยังแทงทะลุเหล่าสัมภเวสีที่เข้ามาปกป้องชิโตะอีกด้วย และไม่ถึง 5 วินาทีที่คมหอกเพลิงนี้แทงทะลุร่างพวกมัน ร่างนั้นก็ลุกไหม้ราวกับว่าเป็นเชื้อไฟอย่างดี แต่ว่า
เปรี้ยง !!! อินุงามิ นั้นอาศัยความว่องไวอ้อมมาด้านหลังของริวกะและซัดเปรี้ยงเข้าเต็มๆ ริวกะเองก็หลบไม่ทันโดนไปเต็มๆสีข้าง แน่นอนว่าเขารู้ทันทีว่าตอนนี้กระดูกซี่โครงได้หักไปแล้วทันที
มั่บ !!! ริวกะนั้นฝืนความเจ็บปวดไว้และคว้ามั่บเข้าที่ขาของอินุงามิทันที เขาบิดขาของอินุงามิและตีเข่าเข้าที่น่องอย่างรุนแรงด้วยแม่ไม้มวยไทย นาคาบิดทาง
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
จนอินุงามิถึงกับคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด และในขณะที่อินุงามิกำลังชะงักด้วยความเจ็บปวดนั้นริวกะก็พุ่งใส่ทันที เขาอาศัยจังหวะเพียงน้อยนิดนั้น กระโดดเหยียบหน้าขาของอินุงามิและตีเข่าเข้าเต็มแรง
" พระรามเดินดง "
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
กร๊อบ !!! เสียงกระดูกหักดังสนั่นขึ้นทันที เพราะริวกะใส่เต็มแรงจริงๆ สภาพอินุงามิตอนนี้น่าเวทนายิ่งนัก เพราะฤทธิ์ขุนเข่าไร้น้ำใจของริวกะนั้นได้ทำให้กรามนั้นแตกจนเหงือกห้อยรุ่งริงเลย มันร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะกระโดดหนีไป
[ ชิโตะ ] : ไอ้หมาโง่เอ๊ย !!! พวกเหล่าวิญญาณฆ่ามัน !!!
ชิโตะเมื่อเห็นว่าอินุงามินั้นใช้การไม่ได้อีกแล้วก็ถึงกับของขึ้นเลย มันสั่งการให้วิญญาณหลายร้อยตนพุ่งใส่ริวกะทันที ริวกะนั้นทั้งรับ ทั้งสวนกลับพัลวัลเลยทีเดียวตอนนี้เรียกได้ว่าเขาไม่มีเวลาที่จะบัญชาเปลวไฟเลย เพราะมือทั้งสองข้างนั้นต้องใช้ทั้งบล็อค ทั้งต่อย วุ่นวายไปหมด แม้จะได้ชื่อว่าสามารถควบคุมเปลวไฟได้ แต่ริวกะยังอ่อนประสบการณ์มาก ในตอนนี้หากไม่ได้ใช้มือในการควบคุมเปลวเพลิงของเขาก็จะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ อีกทั้งการใช้วายุตอนนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะความร้อนจากเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ก่อให้เกิดความกดอากาศต่ำทำให้สายลมของริวกะนั้นพัดสะเปะสะปะไปหมด ริวกะในสภาพนี้ไม่สามารถควบคุมลมได้เลย แต่ว่า.....
[ ชิโตะ ] : เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ ๆ นี่ไงล่ะพลังของข้า นี่ไงล่ะพลังของเจ้าแห่งความตายชิโตะ
[ ริวกะ ] : อ๋องั้นเหรอ จ้าวแห่งความความตายเหรอ
เอ็นไค : ฮิโนะอุมิ ( ทะเลเพลิง )
เปรี้ยง !!! ริวกะอาศัยจังหวะเพียงเสี้ยววินาที รวบรวมเปลวไฟมากมายและอัดลงพื้นทันที จนเปลวไฟเหล่านั้นครอบคลุมผืนดินราวกับทะเลทันที มันคือทะเลเพลิงที่ริวกะสร้างขึ้นจากการรวบรวมเปลวไฟจำนวนมากและอัดลงพื้นนั่นเอง ทันทีที่เปลวไฟได้ถูกอัดลงพื้น ริวกะก็รีบกระโดด ออกทันที ส่วนพวกเหล่าวิญญาณนั้นก็ยังคงตามติดริวกะไม่ลดละเช่นกัน ก้าวแรกไม่เป็นอะไร ก้าวต่อไปไหม้เกรียม พวกมันที่พยายามตามริวกะก็ละลายไปทันทีที่ย่ำลงบนทะเลเพลิง
ฉึ่บ ฉึ่บ !!! เมื่อก้าวหลบออกมาจากการถูกรุมล้อมได้แล้ว ริวกะก็ล้วงเข้าไปที่เอวของเขาทันที และหยิบบางสิ่งที่ทำให้ชิโตะกลัวจนขี้ขึ้นสมอง มันคือกระดาษยันต์รูปร่างคล้ายมนุษย์
[ ชิโตะ ] : ชิ ชิ ชิกิงามิ
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ใช่แล้วสิ่งที่ริวกะหยิบออกมานั้นคือ ชิกิงามิ หรือ หุ่นพยนต์ขององเมียวจินั่นเอง มันเป็นเหมือนการอัญเชิญเทพหรือภูติพิทักษ์ที่ทำพันธะสัญญา เพื่อมาช่วยเหลือในการต่อสู้กับปีศาจ เพราะแรกเริ่มนั้นองค์เมียวจิถ้าให้พูดนั้นก็คือจอมเวทย์โบราณที่ทุ่มเทฝึกฝนมนตรา ภาวนาจิต ฝึกสมาธิเพื่อให้ฌานนั้นแกร่งกล้า เรื่องที่จะพัฒนาด้านร่างกายนั้นจึงแทบทำไม่ได้ จึงทำให้ร่างก่ายนั้นอ่อนแอมาก
เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการปิดกันจุดอ่อนนั้นจึงจำเป็นต้องมีเทพบริวาร หรือ ชิกิงามิมาคอยช่วยเหลือ แต่ว่าจากสิ่งที่ชิโตะเห็นนั้นมันยอมรับเลยว่าริวกะ โหดเหี้ยๆ โหดชิบหาย ไม่มีทางที่คนที่มีฝีมือขนาดที่เอาชนะนักฆ่าเงาอสูรได้ถึงสองคนจะเป็นแค่องเมียวจิกระจอกๆ และยิ่งมีชิกิงามิมาช่วยแบบนี้ก็ชิบหายไปใหญ่สิ่
[ ชิโตะ ] : กระจอกน่า !!! แค่ชิกิงามิ สองตนคิดว่าจะชนะข้าผู้นี้ได้งั้นเรอะ เฮ้ย !!!
ชิโตะปากเก่งได้เพียงแค่นั้นแล้วมันก็ต้องตกใจหน้าตั้ง เพราะมันสังเกตเห็นว่าอักขระยันต์บนตัวหุ่นชิกิงามิของริวกะนั้นถูกวาดด้วยหมึกที่มีสีแดง เพียงเห็นเท่านั้นมันก็แทบสติแตก เพราะว่าตามคำบอกเล่าตั้งแต่ยุคโบราณศาสตร์การทำชิคิงามินั้น อักขระยันต์ที่ถูกต้องนั้นต้องเป็นสีแดง เพื่อสื่อถึงเลือดแห่งการทำพันธะสัญญา
ตัวมันเองนั้นใช้เวลา 100 กว่าปี เพื่อศึกษาเพื่อทดลอง แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ทำไม่ได้ เพราะอักขระของมันนั้นกลับกลายเป็นสีดำทันทีที่เขียนลงบนหุ่นพยนต์ แล้วทำไมไอ้เด็กน้อยคนนี้ถึงมีชิกิงามิสีแดงได้ อีกทั้งโดยความร้อนจากไฟขนาดนั้นไปแล้ว ทำไมยังไม่ไหม้ไปอีก
[ ชิโตะ ] : ไม่ ไม่จริง ชิกิงามิสีแดง ไม่จริง ไม่มีใครที่เหนือข้า ไม่มีใครที่เรืองฤทธิ์ไปมากกว่าข้า ก็แค่ชิคิงามิชั้นต่ำ ข้า ไม่กลัวข้าไม่กลัว
[ ริวกะ ] : เทพอัญเชิญ : จอมมารฟ้า โอดะ โนบุนากะ
บึ้ม !!! เสียงระะบิดดังขึ้นทันทีที่ริวกะ ร่ายมนต์และเอ่ยชื่อเรียก ภาพตรงหน้าชิโตะนั้นคือบุรุษผู้เป็นที่หวาดกลัวทุกหย่อมหญ้าในอดีต จอมมารฟ้า โอดะ โนบุนากะ แต่สิ่งที่ชิโตะแปลกใจนั่นก็คือรูปลักษณ์ของโนบุนากะในตอนนี้ ทำไมเขายังดูหนุ่มอยุ่ ทั้งๆที่ตามประวัติศาสตร์นั้นเขาตายเมื่ออายุได้ 47 ปีนี่นา แต่ทำไมตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขานั้นดูเหมือนชายอายุ 30 ต้นๆที่ทั้งดุดัน และ แข็งแกร่งแบบนี้ล่ะ
แกร๊กก !!! เสียงของท่านผู้นั้นชักดาบออกมาจรดดาบอย่างสวยงามราวกับว่าพร้อมที่จะลุยได้ทุกเมื่อ แต่ว่า.....
