สวัสดีครับ สวัสดี ช่วงนี้พอมีเวลาว่างเลยได้ลงเร็วกว่าปกตินิดหน่อย
ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายในการจัดทำหนังสือ E Book ของคิราระขั้นตอนสุดท้ายพอดี
ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
กลับมาที่เรื่องของพี่มังกรและสาวอั้มกันก่อน แน่นอนว่าตอนนี้มีซ่อนเนื้อหา ต้องแสดงความคิดเห็นก่อนนะครับ ถึงจะสามารถอ่านเนื้อเรื่องส่วนที่เหลือได้
1. คิดเห็นอย่างไรกับเนื้อเรื่องช่วงแรก
2. คุณมีความทรงจำกับเพลง มากน้อยเพียงใด
3. เมื่ออ่านจบทั้งหมดแล้วมีความคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง
ปล. เนื่อเรื่องมีสอง Part โดยจะอยู่ที่ Reply ที่ 2
ความเดิมตอนที่แล้ว
อั้มนั้นได้ถูกไอ้เพียววางแผน จะพาไปวางยาและเคลม แต่ดูเหมือนว่า ยาที่ใช้นั้นจะไม่ได้ผล ซ้ำร้ายริวกะยังตามไปช่วยได้ทัน
ซึ่งนั่นทำให้เปิดเผยอีกว่า อั้มไม่ได้เป็นแค่อัจฉริยะทางแพทย์อย่างเดียว เธอยังเป็นมวยจีน อย่างฟาจิน อีกด้วย
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป พี่น้องจะเปิดใจคุยกันและเปลี่ยนสถานะกันได้ไหม ต้องติดตามในตอนนี้ครับ
...............
ตอนที่ 27 : ชั่วโมงต้องมนต์และปีกแห่งรัก
สรุปว่าทั้งหมดนี้เวย์เป็นคนวางแผน ตั้งแต่คนขับ Taxi มาจนถึงพนักงานต้อนรับหน้าเรือ เวย์เป็นคนวางแผนและจัดฉากให้อั้มและริวกะขึ้นไปดื่มด่ำบรรยากาศนั่นเอง หลังจากที่แผนทุกอย่างของเขาจบลง เขาและโรส เจ้าหน้าที่หน้าม้าก็พากันเดินออกไป โดยที่เวย์ได้ชวนไปดื่มต่อและดูเหมือนว่าจะได้ดื่มกันทั้งคืนแน่ๆ กลับมาที่ริวอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะจะสงสัยจะรู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่การดินเนอร์ที่ปกติเท่าไรนัก
แต่ว่าถึงแม้จะไม่รู้จุดประสงค์ของผู้ที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เมื่อพี่อั้มบอกว่าอยากขึ้น เขาก็ตามใจแต่โดยที ถ้าเกิดเหตุฉุกละหุกขึ้นมา เขาก็จะสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนบนเรือและหาทางพาพี่อั้มกระโดดลงมาจากเรือเอง แต่ว่าจากที่ดูแล้วข้างบนนี้ไม่มีอะไรน่าสงสัยและเมื่อใช้อาณาเขตลมตรวจจับความเคลื่อนไหวต่างๆ เขาก็ไม่พบใครที่น่าสงสัยอีก เพราะงั้นตอนนี้เขาควรที่จะดื่มด่ำกับมื้อนี้ให้เต็มที่ คงจะดีที่สุด
[ อั้ม ] : โชคดีจัง ที่มาเวลานี้ เฮ้อออ แถมได้ที่นั่งริมๆอีก เฮ้ออออ ดีใจจังที่นายพาพี่มา
[ ริวกะ ] : ครับ ผมดีใจที่พี่ชอบครับ
ทั้งที่นั่งที่วิวดีมากๆ ทั้งบรรยากาศที่เพอร์เฟค ทั้งเมนูอาหารที่เขาสามารถกินได้ทุกเมนู ทั้งไทม์มิ่งที่มันเป๊ะขนาดนี้ ยังไงก็ต้องมีคนจัดฉากมันขึ้นมาแน่ๆ แต่ว่าใครล่ะ.... แต่ช่างมันเถอะในเมื่อหาคำตอบไม่ได้ เขาก็ควรดื่มด่ำกับบรรยากาศ เครื่องดื่ม และอาหารตรงหน้ามากกว่า ที่สำคัญพี่อั้มในตอนนี้ก็สวยมากๆจนเขาไม่อยากจะคิดเรื่องอื่นนอกจากมองเธอจริงๆ
และเพียงไม่นานก็มีก็มีพิธีกรออกมาพูดแนะนำนู่นนี่นั่นมากมาย ซึ่งพอได้ฟังแล้วทั้งอั้มและริวก็คิดว่าค่าใช้จ่ายคนละ 2,500 ที่จ่ายไปนั้นไม่แพงเลย เพราะถ้ามองดูดีๆรอบเรือนี้บรรยากาศดีมากๆ แถมอาหารก็ดูดีสุดๆ เพียงไม่นาน Welcome Drink ก็มาเสิร์ฟ เจอน้ำเสาวรสเข้าไปอั้มถึงกับละลายเลยล่ะ มันทั้งหวาน ทั้งชื่นใจ ริวนั้นก็ยิ้มมีความสุขที่พี่สาวของเขาชอบมัน เรียกได้ว่าบนเรือนี้เหมือนโรงแรมลอยน้ำไม่มีผิด
นอกจากเมนูสุดแสนวิเศษแล้ว ยังมีไลน์บุฟเฟ่อีกด้วย เห็นอั้มตัวเล็กๆแบบนี้แต่เธอกินซะเยอะเลย อีกทั้งบรรยากาศทั้งสองฝั่งก็เรียกได้ว่างดงามจริงๆ
ทั้งท่ามหาราช วัดอรุณ ป้อมพระสุเมรุ สะพานพระราม8 สะพานพระราม9 วัดระฆัง วัดพระแก้ว ในยามค่ำคืนก็สวยงามจนแทบลืมหายใจ เรียกได้ว่าการตัดสินใจพาอั้มขึ้นเรือมาครั้งนี้ริวกะคิดถูกจริงๆ
จนเวลาผ่านไป 1 ช.ม. เรือก็แล่นกลับมาจอดที่ท่าเรือเอเชียทรี๊คอีกครั้ง อั้มนั้นเดินไปยิ้มไปเลย มันเป็นมื้ออาหารที่วิเศษมากๆสำหรับเธอจริงๆ
[ อั้ม ] : ขอบคุณนะนายริว พี่ชอบมากเลย
[ ริวกะ ] : ไม่เป็นไรเลยครับ เพื่อพี่สาวผมทั้งคน แค่นี้สบายๆ
ฉึ้ก !!! ราวกับคำพูดของริวนั้นทิ่มแทงหัวใจจริงๆ แต่เมื่อคิดๆไปแล้วเมื่อก่อนก็เป็นเธอนั้นแหละที่พูดเรื่องฐานะพี่น้องบ่อยๆ ตอนนี้เธอพึ่งรู้ง่ามันเจ็บเพียงใดที่ถูกมองว่าเป็นแค่พี่น้อง
แต่อั้มก็นิ่งได้แค่แปปเดียวก็ต้องสะดุ้งเพราะอยู่ดีๆ มือของเธอก็จับเข้ากับมือของนายริวเฉยเลย เธอสาบานได้ว่ายังไม่ได้คิดจับมือแต่อย่างใด
แต่อยู่ดีๆมือของเธอก็จับไปเองราวกับว่าถูกใครบางคนบังคับ ริวเองก็ตกใจเหมือนกันที่อยู่ดีๆพี่อั้มจับมือของเขา แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร ส่วนอั้มนั้นพอเห็นนายริวไม่ว่าอะไรเธอก็แอบยิ้มเบาๆและจับมือเดินไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะใครบางคนแอบมองเขาอยู่บนท้องฟ้าสูงขึ้นไปอีก
[ การะเกด ] : เฮ้อ ลูกสะใภ้คนนี้ไม่ไหวเลยนะ ลำบากแม่ยายอย่างข้าทุกทีเลยสิ่นะ
[ เวตาล ] : เอ่อ แต่เพราะเธอขี้อายแบบนั้น ถึงเป็นข้อดีของเธอนะครับ เจ้านาง
[ การะเกด ] : ขี้อายยังไงก็ให้มีขอบเขตสิ่ ดูอย่างรุ้งพลอยสิ่ ถูกใจข้าจริงจริ๊ง พลังอ่านใจที่ตื่นขึ้นมีประโยชน์จริงๆ ต้องยกความดีให้พิกุลนะ ที่สอนให้รู้จักสอนการควบคุมพลัง ไม่งั้นถ้าเกิดมันพุ่งพล่านขึ้นมาคงลำบากกันล่ะ
[ เวตาล ] : แต่คุณหนูรุ้งพลอยยังไม่รู้น่ะสิ่ครับ ว่าที่เธอเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของท่านมิไรและท่านคิราระ เป็นเพราะพลังแห่งสายเลือดคนทรงที่สามารถหยั่งรู้ความนึกคิดเพียงการสัมผัสกาย ข้ากังวลใจเหลือเกินครับเจ้านาง ตัวข้านั้นรู้สึกว่าพลังของคุณหนูรุ้งพลอยจะมีมากกว่า เจ้านายทุกๆรุ่นอีกนะครับ ถ้าเกิด.....