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
[ โนบุนากะ ] : เจ้าหนู ต่อให้เจ้านั้นจะสืบสายเลือดของ อิซานางิ มาโมรุ ซึ่งเป็นสหายรักของข้าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตก็ตามที แต่ถ้าเจ้ายังทำตัวอ่อนแอ และยังลังเลเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน ข้าจะไม่ทำตามคำสาบานอีก และเจ้าต้องทำการเซปปุกุ ต่อหน้าข้า
[ ริวกะ ] : ผมจะไม่ลังเลอีกแล้ว ผมต้องกำจัดไอ้องเมียวจินอกรีตนั่นให้ได้ เพื่อไม่ให้เสียชื่อปู่ทวดมาโมรุ
[ โนบุนากะ ] : ดี
ฟุ่บ !!! จอมมารฟ้าผู้เกริกไกร พุ่งทะยานออกไปทันที จากคำพูดที่เปล่งออกมานั้น เหมือนกับว่าริวกะเคยอัญเชิญเขาออกมาและคงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเท่าไร เพราะจอมมารฟ้าผู้นี้ถึงกับเอ่ยปากว่าจะไม่ช่วยอีกถ้าเป็นเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วตอนนี้ริวกะมีสิ่งที่ต้องปกป้อง มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ลังเลอีก
ในขณะที่โนบุนากะในร่างเทพอัญเชิญกำลังบุกทะลวงฟันเหล่าวิญญาณนั้น ชิโตะที่กำลังขวัญผวานั้นก็ได้สังเกตเห็นว่าข้างหลังของริวกะนั้นไร้การป้องกัน นี่เป็นโอกาสที่จะได้ฆ่าไอ้เด็กเวนนี่แล้ว มันแอบสั่งเหล่าวิญญาณทาสของมันพุ่งอ้อมเข้าโจมตีริวกะทันที แต่ว่ามันลืมอะไรไปบางอย่าง เมื่อกี้ริวกะอัญเชิญชิกิงามิมา 2 ตน แต่ที่ออกมานั้นมีเพียงโนบุนากะตนเดียว แล้วอีกล่ะอยู่ที่ใด
ฉัวะ !!! เสียงฟันดังสนั่นลั่นทุ่ง บังเกิดขึ้นทันทีพร้อมกับรอยยิ้มของริวกะ เขาคิดไว้แล้วว่าชิโตะต้องลอบกัดเขาแน่ๆ เขาจึงได้ให้เทพอัญเชิญตนนี้หลบอยู่ใต้เงาของเขาก่อน ร่างสูงใหญ่เกิน 2 เมตรยืนตระหง่านอยู่ด้านหลังริวกะ ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะโยโรอิสีแดงดูน่าเกรงงามยิ่งนัก
ตึ้ง !!! ร่างๆนั้นนั้นกระแทกด้ามง้าวลงพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วราวกับเป็นการประกาศว่าเข้ามาได้เลย
[ ริวกะ ] : เทพอัญเชิญ : ไซโตะ มุซาชิโบะ
[ ชิโตะ ] : บะ บะ เบงเค
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ใช่แล้วเทพอัญเชิญตนนี้คือ ไซโตะ มุซาชิโบะ เบงเค พระนักสู้ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นนั่นเอง ปริศนามากมายเกิดขึ้นในหัวของชิโตะทันที ทำไมไอ้เด็กเวนนี่ถึงได้สามารถทำพันธะสัญญากับเทพอัญเชิญระดับสูงแบบนี้ได้กันนะ ก๊าซ !!! เหล่าวิญญาณร้ายที่สิงสถิตย์อยู่รอบๆราโชมอน ก็แผดเสียงร้องออกมาอย่างฮึกเหิม พวกมันกระโจนเข้าใส่ริวกะหมายจะฆ่าให้สมใจอยาก แต่ว่ามีเหรอที่ริวกะจะพลาดท่าตลอด
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ด้านหน้านั้นก็มีโนบุนากะคอยบุกทลวง และยิ่งตอนนี้ยังมีเบงเคคอยคุ้มกันให้อีก ทำให้เขามีเวลาที่พอจะคำนวนรูปแบบการต่อสู้ต่อไป หลังจากที่คำนวนการต่อสู้แล้วริวกะจึงคิดจะใช้สิ่งต่อไปนี้เพื่อทำลายเหล่าวิญญาณร้ายที่ขวางทาง และเข้าไปจัดการชิโตะทันที ตอนนี้เขาใช้การควบคุมไฟไปแล้ว 4 กระบวนท่าทั้ง คางามิ ฮิโนะโฮโย คะเอ็นโกเงคิ และ ฮิโนะอุมิ ตอนนี้เปลวไฟจากทั้ง 4 กระบวนท่านั้นมากเพียงพอแล้ว ที่ริวกะจะใช้กระบวนท่าต่อไปได้
[ ริวกะ ] : 大炎戒 : ไดเอ็นไค [ มหาบัญญัติเปลวอัคคี ]
ริวกะใช้บัญญัติเปลวอัคคีขั้นที่สอง นั่นก็คือมหาบัญญัติเปลวอัคคี ตอนนี้เปลวไฟทั้งหลาย ทั้งหมด ทั้งมวล กำลังหมุนวนรอบตัวริวกะ มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มากกว่า คางามิเสียอีก และภาพที่เปลวไฟกำลังก่อตัวนั้นก็ทำให้ชิโตะถึงกับเข่าทรุดทันที มันคือพญาวิหกไฟ 1 ในสัตว์เทวะทั้ง 4
[ ริวกะ ] : ซูซาคุ
พรึ่บ !!! ริวกะนั้นเอ่ยนามนั้นขึ้น นามแห่งวิหกเพลิงแดนใต้ ซู่มมม ทันใดนั้นก็เกิดเป็นเปลวเพลิงรูปลักษณ์ราวกับนกบินพุ่งผ่านใส่พวกมันก่อให้เกิดการเผาไหม้ทันที ทั้งโนบุนากะ และ เบงเค นั้นถึงกับต้องรีบหลบทันที เพราะต่อให้ตอนนี้พวกเขาจะคือเทพอัญเชิญแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกเผาไปด้วย
พรึ่บ !!! เพลิงจากร่างนิมิตซูซาคุได้แผดเผาพวกมันจนมอดไหม้ลงในทันทีที่เคลื่อนที่ผ่าน แต่ว่าดูเหมือนลิมิตร่างกายของริวกะจะไม่ไหวเสียแล้ว
[ ริวกะ ] : อึ่ อึ้ก บ้าเอ๊ย
ริวกะที่กำลังควบคุมทิศทางของซูซาคุนั้น กระอักเลือดและทรุดลงทันที และเมื่อเสียการควบคุมร่างเพลิงนิมิตของพญาวิหกก็ค่อยๆสลายกลายเป็นกองไฟขนาดใหญ่ก่อนถึงตัวชิโตะ ถ้านับรวมตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ที่กลางคฤหาสน์ เขาใช้ทั้ง คาถาลม คาถาสายฟ้า แล้วยังมาใช้พลังอัคคี รวมทั้งการใช้ชิคิงามิอัญเชิญอีก
เท่ากับว่าตอนนี้ร่างกายของเขารับภาระมากเกินไป ถึงจะมีพลังมากมายเพียงใด แต่ด้วยวัยเพียง 17 ร่างกายก็ยังไม่เจริญเติบโตมากพอที่จะแบกรับพลังอันยิ่งใหญ่นี้ไว้ได้ และริวกะรู้ตัวดีว่าตอนนี้เพลิงที่เขาใช้อยู่นั้นกำลังกัดกินร่างกายของเขาไปทีละนิด ทีละนิด
ส่วนชิโตะนั้นมันเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างมาสักพักแล้ว จริงอยู่ว่าเหล่าวิญญาณสัมภเวสีของมันนั้นถูกริวกะเผาไปแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกได้ว่า พวกวิญญาณนั้นยังอยู่ยังไม่ถูกทำให้สลายหายไปอีกทั้งเหล่าวิญญาณที่ถูกเผาไปก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างอีกครั้ง งั้นแสดงว่าไฟของริวกะไม่สามารถทำลายดวงวิญญาณได้ ทำได้แค่เผาไหม้จนไม่สามารถคงสภาพได้ชั่วคราวเท่านั้น