[ การะเกด ] : เจ้าอย่ากังวลใจไปเลยเวตาล ตอนนี้รุ้งพลอยอยู่ในการดูแลของพิกุล อีกทั้งยังมีลูกชายของข้าคอยดูแล ถึงตอนนี้ริวจะถูกท่านจิ้งจอกเก้าหางผนึกพลังไว้ครึ่งนึง แต่เชื่อเถอะว่าริวจะไม่ปล่อยให้รุ้งพลอยตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ แต่ตอนนี้นี่สิ่ จะทำยังไงกับลูกสะใภ้คนนี้ดี เฮ้ออออ
[ เวตาล ] : กระผมว่าปล่อยให้เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นเถอะครับ เจ้านาง
ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้านางการะเกดนี่เอง ที่เป็นคนทำให้อั้มนั้นจับมือกับริว ดูเหมือนว่าพักหลังมานี้ เจ้านางจะแวะมาหาริวกะบ่อยมากๆ แต่ก็ว่าแหละ คนเป็นแม่มีเหรอที่จะไม่คิดถึงลูก ใจจริงเจ้านางก็คงกลัวเหมือนกันแหละ กลัวว่าสักวันที่ริวกะรู้ความจริง เขาจะรู้สึกยังไงที่แม่ตนนี้ไม่เคยเลี้ยงดูเขาเลยตลอด 20 ปี
ในขณะที่แม่บังเกิดเกล้ากำลังลอยอยู่บนฟ้า ลูกชายหล่านามริวกะก็กำลังเดินอยู่กับพี่สาวคนสวยข้างล่าง มือของทั้งคู่จับประสานกันราวกับคู่รัก แม้ตอนนี้เจ้านางนะไม่ได้ใช้อำนาจลึกลับแล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีที่ทั้งสองจะยอมปล่อยมือกันเลย
[ อั้ม ] : อ๊า ไฟสวยจังเลย
[ ริวกะ ] : ผมถ่ายรูปให้มั้ยครับพี่อั้ม
[ อั้ม ] : อื้อ ๆ ๆ ๆ เอา เอา เอา
อั้มนั้นชอบถ่ายรูปมาก ยิ่งเวลาเห็นไฟสวยๆนี่ไม่ได้เลย แม้ริวกะจะไม่อยากปล่อยมือ แต่เมื่อเขาเห็นแววตาที่มีความสุขแล้ว เขาก็ไม่อยากจะขัดความต้องการนั้น อั้มรีบวิ่งไปแสงไฟนั้นทันที เหมือนเด็กน้อยที่เจอของเล่นขิ้นโปรด แชะ แชะ แชะ แชะ
[ อั้ม ] : อ๊าาา ยังไม่ได้ตั้งท่าเลย อย่าถ่ายตอนเผลอสิ่นายริว
อั้มรีบวิ่งไปหานายริวทันทีเลยทีเดียว เพราะเธอกลัวว่าภาพที่นายริวถ่ายนั้นจะดูไม่ดี เธอไม่อยากให้นายริวเห็นภาพเหวอๆของเธอ แต่ว่า... เมื่อดูภาพแล้ว
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวย ไม่ว่าจะเผลอยังไงความงามก็ไม่ลดลงเลย ยิ่งตอนทำหน้าเหวอนั้นก็โคตรน่ารัก อั้มเลื่อนดูเรื่อยๆ 4-5 ภาพก็ถึงกับแอบยิ้มที่มุมปาก ส่วนริวกะเองก็เรียกว่าเคลิ้มเลยล่ะเพราะทั้งสองนั้นใกล้ชิดกันมากๆจนแทบจะจูบกันอยู่แง้ว
[ อั้ม ] : นายริว ชอบแกล้งพี่อยู่เลยเลย อึ๋ยย
อั้มนั้นสะดุ้งโหยงเลยเพราะ ตอนที่กำลังเงยหน้าขึ้น กลับกลายเป็นว่าหน้าของเขาทั้งสองนั้นเฉัยดใกล้กันมาก จนริมฝีปากนั้นเผลอแตะนิดนึง แน่นอนว่าริวเองก็รู้สึกได้ว่าตะกี้ริมฝีปากของเขากับพี่อั้มสัมผัสกัน ถึงจะแค่นิดเดียวก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือเก็บอาการไม่ให้อั้มรู้
[ ริวกะ ] : โห ผมก็นึกว่าพี่พร้อมแล้วก็เลยกดถ่ายไง ( ตีเนียน )
[ อั้ม ] : โหย มีแต่ภาพเผลอๆ ( แอบหน้าแดงเหมือนกัน )
[ ริวกะ ] : นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ
อุ๊ย อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย ยังไงริวกะ เมื่อกี้ชมพี่อั้มว่าสวยงั้นเหรอ ซึ่งอั้มได้ยินก็ถึงกับหน้าแดงแปร๊ดเลยทีเดียว ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่นายริวชมเธอจะจะแบบนี้ อั้มงี้หน้าตึงเหมือนพึ่งฉีดโบทอกมาเลยก็ว่าได้ จริงอยู่ที่มีผู้ชายมากมายชมว่าเธอสวย เธอน่ารัก แต่สำหรับอั้มแล้วคำพูดนั้นแทบไม่มีความหมาย แต่กลับกันเมื่อนายริวเป็นคนพูดคำนี้มห้เธอฟัง คำธรรมดาๆกลับกลายเป็นถ้อยคำที่มีดาเมจรุนแรงมหาศาลเลยทีเดียว
[ อั้ม ] : ป่ะ ป่ะ ป่ะ ไปกันเถอะ พี่อยากเดินเล่นแล้ว
[ ริวกะ ] : คะ ครับครับ
อั้มนั้นรีบแก้เกมส์ทันทีด้วยการเอ่ยชวนไปเดินเล่น ซึ่งริวกะเองก็ตอบกลับอย่างทันท่วงทีเช่นกัน สมแล้วที่เก็บความรู้สึกมาได้เกือบปี เมื่อเห็นว่าทานข้าวกินเสร็่จแล้ว ริวกะจึงอยากกลับบ้าน แต่เขาก็ต้องุามความสมัครใจของพี่สาวเขาก่อนอยู่แล้วล่ะ
[ ริวกะ ] : พี่อั้มอยากกลับบ้านเลยเปล่าครับ
[ อั้ม ] : งืมม พี่อยากเดินเล่นอีกหน่อยน่ะนายริว
[ ริวกะ ] : ครับ
ในระหว่างที่สองคนกำลังแอบเขินกันและกันอยู่นั่นบนฟ้าก็กำลังมองด้วยความสุขใจไม่ใช่น้อยเลย
[ การะเกด ] : เฮ้ออออ ลูกชายข้า ทำไมขี้อายแบบนั้นล่ะ หมดกัน
[ เวตาล ] : กระผมว่าแบบนั้นก็ดีนะครับเจ้านาง อย่างน้อยท่านริวกะก็ยังมีมุมที่อ่อนโยนและเหมือนมนุษย์ทั่วไปอยู่
[ การะเกด ] : เฮ้อ ถ้าทำได้ข้าก็อยากจะเข้าไปหาเขาบ้างนะ
[ เวตาล ] : กระผมเชื่อว่าสักวัน เจ้านางจะได้เข้าไปพบท่านริวกะครัย
[ การะเกด ] : ข้าจะรอวันนั้นนะ
ในระหว่างที่เจ้านางการะเกดกับเวตาลกำลังสนทนากันบนท้องฟ้านั้น ดูเหมือนว่าริวกะและอั้มจะงานเข้าเสียแล้ว แต่ดูท่าทางจะเป็นงานที่ อาจารย์หญิงเบ็นไซเท็นเคยกล่าวไว้ “ เจ้าจะนำพาความสุขมาให้ผู้คนรอบกายของเจ้า ริวกะ “
วันนี้ร้าน Magic Hour เปิดวันแรกคร่า !!! อาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง ทานง่าย ทานสะดวก พร้อมให้บริการค่ะ แวะเข้ามาชมเข้ามาซื้อ เข้ามาอุดหนุนกันได้นะค๊า !!!