[ ชิโตะ ] : อ๋อ เพลิงของแก มันไม่สามารถทำลายมนต์สะกดและดวงวิญญาณทาสพวกนี้ได้สิ่นะ ไอ้หนู
ชิโตะนั้นพูดสิ่งที่ริวกะหนักใจออกมาแล้ว และก็เป็นอย่างที่มันพูดทั้งหมด จริงอยู่ที่ไฟของเขาสามารถเผาได้แม้กระทั้งวิญญาณ ละลายได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า แต่ปัญหาคือมันไม่ใช่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่จะสามารถชำระล้างเหล่าวิญญาณบาปได้วิญญาณตรงหน้าตอนนี้ ตอนมีชีวิตนั้นล้วนแต่เป็นโจรปล้นฆ่ามาทั้งนั้น พอถูกฆ่าตายศพก็ถูกนำมาทิ้งที่ประตูราโชมอน เพราะเป็นการที่ตายผิดธรรมชาติจึงทำให้วิญญาณเหล่านี้มีความอาฆาตพยาบาทยิ่งนัก
แล้วเมื่อเจอมนต์สะกดวิญญาณของชิโตะเข้า ยิ่งทำให้พวกมันคุ้มคลั่งเข้าไปอีก ก๊าซซซ !!! เสียงคำรามดังขึ้นอีกระรอก วิญญาณตัวไหนที่ร่างกายกลับมาสภาพเดิมก็วิ่งใส่ริวกะทันที ตอนนี้รูปแบบการโจมตีต้องเปลี่ยนแปลงหมดทั้งสิ้น เดิมทีที่โนบุนากะนั้นจะคอยบุกทะลวงไปด้านหน้านั้น ต้องกลับมาคุ้มกันริวกะที่กำลังล้มลง
กรร !!! เสียงขู่คำรามของอินุงามิดังขึ้นอีกครั้งทำให้ริวกะต้องหันมองอย่างรวดเร็ว และเขาก็เห็นกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้ามาใส่ทันที ผั๊วะ !!! ริวกะในสภาพที่สะบักสะบอมตั้งศอกทั้งสองข้างขึ้นเพื่อเตรียมป้องกันพื่อปัดการโจมตีที่รวดเร็วเอาไว้ได้ กึ้ก !!! เรียกได้ว่าโชคเข้าข้างริวกะเหลือเกิน เพราะกรงเล็บที่ถูกปัดออกไปนั้นได้ปักลงพื้นจนแทบมิด และนั่นแหละจังหวะของริวกะ ตั้ก ตั้ก ตั้ก ริวกะวิ่งใส่อินุงามิอย่างรวดเร็วและกระโดดใส่ทันที เท้าซ้ายเหยียบขาขวาที่กำลังทรุด เท้าซ้ายก้าวขึ้นเหยียบหัวไหล่ และสับศอกลงใส่กระหม่อมอินุงามิเต็มๆ จนหัวแตกกะโหลกเปิด
" ฤษีบดยา "
โฮกก !!! อินุงามิร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้ริวกะสงสัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทั้งฟันก็เอย เผาก็เอย ยังไม่มีร้องสักแอะ คราวนี้ทำไมถึงร้องครวญครางขนาดนี้ ในหัวสมองของริวกะแว๊บขึ้นมาทันทีคำพูดของคาราสึ เทนงู เขาเคยบอกริวกะเอาไว้ว่า การสร้างอินุงามินั้นมีหลายวิธี แต่1 วิธีที่โหดร้ายแต่ได้ผลดีนั่นก็คือ จับสุนัขที่ต้องการจะใช้เป็นอินุงามิล่ามโซ่ไว้ แล้วเอาอาหารวางไว้ตรงหน้าอย่าให้มันกิน
ยามใดที่มันหิว ยามใดที่มันพยายามจะกินข้าวแต่ติดโซ่ล่าม ยามนั้นมันจะมีความแค้นต่อมนุษย์มาก เมื่อทำซ้ำ ทำซ้ำ ทำซ้ำ ความพยาบาทมันก็จะมากขึ้นและครั้งสุดท้ายให้ตัดหัวมันในตอนที่มันกำลังพยายามจะกินข้าว เมื่อมันตายจะให้พิธีสำเร็จ ริวกะนึกขึ้นได้ทันที งั้นแสดงว่าอินุงามิตัวนี้ ถูกสร้างด้วยวิธีแบบนี้สิ่นะ ถูกตัดหัวออกมา ทำให้ตอนนี้พอโดนโจมตีเข้าที่หัวจึงได้เกิดอาการแบบนี้
[ ชิโตะ ] : โถ่ เว้ย ไอ้หมาโง่
ริวกะนั้นถึงกับสะอึกเลยทีเดียว ชิโตะนั้นไม่มีควาทเป็นห่วง ไม่มีความเมตตาสักนิดเดียว อินุงามินั้นถูกเขาสับศอกจนกะโหลกแตก แต่ไม่มีสักคำที่ชิโตะนั้นตะสื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยแม้แค่น้อย คงไม่มีอะไรจะน่าสงสารเท่ากับการที่ต้องโดนเต้านายตัวเองดูหมิ่นดูแคลนเป็นแน่แท้ จริงอยู่ว่าเขานั้นตั้งใจจะกำจัดชิโตะอยู่แล้ว แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว
ริวกะคงต้องทำการปลดปล่อยพันธะของอินุงามิด้วยเสียแล้วเพราะถ้าปล่อยอินุงามิไว้แบบนี้สักวันจิตใจบอบช้ำและความอาฆาตของมันคงจะทวีคูณจนเกินการควบคุมแน่ๆ แต่จะทำยังไงล่ะ เพราะเพียงแค่จะลุกยังทำไม่ได้เลยตอนนี้
หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจน ทั้งควบคุมไฟ ทั้งสร้างร่างเพลิงนิมิตของพญาวิหกเพลิงแดนใต้ ชิโตะก็มั่นใจว่าริวกะเป็นองเมียวจิวัยเยาว์ที่จะมาปลิดชีพของเขาตามคำทำนาย นั่นยิ่งทำให้ชิโตะตัวสั่นไปหมด แต่ที่สั่นเพราะมันกำลังดีใจ มันดีใจที่กำลังจะได้กำจัดศัตรูตามโชคชะตาที่เขาหวาดกลัวมาตลอด เพราะต่อให้จะเก่ง จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ตอนนี้มันรู้ดีว่าร่างกายของริวกะบาดเจ็บสาหัส ยังไงองเมียวจิตัวคนเดียวก็ไม่สามารถต่อกรกับเหล่าวิญญาณอีกเป็น 100 เป็น 1000 แบบนี้ได้แน่ๆ แม้จะมีเทพอัญเชิญก็ตามที
คลืน !!! เอาอีกแล้ว มันเอาอีกแล้ว ตอนนี้ชิโตะได้ใช้เลือดของตัวเองทำพิธีอีกครั้ง หลังจากผ่านไปไม่ถึง 5 วินาทีตอนนี้ทั้งเหล่าวิญญาณบาปก็ต่างร้องระงม อีกทั้งหน้าประตูราโชมอน ก็ยังมีเหล่าวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกเกินที่จะนับได้ แต่ริวกะนั้นก็ไม่ได้มีท่าที่ที่หวาดกลัวอันใด ก่อนหน้านี้ที่ร่างกายของริวกะที่ยังยืนหยัดได้ เป็นเพราะอะดรีนารีนที่มันหลั่งออกมาเพราะความโกรธแต่ตอนนี้มันใกล้จะหมดไปแล้ว แล้วเขาจะทำยังไงดี อีกอย่างร่างเพลิงจำแลงซูซาคุที่ริวกะได้ปล่อยอกไปเมื่อกี้คือแรงเฮือกสุดท้ายของริวกะแล้ว
[ ชิโตะ ] : ยอมรับชะตากรรมและตายไปแบบเงียบๆ ดีแล้วแท้ๆ คงอยากตายอย่างทรมานสิ่นะ แกคงไม่รู้สิ่นะ ว่า 10 ปีที่ข้าอยู่เบื้องหลังให้อาคะโทระ มีกี่คนแล้วที่มันเป็นเหมือนเจ้า ดิ้นรน ต่อสู้ จนสุดท้ายก็ตายไม่ต่างกับหมาข้างถนน เอ... ครั้งล่าสุดเมื่อปีก่อน ก็มีไอ้คนแบบเจ้านี่แหละ พลังใจมากล้นเหลือเกิน แต่ก็นะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เคี๊ยก ๆ ๆ บังอาจมาหาญกล้าท้าทายข้า เจ้ารู้มั้ยเกิดอะไรขึ้น
[ ริวกะ ] : . . . . .
[ ชิโตะ ] : ข้าสังหารมันต่อหน้าลูกสาวมันไง เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ ๆ ตอนมันร้องพ่อจ๋า พ่อจ๋านะ ข้าล่ะสะใจยิ่งนัก แต่ข้าก็ไม่ได้ใจร้ายนะ เพราะข้าก็ได้ปลิดชีพเมียและลูกสาวของมันตามไปด้วย เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ ๆ
ริวกะถึงกับสะอึกทันที ที่มันพูดออกมา ริวกะจำได้ดีตอนที่ประชุมสภาความมั่นคงของญี่ปุ่น ในวันที่เขารับตำแหน่งวันแรกเมื่อไม่นานมานี้เอง ในขณะที่ประชุมก็มีรายงานคดี อาชญากรรมฉบับหนึ่งถูกวางตรงหน้าเขา ริวกะถึงกับต้องลุกขึ้นมาหยิบไปอ่านด้วยตัวเอง นั่นคือคดีเกี่ยวกลุ่มยากูซ่าแถบคันโตที่ถูกสังหารหมู่
ในที่เกิดเหตุพบร่างไร้วิญญาณของ พ่อแม่ลูกนอนเสียชีวิตด้วยกัน สภาพศพนั้นถูกฟันจะอวัยวะขาดกระเด็น และ ผู้ต้องสงสัยก็คือ คาเงะยามะ ฆาตรกรโรคจิตที่ทางการกำลังต้องการตัวนั่นเอง แต่มีข่าวว่าคนที่หนุนหลังของคาเงยามะนั้นก็คือ อาคะโทระนั่นเอง
[ ริวกะ ] : แกเองสิ่ นะ แกเองสิ่นะ ไอ้คาเงะยามะ
[ ชิโตะ ] : โอโห รู้จักไอ้เจ้าของร่างนี้ด้วยเหรอ
[ ริวกะ ] : เจ้าของร่าง !!!
ริวกะได้ฟังแล้วก็ถึงกับสะดุ้งโหยง มันเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆด้วย ร่างที่เขากำลังต่อสู้ด้วยนี่คือ คาเงะยามะ แต่วิญญาณที่สิงสู่คือไอ้ชิโตะ แน่นอน แบบนี้สิ่นะที่ทำให้มันมีอายุมามากกว่า 100 ปี พอร่างที่สิงอยู่ใกล้จะหมดอายุขัย หรือ ไม่สามารถใช้งานได้ มันก็จะทำพิธีย้ายวิญญาณนั้นเอง วิชานี้เป็นศาสตร์มืดที่ลุงคุโระเคยบอกว่าหายสาบสูญไปนับพันปีแล้ว
[ ริวกะ ] : อมรณา มนต์แลกวิญญาณ.... กี่คนแล้ว ที่แก แย่งชิงร่างของเขามา ( ท่าทีริวกะเปลี่ยนไป )
[ ชิโตะ ] : อะไร อะไร อะไรกัน ก็แค่ 7 ร่างเอง พวกมันต้องขอบคุณข้านะ ที่อย่างน้อยชีวิตที่ไร้ค่าของพวกมันได้สังเวยให้ข้า และร่างของมันก็ได้เป็นรากฐานให้ข้าก้าวมาเป็นจ้าวแห่งความตายยังไงล่ะ เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ เอ... แต่พวกที่ข้าลงมือฆ่าทิ้งนั้นลืมนับนะ ก็มันร้อยกว่าปีมาแล้วนี่ ใครจะไปจำล่ะ เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ ๆ
[ ริวกะ ] : องเมียวจิที่ละทิ้งสามัญสำนึกแห่งองเมียวโด และก้าวสู่ศาสตร์มืดสิ่นะ แกมันก็แค่ อมรณา เท่านั้นแหละชิโตะ องเมียวจิมีหน้าที่นำศาสตร์องเมียวโดชี้ทางแก่ผู้ที่ทุกข์เข็ญ แต่แกมันไม่ใช่ แกมันก็คือ อมรณาตนนึงเท่านั้น
คลืน !!!!! ตอนนี้ริวกะนั้นเรียกได้ว่าโมโหถึงขีดสุดเลยก็ว่าได้ ชิโตะไม่ได้รู้เลยว่าได้พูด กระตุ้นริวกะอีกแล้ว ร่างกายที่สั่นเทาเพราะความเจ็บปวดก็หยุดสั่น เลือดที่ไหลเพราะถูกฟันก็หยุดไหล ตอนนี้ความโกรธ ความโมโหมันได้กระตุ้นให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดของริวกะตื่นขึ้นถึงขีดสุดแล้ว แต่ว่า....
[ ริวกะ ] : ทำไมต้องพรากชีวิตผู้อื่น ทำไมถึงไม่เห็นคุณค่าของชีวิต
ริวกะนั้นพูดอะไรบางอย่างออกมา จนชิโตะเริ่มรู้ว่าไม่ปกติ ฟู่ววววว ริวกะพุ่งเข้าใส่ชิโตะเต็มกำลัง และบั่นคอมันลงทันทีด้วยท่อนแขนเพียวๆยังกับท่าโค๊สไลน์ของนักมวยปล้ำ คอของมันลั่นดังกร๊อบ ก่อนที่จะขาดกระเด็นไป ไอ้ชิโตะถึงกับอ้าปาค้างไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย ก๊าซซซซ !!! และสิ่งที่ตามมานั้นคือคลื่นลมร้อนที่เกิดจากการพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงไฟล้มร้อนตอนนี้มีความร้อนจนไม่อาจวัดค่าได้ ริวกะหันมาอีกครั้งและเตรียมตัวจะสับร่างคาเงะยามะที่ชิโตะช่วงชิงมา เพื่อหวังจะปลดปล่อยเขาจากความทรมานนี้ แต่ว่า
[ อินุงามิ ] : กรร !!! โฮกกกกก !!!
อินุงามิรวบรวมแรงอีกครั้ง มันขู่คำรามและพุ่งเข้าใส่ริวกะทันที พร้อมกับกางเล็บที่แหลมคมพุ่งเข้าใส่ ริวกะจึงต้องหลบอย่างเลี้ยงไม่ได้ มั่บ !!! อินุงามิคว้าร่างของนายเหนือหัวเอาไว้และพุ่งไปหยิบหัวที่กระเด็นไปอีกทางทันที ก่อนที่มันจะนำหัวของชิโตะมาต่อกับลำตัว ด้วยฤทธิ์ของศาสตร์มืดแลกวิญญาณ ทำให้ร่างกับหัวของชิโตะนั้นสมานกันอย่างรวดเร็ว
พอพูดได้เท่านั้นมันก็สั่งให้เหล่าวิญญาณที่ตอนนี้มีไม่ต่ำกว่า 500 ตน เข้าสังหารริวกะทันที เพียงสิ้นสุดคำสั่งเท่านั้นเหล่าวิญญาณทั้งหลายก็พุ่งใส่ริวกะทันที แต่มีเหรอที่ตอนนี้เขาจะกลัว ต่อให้ร่างกายต้องพัง ต่อให้ต้องเจ็บปวด เขาก็จะไม่ถอยอีกแล้ว เขาจะเป็นมรณะเทพเพื่อนำพาชิโตะลงไปสู้แดนชำระบาปให้จงได้
[ ริวกะ ] : 焼却 太陽半径 :
( โชเคี้ยกขุ ไทโยโนะฮังไค )
( จงมอดไหม้ รัศมีสุริยัน )
ริวกะนั้นหมุนตัวอีกครั้งและปลดปล่อยคลื่นความร้อนออกไปอย่างร้อนแรง ทำให้เหล่าวิญญาณที่เข้ามานั้น
ถึงกับละลายและร้องคร่ำครวญด้วยความทรมาน ปกติถ้าเป็นริวกะคนเดิมเขายังจะพอมีเมตตาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เลย เขาลงมือได้โหดเหี้ยมไร้ปราณีมากๆ
[ ริวกะ ] : พวกเจ้าผิดเอง ที่อยู่ผิดฝั่ง ถ้าพวกเจ้าเลือกที่จะดับจิตตามร่างกายไป คงไม่ติดอยู่ที่ราโชมอนแห่งนี้ และการที่พวกเจ้านั้นเป็นกำลังให้ชิโตะ ใช้เพื่อก่อกรรมทำชั่ว พวกเจ้าเองก็สมควรกลับไปอยู่ในดินแดนชำระบาปเช่นกัน
ริวกะพูดกับเหล่าดวงวิญญาณทั้งหลาย จนพวกมันถึงกับร้องระงมด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้เบื้องหลังของริวกะ ปรากฎเงาของบางสิ่งบางอย่างที่พอพวกมันเห็นแล้วก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อไปหมด เพราะด้านหลังนั้นได้ปรากฎเงาของมรณะเทพ หรือ ยมฑูตนั่นเอง เงานั้นราวกับเป็นภาพทับซ้อนร่างของริวก็เลยก็ว่าได้
[ ชิโตะ ] : ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง ไอ้พวกวิญญาณชั้นต่ำ ฆ่ามันสิ่วะ ไฟของมันทำได้แค่เผาไหม่ร่างวิญญาณของพวกแกเท่านั้น มันไม่สามารถสลายวิญญาณของพวกเจ้าได้ อย่าไปกลัวมัน หะ อะไรกัน !!!
ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว จากปกติที่เพลิงของริวกะนั้นจะทำได้แค่เผาพวกมันเท่านั้นจะไม่สามารถทำลายล้างวิญญาณของพวกมันได้ แค่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะชิโตะสัมผัสได้ถึงเหล่าดวงวิญญาณบริวารของมัน ที่ค่อยๆหายไปทีละตน ทีละตน ตอนนี้ตนใดที่ถูกเพลิงของริวกะเผานั้นก็เตรียมตัวไปโลกหน้าได้เลย ตอนนี้ไฟของริวกะสามารถทำลายพวกมันได้แล้ว ร่างของริวกะตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่เพราะไฟได้ลุกท่วมตัวเลยก็ว่าได้
[ เบงเค ] : เพลิงสุริยะ !!!
[ โนบุนากะ ] : หะ ห๊ะ เพลิงสุริยะ มันคืออะไรบอกข้าที
[ เบงเค ] : ขอรับท่านโอดะ ข้าเคยได้ยินพระในวัดพูดถึงเพลิงสุริยะ มันคือมนต์อัคคีที่สามารถเผาทำลายได้ทุกสิ่ง มันจะทำลายแม้แต่ผู้ที่ใช้มัน ราวกับเอาตัวเองเข้าไปใกล้ดวงตะวัน แล้วทำไมนายน้อยท่านนี้ ถึงได้ครอบครองเพลิงสุริยะได้ล่ะ เพราะในประวัติศาสตร์นั้นมีเพียงคนเดียวที่ใช้เพลิงสุริยะได้
[ โนบุนากะ ] : โถ่เว้ย ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ มาโมรุ ลูกหลานของเจ้านี่ยังไงกันแน่เนี่ย ทำไมข้าต้องมาคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย
ตอนนี้สภาพของริวกะนั้นน่าสยดสยองมากๆ ตัวของเขาถูกไฟลุกท่วม แต่สิ่งที่แปลกประหลาดคือร่างกายไม่ได้ถูกเผาไหม้ไปด้วยราวกับว่าเขาและเปลวไฟกำลังกลายเป็น 1 เดียวกัน แต่แน่นอนว่าไฟนั้นให้ความอบอุ่น แต่ถ้ามากเกินไปมันจะกลายเป็นทำลายล้าง
[ ริวกะ ] : ย๊าาาา !!!
ริวกะคำรามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเพลิงที่ประทุขึ้นราวกับการระเบิดของภูเขาไฟ ตอนนี้เหมือนกับว่าริวกะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว เขาปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจิตใจของตัวเองและปล่อยให้เพลิงสุริยะทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง
••• ด้านนอกของมิติราโชมอน •••
หลังจากที่ ยามิ ฮิคาริ โคฮาคุ กัปปะ ได้พาผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดที่ไม่มีิาการเจ็ยป่วยใดๆไปหลบซ่อนตัวที่ฐานลับแล้ว พวกเขาทั้งสี่ก็รีบรุดกลับมาที่คฤหาสน์อาคะโทระเพื่อช่วยริวกะทันที แต่เมื่อมาถึงพวกเขาก็ต้องเผชิญกับเพลิงสุริยันของริวกะ ที่มันแผ่ขอบเขตออกมาถึงนอกมิติ
[ ยามิ , ฮิคาริ , โคฮาคุ , กัป ] : อึ้กก พลังนี้มันของนายน้อย
ภูติทั้งสามนั้น รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณของริวกะที่เปลี่ยนไป เดิมทีนั้นแรงกดดันวิญญาณของริวกะนั้นจะให้ความรู้สึกถึงความเย็นสบายราวกับว่าสายลมพัด แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่พวกยามิสัมผัสได้นั้น กลับรุนแรงและร้อนแรงดุจดังเปลวอัคคีที่พร้อมเผาผลาญทุกสิ่งราวกับดวงตะวัน
[ ยามิ ] : บ้าเอ๊ย เพลิงสุริยะ เกิดอะไรขึ้นทำไมนายน้อยถึงขาดสติจนเกิดเป็นเพลิงโทสะแบบนี้ ฮิคาริเจ้าจับสัมผัสของนายน้อยได้มั้ย
[ ฮิคาริ ] : ไม่ได้เลยค่ะท่านพี่ ข้ารับรู้ได้เพียงแค่แรงดันวิญญาณ แต่ระบุตำแหน่งของนายน้อยไม่ได้เลย
[ โคฮาคุ ] : โอร่าาาาาาา
ตู้ม !!! โคฮาคุเค้นพลังเต็มพิกัดและต่อยเข้าที่พื้นจนเกิดแผ่นดินทรุดลงไปหลายเมตร แต่ก็ไม่พบริวกะอยู่ แต่สิ่งที่ปรากฎขึ้นคือทุกคนรับรู้ได้ถึงแรงดันวิญญาณของริวกะแรงขึ้นอีก แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนนั้นแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว เพราะว่าความร้อนจากคลื่นเพลิงสุระยัน มันสามารถเผาไหม้วิญญาณของเหล่าภูติได้ไม่เหลือซาก
[ กัปปะ ] : พวกเราต้องถอยออกจากตรงนี้ พลังของนายน้อยประทุขึ้นมาอีกแล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้พวกเราแย่แน่
[ ฮิคาริ ] : ไม่ ข้าจะตามหานายน้อย
[ ยามิ ] : กัปปะเจ้าจะทิ้งนายน้อยแบบนี้ไม่ได้
ปึ้ก ปึ้ก
[ ยามิ , ฮิคาริ ] : อึ้ก
ในขณะที่ทั้งสองหันหลังกลับไปและเตรียมที่จะลองขุดดินให้ลึกกว่าเดิม สติของทั้ง สองก็วูบดับลง นั่นเป็นเพราะกัปปะนั้นได้ทุบไปที่จุดสำคัญจนทั้งคู่สลบไปทันทีนั่นเอง
[ กัปปะ ] : ข้าขอโทษนะ ซึบาสะมารุ ฮิคาริ ที่ตอนนี้พวกเรายังยืนอยู่ได้ เพราะข้าใช้เวทย์มนต์น้ำสร้างอาณาเขตไว้ ข้าจึงรู้ดีว่าถ้าอยู่ต่ออีก พวกเราได้โดนเผาแน่ๆ โคฮาคุ ข้าขอโทษที่ต้องลงมือกับพี่ของเจ้านะ
[ โคฮาคุ ] : ข้าต้องขอบใจเจ้ามากกว่ากัปปะ เพราะถ้าให้ข้าลงมือเอง ข้าคงไม่กล้าที่จะทำ รีบไปกันเถอะ ข้าเชื่อว่านายน้อยจะปลอดภัย
[ กัปปะ ] : นายน้อยไม่มีวันแพ้เด็ดขาด ท่านคือชายที่จะก้าวข้ามโทสะของตัวเอง
วู่บ ตึ้กๆ ๆ ๆ พริบตานั้นทั้งโคฮาคุก็อุ้มร่างที่สลบสไลของพี่ทั้งสองขึ้นบ่าและบินออกไป ส่วนกัปปะก็รีบออกจากพื้นที่นั้นทันที เพราะเวทย์มนต์ปราการน้ำของเขานั้นได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว
•••• ด้านริวกะ ••••
เปรี้ยง !!! เปรี้ยง !!! เปรี้ยง !!! ริวกะตอนนี้ถูกโทสะเข้าครอบงำจนเกิดเป็นเพลิงสุริยะเสียแล้ว ตอนนี้ริวกะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าก็ว่าได้ เขาเดินหน้าใส่ไม่ยั้งเลยทีเดียว ตอนนี้ ศพแรกผ่านไป ศพสองศพสามค่อยๆผ่านไป ริวกะตอนนี้ถูกโทสะในใจครอบงำเสียแล้ว ตอนนี้เขาเดินหน้าใส่อย่างเดียว มันตนใดที่ถูกเพลิงสุริยะที่ประทุขึ้นด้วยโทสะนี้สัมผัสร่าง เพียงพริบตาก็จะมอดไหม้ไปในทันที แต่ก็ยังมีเหล่าวิญญาณที่ไม่เกรงกลัวพุ่งเข้าใส่ราวกับไม่เกรงกลัวความตาย
ปั้ก !!! กระบองเหล็กอันโตหวดใส่ริวกะจังๆ ริวกะตอนนี้คลั่งจนไม่คิดจะหลบการโจมตีเลย ตีมาตีกลับมาโกงก็ว่าได้ ตอนนี้โนบุนากะก็หงุดหงิดสุดๆเช่นกัน เพราะริวกะเริ่มเละเทะเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อนอีกแล้ว ในขณะที่โนบุนากะนั้นกำลังจะตวาดใส่ริวกะ เขาก็เห็นสีหน้าของเบงเค ที่ยังไม่หมดหวัง จริงอยู่แม้จะเกิดคนละยุค แม้จะเกิดห่างกันเป็น 100 ปี แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักรบก็บอกกับเขาได้ทันที ว่าเบงเคยังเชื่อมั่นในตัวไอ้หนูริวกะอยู่
[ ริวกะ ] : โค่ย !!! ( เข้ามา )
ริวกะที่หัวแตกเลือดอาบหน้า ก็ได้พูดท้าทายเหล่าวิญญาณนั้นโดยไม่มีท่าทีที่กลัวแม้แต่นิดเดียว ส่วนเหล่ายูเรนั้นก็ได้พุ่งเข้าใส่ริวกะทันทีโดยไม่มีความหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะยังไงพวกมันก็ไม่ตายอยู่ดี อย่างมากก็แค่โดนเผาด้วยไฟเท่านั้น เปรี้ยง !!! เปรี้ยง !!!