ระหว่างที่ว่าที่ผัวเมียทั้งสองกำลังเดินเขินอายกันอยู่นั้นก็ได้มี เสียงประกาศออกมา ดูเหมือนว่าจะพยายามโปรโมตร้านขายอาหาร แต่ว่าเมื่ออั้มได้ยินเสียงนั้นก็หันควั่บทันที เพราะเสียงนี้เธอคุ้นเคยมากๆ และเมื่อหันไปก็พบว่าใช่จริงๆ เป็นเพื่อนในคณะที่อั้มรู้จัก เสียงนั้นเป็นเสียงของเธอจริงๆ เมื่ออั้มเห็นดังนั้นจึงไม่รีรอที่จะรีบเดินเข้าไปหาเพื่อทักทายทันที
[ อั้ม ] : ส้ม !!! โห แต่งตัวสวยเชียวเปิดร้านใหม่เหรอ
[ ส้ม - เพื่อนพี่อั้ม ] : อ้าว อั้ม มาได้ไงเนี่ย อ้อมากับริวเหรอ
[ ริวกะ ] : ดีคร๊าบ พี่ส้ม แต่งตัวสวยเชียวครับ
[ ส้ม ] : จ้าดีจ้า พี่น้องคู่นี้นี่รักกันดีจริงๆ ใส่เสื้อก็เหมือนกันอีก พี่ล่ะอยากให้เป็นแฟนกันจริงๆ
อั้มงี้หน้าแดงแจ๋เลย พอเจอแซวตรงๆแบบนี้ ส่วนไอ้มังกรนั้นก็เรียกได้ว่าพยายามเกร็งให้หน้านิ่งจนตอนนี้ตะคริวแทบจะกินแล้ว
[ อั้ม ] : แซวอะไรเนี่ยส้ม ว่าแต่เปิดร้านวันแรกเหรอ
[ ส้ม - เพื่อนพี่อั้ม ] : อื้อๆ พอดีชั้นกับรุ่นพี่ หุ้นกันเปิดร้านน่ะ
[ ริวกะ ] : หือ เปิดร้าน ร้านแบบไหนครับ
[ ส้ม - เพื่อนพี่อั้ม ] : อื้ม ก็จำพวก Street food น่ะ อาหารที่ทำง่ายๆ ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ พี่อยากลองหาเงินไว้ใช้จ่ายเองและก็เอาไว้จ่ายค่าหอพักน่ะ ( หอพักส้ม เดือนละ 3,500 บาท ) เพราะปีหน้าพี่ว่าพี่ต้องใช้เงินเยอะแน่ๆ อยากลองหาอะไรทำก่อนเรียนจบน่ะ ไม่อยากไปเคว้งว่าอยากทำอาชีพอะไรหลังเรียนจบ
[ ริวกะ ] : สุดยอดเลยครับพี่ส้ม
[ อั้ม ] : ส้ม แกต้องแบ่งเวลาดีๆนะ ปีหน้าก็ต้องฝึกงานแล้ว ไหนจะเวลาเรียนอีก ชั้นไม่อยากให้แก เกรดตกนะ
[ ส้ม ] : อื้ม ก็แบ่งๆเวลาแล้วล่ะ ก่อนเปิดร้านชั้นก็วางแผนเรื่องเวลากับพี่ๆหุ้นส่วนแล้วล่ะ
[ อั้ม ] : อื้มๆ แบบนั้นก็สบายใจไปเปราะนึง
[ ส้ม ] : ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว แกมาอุดหนุนซะดีๆ ยัยอั้ม มานี่เล๊ยย ริวมาด้วยกันนะ
ส้มนั้นจูงมืออั้มไปทันที จะว่าไปสองคนนี้ก็เรียกได้ว่า สนิทกันในระดับหนึ่งเลย ส้มนั้นพูดตรงๆบ้านก็เรียกว่า มีฐานะในระดับหนึ่ง แต่ว่าเธอนั้นเป็นคนที่ขยันและชอบหานู่นหานี่ทำ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะต้องรบกวนเงินทางบ้านเพื่อมาเป็นทุนตั้งต้นบ้าง แต่ที่บ้านก็สนับสนุนเต็มที่ เพราะคติของบ้านนี้คือว่า ลงมือทำดีกว่าปล่อยให้มันผ่านไป ได้เงินก็คือกำไร แต่ถ้าขาดทุนก็คือประสบการณ์
[ ส้ม ] : นี่งายยยยย
และสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ รถบรรทุกขนาดเล็กซึ่งดัดแปลงให้กลายเป็นร้านได้อย่างสวยงาม ริวกะสังเกตรอบๆแล้ว ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว การใช้รถขนาดเล็กมาจัดสรรปันส่วนให้ลงตัวได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
[ อั้ม ] : หืม Food Truck เหรอ
[ ส้ม ] : ใช่ๆ ๆ ชั้นไม่อยากทำร้านให้ใหญ่มากน่ะ มันดูแลลำบาก อีกอย่างงบต้องสูงมากๆเลยล่ะ
[ ริวกะ ] : พี่ส้มครับ รถที่เอามาดัดแปลงมันก็ราคาไม่ใช่น้อยๆเลยนะครับเนี่ย
[ ส้ม ] : รถเป็นของมือสองเกือบสามน่ะริว พวกพี่มาคำนวณต้นทุนการซ่อมแซมปรับปรุงแล้ว ยังถูกกว่าซื้อใหม่ตั้ง 3 เท่าแน่ะ พี่หุ้นส่วนเขาช่วยซ่อมปรับปรุงให้น่ะ สบายๆเลยฝีมือดีมากๆ
[ ริวกะ ] : ฟิ้วว ( ผิวปาก ) งานดีมากเลยนะครับ ปรับปรุงซะนึกว่าของใหม่เลย
[ ส้ม ] : ใช่ๆ ๆ เก่งมากๆ เลยนะเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย เอ้านั่นไง มาพอดีเลย พี่กระแต ทางนี้ค่ะ
ทั้งพี่อั้มและริวกะนั้นหันไปตามที่ส้มนั้นเรียก สิ่งที่พวกเขาพบนั้นคือ สาวสวยใส่แว่นคนหนึ่งกำลังเดินมาพร้อมกับชุดยูนิฟอร์มของร้าน Magic Hour ชุดเสื้อผ้าสีฟ้าสดใสพร้อมกับผ้ากันเปื้อนที่ชวนมองยิ่งนัก ซึ่งเมื่อได้เห็นกระแตแล้ว ริวกะก็ไม่แปลกใจเลยที่รถ Food Truck คันนี้จะงามงดเพียงนี้ เพราะถ้ากระแตสามารถปรับจูนรถบิ๊กไบค์ได้ในระดับเดียวกับโมโตจีพีแล้ว การจะปรับปรุงรถมือสองให้กลายเป็นร้านขายอาหารนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย
[ ส้ม ] : อั้มๆ นี่พี่กระแตเป็นรุ่นพี่พวกเรา ( ศิษฐ์เก่า ) พี่กระแตคะนี่อั้มเพื่อนส้มและ นั่น~
[ กระแต ] : ( พูดแทรก ) สะ สะ สวัสดีค่ะ นายน้อย
กระแตเองก็ถึงกับตกใจเลยทีเดียวเมื่อเห็นริวกะตรงหน้า และถ้าจำไม่ผิดคนข้างๆนั้นก็คือ คุณ กุลธิดา ลูกสาวบุญธรรมของ ท่านประธานรินนั่นเอง อั้มเองก็ตกใจนะที่อยู่ดีๆสาวสวยขนาดนี้มารู้จักกับริวกะได้ยังไง ส่วนส้มเองก็งงเช่นกัน ไหงพี่กระแตถึงได้รู้จักนายริวได้ล่ะ
[ อั้ม ] : นายริวรู้จักกับรุ่นพี่ของส้มด้วยเหรอ
[ ริวกะ ] : อ๋อ พึ่งรู้จักวันนี้เองครับพี่อั้ม คุณกระแตเป็นหัวหน้าทีมพัฒนาเครื่องยนต์ และ หัวหน้าทีมวิศวกรของพิทักษ์เทวา น่ะครับ
[ อั้ม ] : หะ หา !!! คนนี้เหรอหัวหน้าทีมวิศวกรที่คุณพ่อเคยบอก เคยแต่ได้ยินคุณพ่อกับพี่มิไรเล่าให้ฟัง สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าคนเก่งๆจะสวยแบบนี้
[ กระแต ] : สะ สะ สวัสดีค่ะ คุณกุลธิดา ดิฉัน ทิพนาถ พิทักษ์เทวา ค่ะ
กระแต version maidแสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
[ อั้ม ] : สวัสดีค่ะ คุณทิพนาถ เรียกแค่อั้ม ก็ได้ค่ะ ให้คนอายุเยอะกว่า มาเรียก คุณ แบบนี้ มันรู้สึกแปลกๆ เอ๊ะ !!! ถ้าส้มบอกว่าหุ้นกับรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเปิดร้าน งั้นคุณกระแตก็เป็นรุ่นพี่ของอั้มด้วยสิ่ค่ะเนี่ย
[ กระแต ] : ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันเรียนคณะวิศวะค่ะ แค่บังเอิญรู้จักกับส้มเฉยๆค่ะ
[ อั้ม ] : ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ยังไงก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่สถาบันเดียวกันอยู่ดี
อั้ม ส้ม กระแต ยืนคุยกันอย่างออกรสชาติราวกับสนิทกันมานาน ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะด้วยความที่อั้มนั้นเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย ใช้คำพูดได้ดีจนกระแตไม่รู้สึกประหม่านั่นจึงทำให้บทสนทนานั้นดูเป็นกันเองมากๆ ในขณะที่สามสาวนั้นกำลังยืนคุยกัน ริวกะเองก็เดินมาที่ตัวรถทันที เขาแตะ แตะ แตะ ดูก็รู้สึกได้ว่ามันถูกปรับแต่งมาอย่างดี ทั้งส่วนที่ใช้กันความร้อน ทั้งส่วนที่ใช้ค้าขาย ออกแบบมาได้ลงตัวมากๆ
[ พนักงาน ] : รับอะไรดีครับ คุณลูกค้า
[ ริวกะ ] : ผมเหรอ
[ พนักงาน ] : ครับ ตั้งร้านมาเกือบ ชั่วโมงแล้วครับ ยังไม่มีลูกค้าเลยครับเนี่ย วันแรกก็แย่ซะแล้ว แหะๆ