[ ริวกะ ] : โค่ย !!! ( เข้ามา )
เปรี้ยง !!! เปรี้ยง !!! เปรี้ยง !!! วู่บบบบบ ริวกะพุ่งใส่พวกมันอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว เขาเหวี่ยงหมัดซ้าย ขวา เตะ ถีบ ฉีกกระชากอย่างไรปราณี จนเหล่าสัมพเวสีถึงกับชะงักเลยทีเดียว ตอนมีชีวิตพวกมันทั้งฆ่า ข่มขืน ปล้น พวกมันมั่นใจว่า ความบ้าคลั่งและป่าเถื่อนของพวกมันนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใดเลย แต่ตอนนี้เมื่อพวกมันเจอริวกะที่กำลังบ้าคลั่งไล่บดขยี้ ฉีกกระชากร่างของพวกมันด้วยมือเปล่าแบบนี้ พวกมันถึงกับกลัวจนขาสั่น กลัวจนขี้หดตดหาย กลัวจนอยากจะตายไปอีกรอบ
[ ริวกะ ] : คั่ก ขัต เตะ โค่ย !!! ( เข้ามาให้หมด !!! )
ริวกะตะโกนอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้าย เสียงคำรามของเขานั่นดูทรงพลังและน่ากลัวราวกับมันคือเสียงคำรามของ " มังกร " ผิวหนังของริวกะค่อยๆไหม้ทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด ซึ่งมันผิดธรรมชาติ ปกติร่างกายของเขาสามารถฟื้นฟูบาดแผลของตัวเองได้เรียกว่าได้ในพริบตา แต่ตอนนี้เนื้อหนังของเขาค่อยๆไหม้ และหลุดไปทีละน้อยอย่างแปลกประหลาด นั่นเพราะเพลิงนี้คือพลังที่ริวกะยังไม่สามารถควบคุมมันได้
มันเป็นไฟโทสะที่ไม่มีวันหยุดเผาไหม้ราวกับพระอาทิตย์ที่ไม่มีวันดับแสง ริวกะตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะหยุดมันได้เพราะเขาก็คลุ้มคลั่งเพราะความโกรธอย่างถึงขีดสุด และสิ่งที่บ่งบอกได้ดีนั่นก็คือเหล่าสัมภเวสีที่ตอนนี้มันกรีดร้องอย่างโหยหวน เพราะมันไม่สามารถคืนร่างได้ แม้ว่าพวกมันพยายามจะคืนร่างเท่าไรก็ทำไม่ได้ เพราะไฟของริวกะนั้นยังคงเผาพวกมันอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าวิญญาณนั้นคือเชื้อเพลิงชั้นดี
[ ริวกะ ] : ชิรานุ~
อ่อก โอ้กกก ริวกะที่กำลังจะใช้รูปแบบเพลิงลำดับต่อไป กลับชะงักทันที เพราะตอนนี้เขาได้กระอักเลือดออกมาจำนวนมาก เพียงแค่เพลิงแห่งความบ้าคลั่งนี้ประทุได้ไม่ถึง 5 นาที ร่างกายของริวกะก็ยังเยินไม่มีชิ้นดีเสียแล้ว แขนข้าก็ไร้เรียวแรง ร่างกายสั่นเทาไปหมด แถมสายตาก็ขุ่นมัวราวกับฝ้าขึ้นกระจก หายใจก็ลำบาก นี่แหละคือผลของผู้ที่คิดท้าทายดวงตะวัน ในขณะที่คิดว่าตนเองกำลังมีชัย กลับถูกไฟนั้นแผดเผาทำลายโดยไม่รู้ตัว ริวกะตอนนี้เองก็เช่นกันเพลิงอาทิตย์ที่เขาปลดปล่อยออกมานั้น มันเกินกำลังของเขาเหลือเกิน สิ่งที่ยืนยันได้ดีคือตอนนี้เขานั้นแทบลุกไม่ขึ้น ร่างกายบาดเจ็บสาหัสนั่นเอง
[ เบงเค ] : นายท่าน นายท่าน !!!
[ โนบุนากะ ] : เฮ้ย !!! เจ้าหนูองเมียวจิ อ่อนหัดจริงเว้ย !!!