[ ริวกะ ] : อ่อ อืม ( มองเมนู ) งั้นเอาขนมปังยากิโซบะให้หนึ่งที่นะครับ
[ พนักงาน ] : ได้เลยครับ
พนักงานคนนั้นยิ้มและเริ่มผัดทันที เสียงฉ่า !!! จากการผัดมันก็น่าฟังไม่น้อยเลย และไม่นานขนมปังยากิโซบะก็เสร็จเรียบร้อย มันถูกจัดตกแต่งแบบง่ายๆ แต่ดูสะอาดน่ากินจริงๆ งั่ม !!! ริวกะกัดคำแรกก็ยิ้มเลยแฮะ แม้จะไม่ได้อร่อยจนตาค้าง แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเลยสำหรับร้านอาหารแบบนี้
[ ริวกะ ] : รสชาติ ใช้ได้นะครับ
[ พนักงาน ] : ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ ผมชอบทำอาหารเลยอยากลอง ทำงานแบบจริงๆจังๆสักครั้ง โชคดีที่ส้มมาชวนครับ เลยได้ลองลงมือสักที เพราะให้ไปลงทุนตู้มต้ามเป็นร้านใหญ่ๆ ผมก็ไม่กล้าเสี่ยงหรอกครับ พนักงานประจำแบบผม แค่เดือนชนเดือนก็แย่แล้ว
[ ริวกะ ] : อ่อครับ ( ถามแบบลองใจ ) แล้วไม่อายเหรอครับ ถ้าเพื่อนมาเจอใส่ชุดพ่อครัวแบบนี้ ทั้งที่ปกติก็ใส่ชุดพนักงานบริษัทดีๆอยู่แล้ว
[ พนักงาน ] : โอย ให้พูดตรงๆนะครับ ชุดพวกนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยครับคุณลูกค้า เพื่อนร่วมงานก็คือเพื่อนร่วมงาน จริงอยู่ว่าตอนทำงานเราต้องพึ่งพากันและกัน แต่พอเลิกงานเราก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ผมไม่อายหรอกที่ต้องเปลี่ยนมาใส่ชุดพ่อครัวแบบนี้ ในเมื่อผมรักที่จะทำมัน
[ ริวกะ ] : แต่พนักงานประจำไม่น่าจะมือด้าน หรือ นิ้วแตกขนาดนั้นนะครับ ผมว่ามันไม่ได้เกิดจากการจับอุปกรณ์ทำครัวด้วยซ้ำ
เชฟถึงกับตกใจเลยทีเดียว เขาสาบานได้ว่าเขาไม่เคยรู้จักกับริวกะมาก่อน อีกทั้งการทำอาหารเมื่อกี้เขาก็ ทำด้วยความรวดเร็ว ริวกะไม่น่าจะมองมือหรือนิ้วของเขาออกนี่นา เขาทำได้แค่ยิ้มแหะๆ และบอกกับริวกะว่า
[ พนักงาน ] : ที่จริงนอกจากทำอาหารผมยังชอบเล่นดนตรีด้วยน่ะครับ หลังเรียนจบผมก็ซ้อมดนตรีและเดินในทางดนตรีที่ผมรักนั่นแหละครับ แต่พอมาจุดๆหนึ่งผมก็รู้ว่าถ้ายังเป็นแบบเดิมต่อไปชีวิตก็คงแย่ เพราะในชีวิตจริงยังไงซะเงินมันก็เป็นสิ่งจำเป็น ผมเลยเลือกทำงานตามสายที่เรียนจบมานั่นแหละครับ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้แย่นะครับงานประจำน่ะ เพราะอย่างน้อย ทุกๆเดือนผมก็ยังมีเงินที่จะเลี้ยงตัวเองได้ มีเงินจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟได้ ส่วนดนตรีผมก็เล่นยามว่างนี่แหละครับ
ริวกะเลือกที่จะรับฟังและไม่พูดอะไรเลย เพราะตัวเขาที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทอง และ ฐานะทางสังคม คงจะไปแนะนำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แต่ละคนก็มีทางของแต่ละคนที่จะเลือกอยู่กับความฝันหรือตื่นขึ้นมาสู้กับความจริงตรงหน้าเท่านั้นเอง ระหว่างที่ฟังเขาพูดนั้นริวกะก็ชี้ๆ ๆ ๆ เมนูนู่นนี่นั่นอีกหลายอย่างซึ่งพนักงานคนนี้ก็ทำไปคุยไปอย่างชำนาญ สมแล้วที่การทำอาหารเป็น 1 ในสิ่งที่เขารักและชื่นชอยพอๆกับการเล่นดนตรีเลย
[ อั้ม ] : นี่นายริว ยังไม่อิ่มอีกเหรอ โห ให้คนอื่นเขาซื้อมั่งสิ่
[ ริวกะ ] : อ่าว ก็ผมหิวนี่นา แถมอร่อยอีกนะพี่อั้ม
[ พนักงาน ] : ได้ยินแบบนั้ผมก็ดีใจครับ
อั้มนั้นเดินมาหานายริว พร้อมกับส้ม และ กระแต ทันทีเมื่อรู้ว่านายริวหายไป ซึ่งเจ้ามังกรเองก็ไม่สนใจยังกินไปคุยไปเรื่อยๆ สิ่งที่เขารู้ได้อีกอย่างคืออาหารที่รสชาติแบบนี้กับราคาที่แจ้งไว้นั้นมันช่างสวนทางกันจริงๆ รสชาติแบบนี้สามารถอัพราคาอีก 20 – 30 บาทได้สบายๆเลยก็ว่าได้
[ อั้ม ] : ส้ม ว่าแต่ ของกินร้านแก ถูกแบบนี้จะได้กำไรเหรอ
[ ส้ม ] : ก็ได้อยู่นะแก ชั้นกับพี่กระแตและที่ตั้ม ( เชฟ ) ลองมาคำนวณต้นทุนกับราคาแล้ว ถ้าขายได้เรื่อยๆยังมันก็ไม่ขาดทุน อีกอย่างชั้นน่ะอยากขายของที่คนทุกชนชั้นนั้นเข้าถึงได้ จริงอยู่ว่ากำไรต่อชิ้นมันไม่ได้สูงมาก แต่ว่ามันก็สุขใจน่ะ โชคดีที่ ที่ตรงนี้ค่าเช่าไม่แพงมากด้วย พี่ตั้มเองก็ได้ทำอาหารอย่างที่เขาชอบ ส่วนพี่กระแตเขาก็อยากช่วยอยู่แล้วน่ะ
ริวกะได้ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆ จริงอยู่ว่าความคิดของพี่ส้มดีมากๆ แต่ว่ามันยังดูอ่อนหัดเกินไปนิดนึง อย่างน้อยการเปิดร้านก็ต้องทำให้ตัวเองอยู่ได้บ้าง จริงอยู่ว่าการทำให้อาหารในราคาถูกทำให้คนทุกระดับชั้นสามารถกินได้นั้นมันเป็นสิ่งที่น่านับถือ แต่ว่าถ้าคิดจะทำธุรกิจเรื่องกำไรมันก็นึกถึงด้วยสิ่ ริวกะนั้นอยากจะพูดใจจะขาด แต่ด้วยความที่เขาอายุน้อยกว่าพี่ส้ม เขาจึงทำได้แต่นิ่งเฉยๆ และดูเหมือนว่าอั้มนั้นจะรู้ใจนายริวมากๆ เธอรู้ว่านายริวนั้นกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ เธอจึงเป็นคนพูดออกไปเอง
[ อั้ม ] : ส้มชั้นว่า แกขายถูกไปนิดนึง อัพราคาเถอะ สัก 5 บาท หรือ 10 บาทก็ได้ ทุกอย่างมีต้นทุนของมันนะ
[ ส้ม ] : แต่มันจะดีเหรออั้ม เพราะชั้นตั้งใจจะขายของไม่แพงมากนะ
[ อั้ม ] : นี่แกอย่าลืมนะ ว่ารายได้ของร้านนี้ไม่ใช้ว่าต้องแบ่งกันสามคน แต่แกต้องเก็บไว้ซื้อวัตถุดิบด้วย อย่างแรกที่แกต้องทำคือ ต้องเอาทุนคืนในระยะสั้น แกต้องนึกถึงอนาคตด้วย ว่าถ้าที่ตรงนี้ขึ้นราคาเช่าแกจะทำยังไง อีกทั้งถ้าวันไหน เชฟมาทำอาหารไม่ได้จะทำยังไง จริงมั้ย
[ ริวกะ ] : เวรี่ กู้ด ( พูดแทรก )
[ อั้ม ] : แล้วอนาคตล่ะ ถ้าร้านแก ขายดีมากๆ จนต้องเพิ่มกำลังการผลิต แกต้องจ้างคนนะ เพราะทั้งเชฟ และคุณกระแตก็มีงานประจำ และแกก็ยังเรียนอยู่ ถ้าตอนนั้นต้องจ้างคนเพิ่มแก จะเอาเงินจากไหนจ้างล่ะ
[ ริวกะ ] : เวรี่ กู้ด โอ้ยยยยยย
ริวกะที่พูดแทรกสองครั้งก็ถึงกับร้องจ้ากทันที เพราะอั้มนั้นหยิกมั่บเข้าที่หูเต็มๆ จนเขาต้องเอี้ยวตัวตามแรงดึง ไม่งั้นหูขาดแน่ๆ ซึ่งพอเห้นแบบนั้นกระแตนี่ใจเต้นรัวๆเลย คนอะไรเวลาหล่อก็หล่อวัวตายควายล้ม เวลาเท่ส์ก็เกินบรรยาย แต่เวลาน่ารักก็สุดแสนจะกร้าวใจ ( หึหึ เดี๋ยวรู้เลย )
[ อั้ม ] : พูดแทรกพี่สองครั้งแล้วนะนายริว
[ ริวกะ ] : โอ๊ย ขอโทษคร๊าบบบ
[ อั้ม ] : ฟังนะส้ม ถ้านายริวบอกว่าอร่อย แสดงว่าเชฟฝีมือต้องเข้าขั้นเลยล่ะ ( เชฟยิ้ม ) ตอนนี้แกมีบุคลากรชั้นดีแล้ว ต่อไปก็ต้องสร้างรายรับ ชั้นอยากให้แกลองเพิ่มขนาดของเป้าหมายนะ
[ ส้ม ] : เพิ่มขนาดของเป้าหมายเหรอ
[ ริวกะ ] : ใช้ครับพี่ส้ม โอยย ( ยังโดนดึงหูอยู่ ) ตอนนี้เป้าหมายของพี่นั้นแค่ 3500 แค่พอจ่ายค่าหอพัก พี่เลยยังชิลล์ได้แบบนี้ แต่ถ้าพี่ลองเปลี่ยนเป้าหมายจาก 3500 มาเป็นมูลค่าที่มากกว่าอย่างเช่นค่าเทอม ผมว่า Mind set ของพี่จะเปลี่ยนไป พี่จะตั้งใจมากกว่านี้ พี่จะ Take Action มากกว่า พี่จะปรับปรุงทุกอย่างให้มันดีกว่านี้ครับ โอ๊ยย เจ๊บบบ
2 ศรีพี่น้องนั้นพูดเตือนสติส้มได้อย่างน่าฟัง จนไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองจะเรียนอยู่แค่ มหาวิทยาลัย ส้มน่ะไม่แปลกใจเท่าไรเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าสองคนนี้เป็นลูกของใคร แต่เชฟกับกระแตนี่สิ่ยืนเงียบกริบเลย กระแตแม้จะรู้อยู่แล้วว่าริวกะนั้นเป็นถึงลูกชายของประธานแห่งไตรภาคี แต่เธอก็ไม่คิดว่าทั้งกระบวนการทางความคิดและ Mind set ของสายเลือดนักธุรกิจจะฉายแววตั้งแต่อายุ 20 แบบนี้
หนักสุดก็คงเป็นเชฟนั่นแหละ ส่วนตัวเขานั้นอายุก็ย่างเข้าเลข 3 แล้ว ทำงานประจำมาก็หลายปี มันจึงไม่แปลกที่เขาจะอึ้งแบบนี้ เพราะถ้าส้มบอกผู้หญิงที่ชื่ออั้มนั้นเรียนห้องเดียวกันแสดงว่าเธอก็อายุ 20-21 ปีเท่านั้น
การที่เด็กอายุแค่นี้จะมีความคิดความอ่านดานธุรกิจที่ลึกซึ้งขนาดนั้นมันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ และยิ่งพอมาฟังคนเป็นน้องชายพูดอีก เชฟตั้มก็ถึงกับอึ้งและนับถือในความคิดความอ่านของสองพี่น้องนี้จริงๆ
[ ส้ม ] : อื้ม ชั้นจะปรึกษากับพี่ตั้มและพี่กระแต อีกครั้งนะ แต่ว่าตอนนี้ ชั้นไปเรียกลูกค้าก่อนดีกว่า
[ กระแต ] : เดี๋ยวพี่ไปช่วยนะส้ม
ส้มและกระแตนั้นหยิบโบรชัวร์แนะนำร้านที่จัดพิมพ์ขึ้นมาเดินออกไปทันที ส่วนริวกะกับพี่อั้มก็ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ จริงอยู่ว่าเขาอยากจะใช้เวลากับพี่อั้มสองต่อสอง แต่เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาก็คงต้องปรับแผนนิดๆหน่อยๆ
ซึ่งมองจากแววตาของพี่อั้ม เธอก็คงอยากจะอยู่ที่นี่ต่อสักพักแหละ แต่ง แต่ง แต่ง เสียงกีต้าร์ที่คุ้นเคยดังขึ้นมาทำให้ริวกะต้องหันมอง สิ่งที่เขาเห็นคือ เชฟตั้มนั้นกำลังจับที่กีต้าร์โปร่งอยู่ ริวกะจึงเข้าไปดูด้วยความสนใจ
[ ริวกะ ] : ตั้งสายเหรอครับ
[ เชฟตั้ม ] : ใช่ครับ พอดีว่าอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์วุ่นกับการวางแผนเปิดร้านนี้ เลยไม่ได้ตั้งสายเลยครับ
[ ริวกะ ] : โห ตู้แอมป์ สายแจ็ค เอฟเฟค ครบเลยนะครับเนี่ย
[ เชฟตั้ม ] : ครับกีต้าร์นี่ของผมเอง ส่วนพวกตู้แอมป์ก็มรดกจากเพื่อนๆนั่นแหละครับ เพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกันมา ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ตัวเองถนัดแหละครับ ก็กะไว้ว่าว่างๆคงได้ตั้งสาย นี่ก็ได้ตั้งจริงๆเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่จริงวันนี้นัดให้พวกมันมาเอาตู้แอมป์กลับไปน่ะครับ เพราะว่าย้ายบ้านใหม่เลยไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ตรงไหน เหลือกีต้าร์ไว้เล่นตอนว่างๆก็พอ
ริวกะมองเชฟตั้มที่กำลังตั้งสายกีต้าร์อย่างสนใจ สมแล้วกับที่บอกว่าเคยเดินเส้นทางสายดนตรีมาก่อน เพราะดูเขานั้นคล่องแคล่วมากๆเลยล่ะ แต่แล้วอีกแปปนึงทั้งส้มและกระแตก็เดินกลับมา อั้มจึงรีบเข้าไปถามว่าเป็นไงบ้าง ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ มีคนสนใจบ้างแหละ อั้มมองรอบๆแล้วก็นึกขึ้นว่าจะทำยังไงดีนะที่จะให้คนลูกค้าเข้ามา
จริงอยู่ว่าเธอกับนายริวนั้น สามารถเหมาอาหารทั้งหมดแล้วเอาไปแจกเพื่อให้ทุกคนกินและลิ้มลองรสชาติ แต่นั่นมันจะได้อะไรขึ้นมา อีกอย่างมันจะกลายเป็นการดูถูกความตั้งใจของส้มและอีกสองคนด้วย
[ อั้ม ] : อืมม ทำไงดีนะ
อั้มเดินมาหานายริว เผื่อว่าจะคิดอะไรออก และเธอก็คิดออกจริงๆ ตอนนี้ตรงหน้าเขา มีนักดนตรีฝีมือดีหนึ่งคนนี่นา กีต้าร์ก็มี ตู้แอมป์ก็พร้อม ทำไมเธอไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ล่ะ ดูเหมือนว่านายมังกรจะรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วล่ะนะ
[ ริวกะ ] : พะ พะ พี่อั้ม อย่ามองหน้าผมแบบนั้น
[ อั้ม ] : ( ทำเหล่ ด้วยความเจ้าเล่ห์ ) นายยยยย ริวววววว ต้องหัดรู้จักให้ต้นทุนที่มีให้ได้กำไรมากที่สุด จำที่พี่ฮิคาริสอนวิชาพื้นฐานเศรษฐศาสตร์ได้ใช่ม๊ายยยยย
[ ริวกะ ] : เฮือก !!! ตะแต่ว่าวิธี อื่นก็มีนี่ครับ
[ อั้ม ] : วิธีนี้ เร็วสุดสะดวกสุดแล้วนะ
[ ริวกะ ] : ตะ แต่ตอนนี้ดึกแล้วนะครับ เรารีบกลั~ ( กลับบ้านกันเถอะ )
มั่บ !!! อยู่ดีๆอั้มก็คว้ามั่บเข้าที่แขนของริวด้วยความตั้งใจของตัวเอง พร้อมหับเงยหน้าส่งสายที่ วิบ วิบ วิว วิบ พ่อหนุ่มมังกรเจอแบบนี้งอกเลยว่า ตายยยยย สายตาของอั้มที่มองมาที่ริวตอนนี้ บอกเลยว่าชายใดที่ไม่ระทวยหรือควยไม่แข็งบอกเลยว่าแทบไม่มี ส่วนนายริวนั้นเมื่อเห็นพี่อั้มอ้อนแบบนี้ก็ใจบ่าดีเลย
[ ริวกะ ] : เฮ้อ ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ครับ เฮ้อออออ
[ อั้ม ] : เย้ นายริวน่ารักที่ซู๊ดเลย
ริวนั้นรีบหันหน้าหนีเลย เพราะไอ้คำว่าน่ารักที่ซู๊ดเนี่ย มันกำลังทำดาเมจใส่เขาเต็มๆ ส่วนเพื่อนร่วมคณะของอั้มที่มาเปิดร้านนั้น ก็มองมาที่พี่น้องคู่นี้ด้วยสายตาที่สงสัยว่าจะทำอิหยังหว่า อั้มนั้นพูดกับเชฟตั้มว่าให้ไปเตรียมตัวที่บนรถขายอาหารเลย ลูกค้ากำลังจะมา
ส่วนนายริวก็จัดการหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และเปิด Application หนึ่งขึ้นมา มันคือ app จูนเสียงกีต้าร์นั่นเอง เขารีบจัดการปรับสายทันที โดยที่ส้มเห็นแบบนั้นก็พอรู้ว่าพี่น้องคู่นี้กำลังจะทำอะไร เธอจึงรีบเดินมาหาอั้มทันทีและพูดอะไรบางอย่าง
[ เพื่อนอั้ม ] : อั้มๆ นี่แกจะให้น้องชายทำอะไรอ่ะ เขาเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ
[ อั้ม ] : ไม่รู้อ่ะ แต่นายริวเล่นซามิเซ็นเก่งมากๆนะ น่าจะเหมือนกันแหละ
[ เพื่อนอั้ม ] : เดี๋ยวๆๆๆ ยัยอั้มเอ๊ย ซามิเซ็นไม่ใช่กีต้าร์นะ ชั้นขอบใจที่แกมีน้ำใจที่จะช่วย แต่อย่าฝืนใจน้องชายแก แบบนี้สิ่
แต่งงงง แต่งงงง เสียงกีต้าร์ของริวนั้นดังขึ้นมันที จนบทสนทนานั้นหยุดลง ริวกะนั้นกำลังทำการซาวน์เช็คและปรับจูนสานกีต้าร์อยู่ ว่ากันว่าดนตรีนั้นคือภาษาสากล และ ตัวโน๊ต
โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด๊ ก็คือ อักษรของภาษานี้ วินาทีที่เสียงกีต้าร์ดังขึ้น มันก็เรียกความสนใจจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างดี ประกอบกับหน้าตาที่หล่อเหล่านั้นยิ่งทำให้สาวๆหันมองเป็นแถบๆ