ทั้ง 2 เทพอัญเชิญถึงกับตกตะลึงเพราะไม่คิดริวกะขาดสติ จนทำให้ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ขนาดนี้ ฉั๊วะ !!! ฉั๊วะ !!! ในขณะที่ริวกะนั้นทรุดลงและเหล่าวิญญาณร้ายได้พุ่งเข้ามาหมายจะปลิดชีพ ท่านโนบุนากะและเบงเคก็ได้พุ่งเข้ามาฟันฉับเข้าที่พวกมันอย่างรวดเร็วและสิ่งที่เบงเคเห็นนั้นก็ทำให้พวกเขาตกใจไม่ใช่น้อย
[ เบงเค ] : แย่แล้ว เลือดออกที่หู แก้วหูแตก นายท่าน นายท่าน
พระนักรบพยายามเรียกริวกะ แต่เขาก็ไม่ได้ยิน เพราะตอนนี้อวัยวะภายในของเขาเสียหายหนักจากเพลิงสุริยะนั่นเอง แม้ว่าปกติมันจะฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็วแต่บาดแผลตอนนี้มันก็หนักเกินไป ตอนนี้ริวกะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เขารับรู้ได้แต่เสียงลมหายใจที่ติดขัด เขาได้ยินแต่เสียงหัวใจที่ที่มันเต้นรัวเพราะความเหนื่อยล้า ชั้นมาทำอะไร ชั้นทำลงไปทำไม ทำไมต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ ทำไมต้องพาตัวเองมาลำบากแบบนี้ นอนอยู่บ้านก็สบายแล้วแท้ๆ ริวกะคิดแบบนี้จริงๆ ว่ากันว่ายามที่เหนื่อยล้ามากที่สุด ว่ากันว่ายามที่หิวที่สุด มนุษย์จะแสดงสันดารที่แท้จริงออกมา และตอนนี้ริวกะกำลังอยู่ ณ.จุดๆนั้น
[ โนบุนากะ ] : ไอ้หนู ไอ้หนู
[ เบงเค ] : นายท่าน นายท่าน
ท่ามกลางสงครามวิญญาณตรงหน้า ริวกะที่สภาพไม่ต่างอะไรกับคนที่ใกล้ตาย ตอนนี้ได้แต่นั่งหายใจติดขัดไปหมด แม้ว่าร่างกายจะฟื้นฟูขึ้นมาบ้างเพราะไม่ได้ใช้เพลิงสุริยะแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
[ ชิโตะ ] : เคี๊ยกกกกก ยอมแพ้เสียเถิด ยอมแพ้แล้วตายไปซะ
ชิโตะนั้นรับรู้ได้ดี เพราะทุกครั้งที่มันจะสังหารคน มันจะมอบความสิ้นหวังให้เหยื่อทุกราย ดังนั้นมันจึงรู้ดีว่าตอนนี้ริวกะกำลังสิ้นหวังอยู่ แต่...ระยะเวลา 100 ปีที่มันมีอายุมานั้น มันยังไม่ได้เรียนรู้บางอย่าง บางอย่างที่เรียกว่า ความเชื่อมั่น มันจึงไม่รู้ว่าความเชื่อมั่นนั้นมีพลังมากเพียงใด
บึ้ม !!! เสียงระเบิดดังขึ้นกึกก้องไปทั่ว พร้อมกับร่างของริวกะที่ยืนขึ้นมาได้ราวกับปาฏิหารย์ รอบตัวของเขานั้นถูกห่อหุ้มด้วยไอสีเขียวราวกับว่ามันคือเวทย์มนต์พฤกษา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
•••••
ในขณะเดียวกันนอกมิติของจิโตะ ยามิ และ ฮิคาริที่โดนกัปปะทุบจนสลบก็ได้ฟื้นขึ้น ทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมาก็จะเอาเรื่องกัปปะก่อนเลย
[ ยามิ ] : กัปปะ นี่เจ้าทำอะไรข้า.... เจ้ากล้าทรยศนายน้อยโดยการทิ้งท่านไว้เหรอ
[ ฮิคาริ ] : เจ้าทำไมทำแบบนี้กัปปะ เสียดายที่นายน้อยทั้งรักทั้งไว้ใจเจ้า แต่ในเวลานี้เจ้ากลับทิ้งนายน้อยไว้
[ โคฮาคุ ] : หยุด !!! ท่านพี่ซึบาสะมารุ ท่านพี่ฮิคาริ
โคฮาคุน้องคนเล็กของซันบะการาสึ ถึงกับต้องออกหน้าพูดแทน เพราะตอนนี้กัปปะ ก็ทั้งหนักใจทั้งเสียใจไม่น้อยเช่นกัน
[ โคฮาคุ ] : ท่านพี่จะต่อว่ากัปปะฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้ากัปปะไม่ทำแบบนั้นพวกเราโดนเพลิงสุริยะ เผาตายกันหมดแล้ว พวกท่านดูที่มือของกัปปะเถอะ
ทั้งสองมองไปที่มือของกัปปะ ก็พบว่ามือของกัปปะนั้นมีแผลพุพองเต็มไปหมด นั่นเพราะว่าตอนที่กำลังหนีกันออกมานั้น เพลิงสุริยะของริวกะได้แผ่ขยายอาณาเขตมาจนกัปปะต้องใช้เวทย์มนต์น้ำของเขาป้องกันไว้ แต่ด้วยความแรงของเพลิงนั้น ทำให้น้ำถึงกับเดือดจนมันลวกมือของกัปปะนั่นเอง
[ โคฮาคุ ] : ถ้ากัปปะไม่ตัดสินใจ ทำให้พวกท่านสลบและพาออกมา รับรองพวกท่านได้ไหม้ตายหมดแล้วแน่ๆ พวกท่านคิดว่านายน้อยจะเป็นอย่างไร ถ้ากลับออกมาแล้ว พวกเราทั้งหมดต้องดับสูญไปหมด นายน้อยจะอ้างว้างเพียงใด กัปปะน่ะคิดถึงหัวใจของนายน้อยมากกว่าพวกท่านเสียอีก พวกท่านนั้นแหละที่ไม่เชื่อใจในตัวนายเหนือหัวของพวกเรา
ทั้งยามิและฮิคาริโดนโคฮาคุต่อว่าจังๆแบบนี้ก็ถึงกับหน้าชา เลยทีเดียว ปกติโคฮาคุจะเป็นน้องที่เชื่อฟังพวกตนมากๆ ไม่เคยเถียง ไม่เคยเกเรใส่ แต่ครั้งนี้เขาถึงกับพูดต่อว่าออกมาแบบนี้ ทำให้พวกเขาก็พูดไม่ออกเหมือนกัน อีกทั้งกัปปะที่พวกตนทั้งสองได้ต่อว่าไปนั้น เขากลับกลายเป็นคนที่อ่านสถานการณ์ได้เฉียบขาดมากกว่าใครๆ ถ้าไม่ได้กัปปะช่วยไว้ป่านนี้พวกเขาได้กลายเป็นนกย่างไปแล้ว
[ ยามิ ] : กัปปะ ข้าขอโทษข้าเป็นห่วงนายน้อยมาเกินไป จนยั้งคิด ไร้สติแบบนี้
[ ฮิคาริ ] : ช้าก็ขออภัยเช่นกันกัปปะ
[ กัปปะ ] : ข้าเข้าใจพวกเจ้า เพราะเจ้าทั้งสองสนิทกับนายน้อยมากกว่าใครๆ แต่เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป พวกเจ้าอาจจะไม่รู้ ว่าตอนนี้นายน้อยริวกะนั้น ไม่ใช่นายน้อยคนเดิมแล้ว จงเชื่อใจนายน้อยริวกะของพวกเราเถอะ จำไม่ได้เหรอว่า นายน้อยของพวกเรานั้นเป็นใคร
กัปปะที่ดูเหมือนจะสนใจแต่แตงกวานั้น ตอนนี้วุฒิภาวะความเป็นผู้นำนั้นมีมากกว่ายามิเสียอีก เพียงคำพูดของเขาไม่กี่ประโยคก็ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของยามิและฮิคาริสงบลงได้มากเลยทีเดียว ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่รอ รออย่างเชื่อมั่นว่านายน้อยของพวกเขาจะกลับมาพร้อมชัยชนะ
••• เมื่อสักครู่ด้านริวกะ •••
ในขณะที่ริวกะกำลังจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความทุกข์ ที่เกิดจากความผิดหวังที่ไม่สามารถจัดการชิโตะได้ ในขณะที่เขากำลังจะดำดิ่งลึกลงไปกว่านั้น
จะยอมแพ้แล้วเหรอริวกะ ?
เสียงของใครสักคนดังขึ้น ใครสักคนที่เขารู้สึกคุ้นเคย ริวกะพยายามมอง แต่ทุกอย่างก็พร่ามัวไปหมด ใช้สิ่เขารู้ตัวดี ว่าตอนนี้อวัยวะต่างๆในร่างกายเขามันเสียหายไปหมดแล้ว แต่มันน่าแปลกที่เขากลับได้ยินเสียงชัดเจนแบบนี้
จะยอมแพ้แล้วเหรอริวกะ ?
[ ริวกะ ] : ไม่ผมยังไม่อยากยอมแพ้ แต่ แต่จะให้ผมสู้แบบไหนล่ะครับ ซูซาคุ ที่ผมใช้ออกไปยังเข้าไม่ถึงตัวมันเลย อีกทั้งตอนนี้ตัวผมก็ลุกไม่ขึ้นแล้ว
จะยอมแพ้แล้วเหรอริวกะ ?
[ ริวกะ ] : ไม่ บอกว่าไม่ไง
จะยอมแพ้แล้วเหรอริวกะ ?