ตอแน๊งตอแน๊ง ตอแนงตอแนง ตอแหน่งตอแหน่ง เสียงริวกะกำลังปรับจูนสายกีต้าร์นั้นทำกระแตถึงกับต้องหันมองเลย เขาวางแผนจะทำอะไรกันแน่นะ ทำไมอั้มถึงบอกให้เชฟตั้มไปประจำตำแหน่งที่ครัวล่ะ และในระหว่างนั้นเองก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่งตัวดูสันทัดภูมิฐานมากๆ หน้าตาก็ถือว่าหล่อใช้ได้เลยล่ะ เขาได้เอ่ยขึ้นมาว่า
[ มิก ] : เฮ้อ เจอสักที อยู่นี่เองกระแต
ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาทันทีแถมยังทักทายกระแตด้วยท่าทีที่เป็นสนิทกันมากๆ ซึ่งกระแตเองก็ทักกลับไปเช่นกัน ส่วนริวกะน่ะเหรอ หึ กูไม่สนใจ กูไม่สนอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ที่ต้องทำคือเอาใจว่าที่เมียอย่างเดียว เขาต้องทำตามคำขอของพี่อั้มให้ดีที่สุดเท่านั้นตอนนี้
[ กระแต ] : เอ่อออ นายน้อย เอ่ออ คุณริวมีอะไรให้กระแตช่วยไหมคะ
[ ริวกะ ] : ตรงนี้ไม่เป็นอะไร ผมจัดการเอง คุณกระแตทำตามหน้าที่ของคุณกระแตเถอะ
คำที่ริวกะพูดนั้นทำให้มิกชายหนุ่มคนสนิทของกระแตนั้นถึงกับหันมองเลยทีเดียว ส่วนริวกะก็ไม่สนโลกเช่นเคย เขายังคงปรับกีต้าร์ไปเรื่อยๆ ซึ่งการปรับจูนของเขานั้นทำให้เชฟตั้มถึงกับตื่นเต้นเลยก็ว่าได้ เพราะการปรับจูนของเขานั้นมันเข้าขั้นมืออาชีพเลยก็ว่าได้
แตร่งงงง เสียงกีต้าร์แรกดังขึ้นผ่านตู้แอมป์ตัวแรงของเชฟตั้มทันทีที่ริวกะจูนสายเสร็จ แน่นอนว่าด้วยเสียงที่เกิดขึ้นกระทันหัน ย่อมทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมานั้นจ้องมองด้วยสัญชาตญาณทันที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ริวกะจึงเปิด Application ที่ใช้เทียบเสียงทันที ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะ....
[ ริวกะ ] : เชฟคร๊าบ ขอน้ำแก้วนึง
ปั๊ดโธ่ ในขณะที่ทุกคนนั้นกำลังจดๆจ้องๆนั้น ริวกะก็ได้เดินไปขอน้ำกินดื้อๆเลย เชฟตั้มก็ถึงกับงงพร้อมกับอุทานในใจว่า “ อิหยังวะ “ อันที่จริงตอนนี้ริวกะน่ะพร้อมแล้วที่จะโชว์พลังเสียง แต่ปัญหาคือ
[ ริวกะ ] : ตูจะร้องเพลงไรดีวะเนี่ย
ริวกะนั้นคิดแล้วคิดอีกคิดคิดคิด ว่าจะร้องเพลงอะไร แน่นอนว่าเพลงไทยนั้นตัดไปได้เลย เพราะว่าลิขสิทธิ์เยอะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาจ่าย แต่เขารำคาณกับระบบที่ห่วยแตกแบบนี้ต่างหาก เขามองไปรอบๆเพื่อสังเกตผู้คน ซึ่งก็พบว่าผู้คนรอบๆนั้น
ส่วนมากเป็นคนที่อายุราวๆ 30+ ทั้งนั้น อีกอย่างคือ พวกเขามากันเป็นคู่ๆทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นแฟน หรือ คนที่กำลังศึกษาดูใจซึ่งกันและกันอยู่ แน่นอนว่านั่นทำให้ริวกะจำกัดวงกว้างเรื่องการเลือกเพลงได้มากเลยทีเดียว
[ ริวกะ ] : เอ่อออ ( หันมองที่ป้ายร้าน ) Magic Hour ชั่วโมงต้องมนต์เหรอ อืมม เอาไงดีหว่า เฮ้ออออ
ในระหว่างที่กำลังคิดไป ริวกะก็ใช้มือขวานั้นเกาสายกีต้าร์เล่นๆไปพลางพร้อมกับสีหน้าที่กำลังใช้ความคิด แต่ว่าไอ้การเกาคอร์ดของเขานี่แหละที่มันไม่ธรรมดา เพราะความพลิ้วไหวของนิ้วนั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แถมเสียงที่ตามมาก็ทำให้ชวนเหลียวมอง
ขนาดเชฟตั้มที่ว่าเล่นดนตรีมาถึง 10 ปีถึงกับตกตะลึง นี่มัน World Class ชัดๆ ทันใดนั้นริวกะก็เหมือนว่าจะคิดออกแล้วว่าต้องทำยังไง ซึ่งเขาก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้งและต่อสายหาใครบางคนข้ามประเทศกันเลยทีเดียว
[ ริวกะ ] : ฮัลโหล รินนะ
[ รินนะ ] : สวัสดีค่ะ เจ้านาย
[ ริวกะ ] : อืม สวัสดี ว่าแต่ตอนนี้ชั้นรบกวนหรือเปล่า
[ รินนะ ] : ไม่เลยค่ะเจ้านาย ว่าแต่มีอะไรให้รับใช้คะ ปกติไม่เคยโทรมาดึกขนาดนี้ ( ญี่ปุ่นเวลาเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง )
ริวกะได้อธิบายทุกๆอย่างให้ปลายสายที่ชื่อว่ารินนะฟัง และเพียงไม่ถึงนาทีก็ดูเหมือนว่าเธอก็เริ่มทำตามที่ริวกะสั่ง ริวกะเมื่อได้ฟังคำตอบกลับมานั้นก็วางสายลงทันที
[ ริวกะ ] : เอาล่ะ พร้อมละ เฮ้ย !!! ( อุทานในใจ ตกใจ )
พ่อหนุ่มมังกรพายุถึงกับตกใจเลย ในขณะที่เขาคุยโทรศัพท์ไปเกาคอร์ดกีต้าร์ไป กลับกลายเป็นว่าเสียงนั้นได้เรียกให้ผู้คนทั้งไทยและเทศนั้นหันมามองที่เขาเป็นสายตาเดียวเลยล่ะ หน้าตาก็ว่าหล่อแล้ว เจอเสียงกีต้าร์เข้าไปถึงกับสตั้นกันไปเลยทีเดียวแน่นอนว่ารวมถึงอั้มและกระแตด้วย
มิกชายหนุ่มคนสนิทของกระแตเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหน้าตึงกันเลยทีเดียว สิ่งที่ริวกะทำตอนนี้คือประมวลสถานการณ์ให้รวดเร็วทีสุด ตอนนี้ผู้คนเกือบ 20 คนกำลังยืนมองมาที่เขาแสดงว่าเขาเรียกลูกค้าได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ
•• [ บทพูดภาษาอังกฤษ ] ••
[ ริวกะ ] : สวัสดีครับ ร้าน Magic Hour ของเราพึ่งเปิดให้บริการวันแรก ยังไงก็ลองแวะชิมแวะทานกันก่อนนะครับ ( เหล่ที่ป้ายร้าน พี่อั้มแก้ราคาเสร็จแล้ว )
ช่า ชี่ เสียงผัดกระทะก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง ผสานกับเสียงของวัตถุดิบที่กำลังเต้นรำอยู่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี ต้องเรียกว่าตอนนี้สายลมช่างเป็นใจจริงๆ เพราะมันพัดพากลิ่นที่ยั่วยวนให้ไปเตะจมูกของคนนับสิบได้อย่างทั่วถึง บางคนถึงกับน้ำลายไหลเลยทีเดียว บางคนที่อยากลิ้มลองรสชาติก็เดินเข้ามาไม่ช้าที และแล้วช่วงเวลา Magic Hour ก็เริ่มขึ้น ทั้งส้มและกระแต ต้อนรับลูกค้าเป็นพัลวันเลยทีเดียว
เฮ้ย ตั้ม หวัดดีเพื่อน ลูกค้าเยอะเลยนะเนี่ยเหมือนว่าสวรรค์เป็นใจจริงๆ เพราะว่าเพื่อนๆ ของเชฟตั้มนั้นก็มาถึงพอดี ทันใดนั้นเชฟตั้มก็บอกว่า เฮ้ย ช่วยหน่อย ลูกค้าแน่นเลย และแน่นอนว่าเพื่อนๆของเชฟตั้มนั้นก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปช่วยทันที ทุกอย่างกำลังเริ่มต้นด้วยดีและริวกะเองก็ถึงเวลาต้องเรียกลูกค้าบ้างเช่นกัน เสียงกีต้าร์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าเสียงของตู้แอมป์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะมันถ่ายทอดเสียงกีต้าร์ออกมาได้นุ่มสุดๆเลย และนั่นก็ทำให้ผู้คนที่รอฟังถึงกับแทบหยุดหายใจเลยทีเดียว เมื่อริวกะร้องแค่ประโยคแรกเท่านั้น
[ ริวกะ ] : ( เหล่มองอั้มนิดนึง ) It’s amazing how you can speak right to my heart
พ่อจ๋าแม่จ๋าบอกได้เลยว่าตอนนี้ ทุกคนที่ยืนอยู่นี่นิ่งเลยทีเดียว เนื้อเพลงที่สุดแสนจะโรแมนติกถูกขับกล่อมโดยเสียงที่สุดแสนจะน่าฟัง ตอนนี้ริวกะได้บรรเลงกีต้าร์ที่อยู่ในอ้อมกอด พร้อมกับเปร่งเสียงใสๆออกมาอย่างตั้งใจ
แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่ามันคือเพลงประกอบภาพยนต์ชื่อดังในอดีต ที่ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านมาก็ยังไม่ถูกลืมเลือนไปได้เลย และตอนนี้มันถูกเอามาถ่ายทอดอีกครั้งโดยชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้
สมาชิกวงดนตรีของเชฟตั้มนั้นถึงกับอึ้งเลย เพราะไอ้หนุ่มรูปหล่อที่ ดีดกีต้า ต๊องแนวต๊องแนวเมื่อกี้ กลับกลายเป็นใครอีกคนไปแล้วก็ไม่รู้ ทันทีที่เขาเปร่งเสียงร้องเพลงทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจริงๆ ตอนแรกที่เกาคอร์ดเพลง Rigth here waiting นั้นว่าเพราะแล้ว พอเจอเพลงนี้เข้าไปแทบทุกคนถึงกับต้องมองเลยล่ะ
[ อั้ม ] : อื้ม ใช้ได้
อั้มนั้นคิดเพียงแค่ว่านายริวนั้นเลือกเพลงได้ดีจริงๆ เพราะตอนนี้คนรอบๆนั้นหันมาสนใจกันอย่างมาก จริงอยู่ว่าทุกคนอาจจะไม่ได้เข้ามาซื้ออาหารของส้ม แต่อั้มก็เชื่อว่าการที่มีคนสนใจแบบนี้มันก็ดีกว่าแน่ๆ
เพราะเธอเชื่อใจนายริวอยู่แล้ว ถ้านายริวของเธอเอ่ยปากว่าเชฟตั้มนั้นทำอาหารอร่อยๆ งั้นก็แสดงว่าเชฟตั้มต้องมีฝีมือจริงๆ แต่อั้มนั้นไม่รู้เลยว่าเพลงนี้ที่จริงแล้ว ริวกะนั้นตั้งใจร้องให้เธอต่างหากล่ะ
เฮ้อออ เหนื่อยจัง เหนื่อยจัง ในที่สุดก็ได้หยุดพักสักทีเสียงๆหนึ่งของชายวัย 30 ปลายๆ เอ่ยดังขึ้นมา ข้างๆเขานั้นยังมีลูกชายตัวน้อยและภรรยาสุดที่รักอยู่ด้วย แม้จะเหนื่อยจากหน้าที่การงานเพียงใด แต่เมื่อลูกชายตัวน้อยเอ่ยปากว่าอยากมาเที่ยวที่นี่เขาจึงไม่รีรอที่จะพามาทันที
เพราะว่าในทุกๆวันเขาต้องทำงานอย่างหนัก กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ บางวันกว่าจะกลับถึงบ้านลูกชายตัวน้อยก็หลับไปเสียแล้ว เขาจึงอยากที่จะชดเชยให้กับลูกชายบ้าง ถ้าการพามาเดินเที่ยวแบบนี้มันทำให้ลูกชายเขายิ้มได้ล่ะก็เขาก็จะไม่รีรอเลยล่ะ
[ ลูกชาย ] : งืมม หอมจังเลยครับพ่อ กลิ่นอะไรน่ะ
[ แม่ ] : เอ๊ะ กลิ่นโชยุนี่นา หอมจริงๆด้วย
[ ลูกชาย ] : แม่ครับๆ ผมอยากกิน โชยุที่หอมๆ ที่แม่บอกน่ะครับ นะนะซื้อให้หน่อย
ซึ่งในระหว่างที่พ่อแม่ลูกกำลังเดินเล่นกันอยู่นั้น กลิ่นโชยุของเชฟตั้มก็ลอยตามลมมาเตะจมูกเข้าจนได้ และเมื่อลูกชายสุดที่รักเอ่ยปากขอแบบนี้ คนเป็นพ่อและแม่มีเหรอจะขัดใจ ทั้งสองรีบจูงมือลูกชายเดินมาทันทีและตรงนี้เขาก็พบกับรถที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารนามว่า Magic Hour ซึ่งในขณะที่เขามาถึงนั้นริวกะก็ได้เริ่มร้องเพลงไปแล้ว
[ พ่อ ] : โอ้วว เสียงดีมากๆเลยนะ แถมทักษะการเล่นกีต้าร์ก็ไม่ธรรมดาเลย
ผู้เป็นพ่อถึงกับออกปากชมริวกะเลยล่ะ เพราะตอนนี้เสียงเพลงของเขากำลังทำให้หัวใจของคุณพ่อคนนี้พองโตเสียแล้ว เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่เขาใช้จีบภรรยาคนนี้ยังไงล่ะ
[ ลูกชาย ] : คุณพ่อยิ้มอะไรเหรอครับ งูมมม
[ พ่อ ] : เปล่าลูก เปล่าๆ เอ... ไหนบอก อยากกินอะไรที่หอมๆไง ให้แม่พาไปนะ เดี๋ยวพ่อยืนรอที่นี่
[ ลูกชาย ] : เย้ ขอบคุณครับพ่อ แม่ครับพาไปหน่อย
ฝ่ายภรรยานั้นก็แอบอมยิ้มไม่ใช่น้อยที่สามีมองมาที่เธอราวกับจะถามว่าจำเพลงนี้ได้ไหม ซึ่งแน่นอนว่าภรรยานั้นรู้ได้ทันที จนเกิดยิ้มขึ้นมาแบบนี้ไง จากนั้นเธอจึงพาลูกชายไปซื้อของกินจากร้าน Magic Hour ซึ่งแน่นอนว่าเชฟตั้มไม่ขายให้ เพราะเขาบอกว่าเมนูนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไร เขาจึงแนะนำเมนูกินเล่นอย่างอื่น
[ เชฟตั้ม ] : อืมม โอเด้งนี้ผมใช้มิริน ( เหล้าญี่ปุ่นสำหรับทำอาหาร )นะครับ อาจจะไม่เหมาะกับน้องเท่าไร ลองเป็นไข่ม้วนดีไหมครับ เดี๋ยวผมใช้เนยทอดแทนน้ำมันให้
ซึ่งตอนแรกเด็กชายก็ไม่ยอม เขาจะกินไอ้โชยุนั้นให้ได้ แต่หลังจากคุณแม่อธิบายแล้ว เด็กชายจึงยอมฟังแต่โดยดี ซึ่งเธอก็นึกชื่นชมเชฟตั้มไม่ใช่น้อย ที่ไม่คิดแต่จะขายอย่างเดียว แต่ยังแนะนำเมนูที่เหมาะกับลูกเธอด้วย สรุปว่าเด็กชายคนนั้นได้ไข่ม้วนเสียบไม้แทน และพอกัดไปคำแรกเท่านั้น
[ เด็กชาย ] : อร่อย อร่อยจังครับแม่ หอมเนยมากๆเลย
ได้ยินแบบนี้เชฟตั้มก็ยิ้มเลยล่ะ เขาใช้เนยแทนน้ำมันเพราะว่าอยากให้ได้รสสัมผัสที่หอมมัน หอมนุ่ม และดีต่อสุขภาพ หลังจากนั้นเด็กน้อยกับแม่ก็เดินกลับมาที่เดิม ซึ่งสามียังคงยืนอยู่ตรงนั้น พ่อแม่ลูกยังคงยืนอยู่ที่เดิม ริวกะก็ยังคงร้องเพลงต่อไป ลูกค้าก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ บทเพลงของริวกะนั้นสะกดทุกคนราวกับว่ามันคือเวทย์มนต์เลยก็ว่าได้
[ ริวกะ ] : The smile on your face lets me know that you need me : There's a truth in your eyes sayin' you'll never leave me
ท่อนฮุคในความทรงจำถูกถ่ายทอดผ่านเสียงที่นุ่นลึกของริวกะจนทำให้ผู้คนรอบๆราวกับตกอยู่ในภวังค์และร้องตามโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ริวกะได้เปลี่ยนให้พื้นที่โล่งให้กลายเป็นลานดนตรีไปเสียแล้ว แม้คนจะเพิ่มขึ้นแต่ริวกะก็ยังคงมีสมาธิกับการร้องเพลงเล่นกีต้าร์เช่นเดิม
ชาวต่างชาติบางคนถึงกับต้องเดิมมาฟังเลยทีเดียว เพราะทั้งน้ำเสียงและสำเนียงที่ลอยมานั้นมันไม่ธรรมดามากๆ หลายคนนั่ง หลายคนยืน หลายคนกิน ซึ่งทั้งหมดนั้นต่างมารวมกันเพราะเสียงของริวกะ เสียงทีีทำให้ทุกคนนั้นหลงไหลและอยากฟังต่อเรื่อยๆ
[ ริวกะ ] : You say it best, when you say nothing at all…
เวลา 4 นาทีผ่านไปราวกับหายใจไปครั้งเดียว ทุกคนที่กำลังถูกสะกดด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์ nothing Hill ถึงกับตื่นจากภวังค์ ความรู้สึกต่างๆ กำลังถาโถมเข้ามา ทั้งประทับใจที่ได้ฟัง ทั้งเสียใจที่เพลงจบลงแล้ว ริวกะเอ่ยขอบคุณทุกคนอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษ
[ ริวกะ ] : ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือ และขอบคุณสำหรับลูกค้าทุกท่านที่มาอุดหนุนร้าน Magic Hour ครับ
เสียงปรบมือให้กำลังใจดังขึ้นทันทีที่เพลงจบ ซึ่งริวกะก็ยืนขึ้นพร้อมกับก้มหัวให้ตามธรรมเนียนสากล ยิ่งมองเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาก็ยิ่งทำให้สาวๆนั้นยิ้มเลยทีเดียว
[ สาวๆ ] : โห แก งานดีมากเลยอ่ะ หล่อก็หล่อร้องเพลงก็เพราะ ลูกครึ่งฝรั่งเหรอ
[ สาวๆๆ ] : ไม่รู้อ่ะแก เห็นพูดไทยชัดมากๆ แถมสำเนียงก็ดี แต่ทำไมหน้าตาไม่เหมือนฝรั่งเลยล่ะ ป่ะแก เอาติ๊ปไปให้กัน
สองสาววัยรุ่นสองคนพูดคุยกันถึงริงกะอย่างออกรสชาติ ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบแบงค์ร้อยเพื่อจะเอาไปให้ริวกะ ซึ่งแน่นอนว่าริวกะรับมันมาแต่ว่า....