เสียงๆนั้นยังถามริวกะด้วยคำถามเดิม ซ้ำๆ ซ้ำๆ ซึ่งริวกะเองก็งงว่าทำไมถามคำถามเดิม เพราะเขาได้ตอบไปแล้วว่า " ไม่ยอมแพ้ " แต่เสียงนั้นก็ยังถามแบบเดิมๆ จนเขาฉุกคิดขึ้นมาได้ " ยอมแพ้แล้วเหรอ " คำถามนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น ยอมแพ้ให้กับอะไรล่ะ ยอมแพ้ให้กับชิโตะ ยอมแพ้ให้กับความสิ้นหวังที่มันกำลังก่อตัว หรือ ยอมแพ้ให้กับสภาพร่างกายที่มันพังยับเยิน แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้แน่ๆ
[ ริวกะ ] : ผมไม่ยอมแพ้ให้กับอะไรทั้งนั้น ถึงแม้โลกใบนี้มันจะบิดเบี้ยวก็ตาม แม้พวกเราเหล่าองเมียวจิจะถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ศรัทธาของผมไม่มีวันพังทลาย ถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่จะก้าวหน้าเพียงใด แต่ลึกๆในใจทุกคนก็ยังคงต้องการแสงสว่างที่เรียกว่าศรัทธา
คำตอบนี้เหมือนจะทำให้เสียงปริศนานั้นพอใจเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาอยากจะถามริวกะก็คือ " ยอมแพ้ให้กับโลกยุคปัจจุบันหรือเปล่า " โลกปัจจุบันที่แทบจะลืมเลือนองเมียวจิ โลกปัจจุบันที่แทบจะลืมเลือนวิถีอนเมียวโด โลกปัจจุบันที่ไม่ได้พึ่งพาอนเมียวโดแล้ว นั่นเพราะถ้าริวกะยอมแพ้ให้กับสิ่งเหล่านี้ เขาก็จะไม่ต่างอะไรกับชิโตะเลย ชิโตะนั้นพ่ายแพ้ให้แก่ความเศร้า เศร้าที่สิ่งสำคัญอย่างองเมียวโดถูกลืมเลือน ทั้งๆที่สิ่งนี้เคยเป็นที่นึดเหนี่ยว เคยเป็นที่พึ่งให้พวกเจายามอับจนหนทาง และเพราะจิตใจที่พังทลายจึงทำให้ชิโตะมุ่งสู้ด้านมืดเพื่อแก้แค้นโลกที่ลืมเลือนองเมียวจินั้นเอง แต่สำหรับริวกะแล้วนั้นต่างออกไป เขาแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือ ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป องเมียวจิจะเป็นที่พึ่งทางใจให้ผู้ที่เดือดร้อนเสมอ
อื้ม !!! ดีเจ้าสอบผ่าน โฮวคิไนเด็นและมหาเวทย์ทั้งหมดเป็นของเจ้าแล้ว จงใช้แสงสว่างนำทางผู้ที่ตามืดบอด จงเผาไหม้ทุกความชั่วให้เป็นจุล ลูกหลานของฮิเดโมโตะพี่น้องร่วมสาบานของข้า
เสียงดังกล่าวค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และ ปุ่ป !!! ริวกะรู้สึกได้ว่าศรีษะของเขากำลังถูกสัมผัสด้วยฝ่ามือ และมันรู้สึกเย็นและสบายมากๆ อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาสบายเหมือนกับความหายปวดทั้งหมดหายไป หลักฐานคือ ภาพของริวกะนั้นค่อยๆชัดขึ้น ชัดขึ้น ชัดขึ้น ราวกับดวงตาของเขาได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ใช่ ตอนนี้เขาอยู่ที่หน้าประตูราโชมอน และเขาก็มองเห็นชายตรงหน้าชัดเจนด้วย เขาเป็นชายอายุเท่าไรไม่ทราบได้แต่รูปลักษณ์ตอนนี้คือชายหนุ่มอายุไม่เกิน 40 เครื่องทรงองเมียวจิของเขาข่างสง่างามและดูขลังยิ่งนัก อีกทั้งพัดกระดาษที่มือขวาก็ซ่อนพลังบางอย่างเอาไว้ด้วย ร่างนั้นย่อตัวลงมาหาริวกะที่กำลังนั่งหมดสภาพอยู่และพูดว่า
เอาล่ะ ไปจัดการเจ้าอมรณาตนนั้นซะเจ้าหนูริวกะ แค่อมรณาตนเดียว ไม่ครณามือเจ้าหรอก
ปึ้ก !!! ชายคนดังกล่าวจับที่หัวของริวกะอีกครั้ง และคราวนี้เหมือนว่าเขาได้ถ่ายถอดบางสิ่งบางอย่างเข้ามาในหัวของริวกะด้วย
เสี้ยวความทรงจำของข้า ผนวกกับวิถีองเมียวโดที่เจ้าศึกษามาตั้งแต่เยาว์วัย ไม่มีทางจะปราชัยให้มันแน่ ไปจัดการมันซะ
•••••
- ปัจจุบัน -
บึ้ม !!! เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว เรียกความสนใจจากความโกลาหลได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ร่างของริวกะกำลังยืนขึ้นมาภร้อมกับมีไอสีเขียวเคลือบตัวของเขา
[ ริวกะ ] : ขอบคุณครับ ท่านเซย์เมย์ ( ประสานอิน ) 復活 ( ฟุคคัสสึ : การฟื้นฟู )
วู๊ววววว รอบตัวริวกะนั้นเปล่งแสงสีเขียวออกมาทันทีที่เขาร่ายมนต์ฟื้นฟู จริงอยู่ที่แผลของริงกะจะไม่หายสนิท จริงอยู่ว่าความเจ็บปวดยังคงมีอยู่ แต่แค่สองขายังยืนได้ ตายังมองเห็น มือยังสามารถขยับ และ ใจยังไม่ท้อ เขาก็ยังไม่แพ้ ทันใดนั้นทุกอย่างก็ผลันเปลี่ยนทันที จากไอลอองสีเขียวตอนนี้ทุกอย่างเริ่มกลายเป็นหมอกสีส้ม
ก๊าซ !!! เหล่าวิญญาณทาสทั้งหลายเมื่อเห็นริวกะยืนขึ้นมันก็ยิ่งคลั่ง ต่างพากันถาโถมโรมรันหมายห้ำหั่นเอาชีวิตให้ได้แต่ว่า ครึ่กกก ครึ่กกก ร่างกายของพวกมันเคลื่อนไหวช้าลง ช้าลง และสลายไป ชิโตะตกใจแทบสิ้นสติเพราะสิ่งที่มันเห็นคือ ดวงดาว ดาวห้าแฉกสีส้มปรากฎบนพื้นที่ริวกะยืนอยู่เหมือนเป็นเขตอาคมที่ทรงพลังมากๆ
[ ริวกะ ] : 結界 : 天皇領 [ เค่กไค เท็น โน เรียว ] [ ข่ายอาคม : อาณาเขตจักรพรรดิ ]
[ ชิโตะ ] : อะ อะ อาณาเขตจักรพรรดิ บ้าน่า ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ทำไม ทำไมเวทย์จักรพรรดิ ถึงเลือกแก ไม่ ไม่จริง
ชิโตะนั้นขวัญหนีดีฝ่อไปหมด ตั้งแต่เห็นดาว 5 แฉกบนพื้นมันก็ตกตะลึงพออยู่แล้ว และยิ่งพอได้ยินริวกะเอ่ยมนต์ร่ายคาถา ยิ่งทำให้มันหลอนเข้าไปใหญ่มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่เวทย์มนต์โบราณที่มีอายุพันกว่าปีจะมีคนเอามาใช้ได้
[ ชิโตะ ] : กะ กะ กะแกเป็นใครกันแน่
[ ริวกะ ] : ชั้นเหรอ องเมียวจิวัยเยาว์ยังไงล่ะ
พรึ่บ !!! ริวกะตอบเพียงเท่านั้น แค่คำตอบสั้นๆก็ทำให้ชิโตะถึงกับตะลึง ถ้างั้นคนในคำทำนายที่จะมาฆ่ามันก็คือไอ้เด็กตรงหน้าจริงๆสิ่นะ มันสั่งให้เหล่าวิญญาณที่ยังเหลืออยู่พุางเข้าเพื่อฆ่าริวกะทันที แต่เพียงก้าวเข้ามาในอาณาเขตจักรพรรดิพวกมันก็สลายหายไปทัน อาณาเขตจักรพรรดิคือเวทย์คุ้มครองของเซย์เมย์ มันจะฟื้นฟูบาดแผลของผู้ร่ายคาถาอีก ด้วย
และถึงแม้จะเป็นคาถาฟื้นฟูแต่ถ้าสัมภเวสีหรือวิญญาณตนใดก้าวล้ำเข้ามาละก็ ไหม้เกรียมทันที แต่ถ้ามัวแต่ฟื้นฟูร่างกาย ยังไงก็ไม่มีทางกำจัดได้ชิโตะได้แน่ ริวกะจึงเสี่ยงเดิมพันครั้งสุดท้ายกับมนต์บทนี้ เขตแดนดาว 5 แฉกที่อยู่บนพื้นนั้นหายไป แต่ตอนนี้มันกำลังปรากฏบนหัวของริวกะแทน
ในเสี้ยวความทรงจำของริวกะนั้น มหาเวทย์บทนี้ ไม่ต้องประสานคุจิอิน ไม่ต้องร้ายคาถาอะไร เพราะมีเพียงผู้ที่ถูกยอมรับเท่านั้นถึงจะสามารถใช้มหาเวทย์นี้ได้ เพียงเอ่ยนามเท่านั้น มหาเวทย์บทนี้ก็จะแสดงฤทธาทันที
[ ริวกะ ] : เทพีแห่งสุริยะเอ๋ย โปรดมอบพรวิเศษแก่ข้า ผู้ที่ก้าวข้ามทั้งเก้าขุนคีรีและแปดมหานทีสีทันดร ขอมนต์อัคคีจงสถิตแก่ข้าผู้นี้ 炎帝 เอ็นเต้ !!! ( จักรพรรดิเพลิง )