[ ริวกะ ] : ขอโอเด้ง 2 ชุด ครับ
[ เชฟตั้ม ] : ไอ่โย ( ได้เลย เป็นคำพูดที่พ่อครัวญี่ปุ่นชอบพูดกัน )
ริวกะนำเงิน 100 บาทที่สาวๆนั้นติ๊ปให้ เดินเอาไปซื้อโอเด้ง 2 ชุดและเดินมาให้สาวๆทันที
[ ริวกะ ] : เปลี่ยนจากให้ติ๊บ เป็นอุดหนุนร้านดีกว่านะครับ โอเด้ง 2 ชุดนี้ 100 บาทพอดี เป็นลูกชิ้นปลาครับ ทานได้ไม่อ้วน สำหรับคุณสองคนครับ
อ่ะเฮื้อออ บอกเลยโดนดอกนี้เข้าไปสองสาวถึงกับตายยยยย พวกเธอรับโอเด้งที่ใส่ถ้วยกระดาษมาด้วยท่าทีที่อ่อนละทวยพร้อมกับค่อยๆเดินออกไปราวกับคนที่ถูกยาสเน่ห์
[ สาวๆ ] : อื๊อออ อร่อยย หัวไชเท้าต้มหวานมากๆเลย
[ สาวๆๆ ] : ซุปปลาคัสสึโอะหอมจังเลย งื๊ออออ
รีแอคชั่นเกี่ยวกับรสชาติของสาวๆนั้นทำผู้คนรอบข้างน้ำลายแตกฟองเลยทีเดียว บางคนที่กำลังลังเลว่าจะกินดีไหม จะซื้อดีไหม พอเจอรีแอคชั่นนี้เข้าไป ถึงกับต้องเดินไปสั่งโอเด้งกันเลยทีเดียว ตอนนี้เรียกได้ว่าออเดอร์เข้ามารัวๆเลยทีเดียว
ตอนนี้ผู้คนเริ่มเดินเข้ามาเยอะขึ้น เยอะขึ้นจนเริ่มแน่นขนัดตา นอกจากเสียงของริวกะแล้ว สิ่งที่ต้องชมคือการออกแบบและดัดแปลงรถของกระแต เพราะมันดูทันสมัยและสวยงามมากๆ เรียกได้ว่าใครที่เห็นรถคนนี้ต้องหยุดมองกันบ้างล่ะ
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือกลิ่นอาหารที่ยั่วยวน และรสชาติที่ชวนให้ซื้อกินซ้ำจากฝีมือของเชฟตั้ม พูดได้เลยว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก ให้รสชาติมันบอกเองดีกว่า
[ ริวกะ ] : ฮื๊ม ฮื๊ม หื่อ หือ ฮือ ฮื๊อ ฮือออ ฮื่มม ฮืม หื่มมม
เอาอีกแล้วริวกะเอาอีกแล้ว เขาแกล้งจับคอร์ดไปเรื่อยๆ พร้อมกับฮัมเพลงออกมา แน่นอนว่าท่วงทำนองแบบนี้ มันได้ไปปลุกใจของใครหลายๆคนแน่นอน มันเป็นเพลงที่ทำให้เด็กๆ ยุค 90 ทุกคนรู้จักกับอวกาศและการผจญภัย ปากต่อปาก คำต่อคำของผู้คนที่พูดกัน เริ่มกระจายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ผู้คนหลากเชื้อชาติได้มารวมตัวกันเรยกว่าเกิน 70 คนได้แล้วมั้ง และทันใดนั้นริวกะก็ลุกขึ้นทันที แต่ง แต่งแตด แต่งแต่ง แต้ด เพลงเมื่อกี้ริวกะใช้จังหวะที่ช้าๆ เพราะมันเป็นเพลงโรแมนติก
แต่เพลงนี้ริวเร่งจังหวะขึ้นเพราะมันเป็นเพลงทีาทั้งสนุกและความหมายดีมากๆ ท่วงท่าการจับกีต้าร์ตีตอร์ดตอนนี้เรียกได้ว่า เท่ส์วัวตายควายล่มเลยทีเดียว ตอนนี้ริวกะพร้อมแล้ว พร้อมที่จะพาทุกคนไปตลุยอวกาศเพื่อตามหาดราก้อนบอลทั้ง 7 ลูกแล้ว
** ข้อความจากผู้เขียน **
เพลงนี้ครับ ลองฟังดู
ผมจะใส่ช่วงเวลาที่เพลงเล่น และตรงกับที่ริวกะร้องไว้นะครับ
[ ริวกะ ] : ( 0.03 ) ดาน ดาน โข่ะโคโร ฮิคาเรเทขุ , โซโน มาบู่ฉิ อิ๊ เอ กาโอ หนิ่ , ฮาเตนา อี๊ ยามิ คาระโท้บิ ดาโซโอ , โฮล มาย แฮนนนนน
แปลกที่ไม่มีเสียงกรี๊ด แปลกที่ไม่มีเสียงโห่ แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือทุกคนนั้นปรบมือ กระทืบเท้าราวกับว่าถูกใจสิ่งนี้ จริงอยู่ว่าเนื้อเรื่องของภาค จีที มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่มันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายๆคนอย่างไม่ต้องสงสัย
[ ริวกะ ] : ( 0.25 ) คี๊มิ โท๊ เด๊อ๊า ทัท ทา โท๊คิ , โคโดโมะ โนะ โคโระ ทาอิซเซ ซื๊อนี
ริวกะเริ่มชั่วโมงต้องมนต์อีกครั้ง จากเสียงปรบมือกลายเป็นเสียงร้องตาม จากเสียงกระทืบเท้ากลายเป็นเสียง วู๊ว วู๊ว ที่บ่งบอกถึงความถูกใจ ทุกคนที่อายุ 30+ แน่นอนว่าคงต้องเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้และภาคนี้ ซึ่งริวกะหยิบมันมาร้องอีกครั้งราวกับต้องการตอกย้ำคำว่าชั่วโมงต้องมนต์
เพราะตอนนี้ริวกะได้พาทุกคนย้อนกลับไปในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงที่เด็กทุกคนต้องไปเช่าวีดีโอเรื่องนี้มาดู มันเป็นความทรงจำที่แสนมีค่ามากๆ ซึ่งมันอาจเลือนหายไปตามเวลาไปบ้าง แต่ตอนนี้มันกำลังถูกดึงกลับมาอีกครั้ง
[ ลูกชาย ] : พ่อครับ พ่อร้องไห้ทำไมครับ
เด็กชายคนเดิมเอ่ยถามพ่อของเขาอีกครั้ง เพราะเขาเห็นว่าตอนนี้พ่อของเขานั้นน้ำตาคลอเบ้าราวกับกำลังจะร้องไห้เลย หรือว่าพ่อเขากำลังเศร้าอะไรหรือเปล่านะ
[ ลูกชาย ] : พ่อครับ พ่อเศร้าอะไรเหรอครับ
[ พ่อ ] : เปล่าหรอกลูก พ่อแค่มีความสุขน่ะ
[ ลูกชาย ] : อ้าวว ไหนคุณแม่บอกว่า คนเราเวลาเสียใจมักจะร้องไห้นี่ครับ ทำไมพ่อบอกว่ามีความสุขล่ะ แล้วทำไมพ่อยิ้มล่ะครับ น้ำตายังไหลอยู่เลย
เด็กชายเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา สายตาของเขาใสราวกับกระจกเลยจริงๆ คุณแม่ของเขานั้นก็ยิ้มไม่หุบเหมือนกัน เธอเข้าไปอุ้มลูกชายตัวน้อยพร้อมกับหอมแก้มไป 1 ฟอดและบอกว่า
[ แม่ ] : มาอยู่กับแม่ก่อนมาลูก ให้พ่อเขาได้สนุกเถอะ ( ยิ้ม )
[ ลูกชาย ] : สู้ๆครับพ่อ
ชายวัยกลางคนๆนั้น แหกปากตะโกนร้องเพลงสุดเสียงเลยทีเดียว ราวกับว่าเพลงนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เมื่อมีคนเปิดย่อมมีคนตามทันทีที่ชายคนนี้เริ่มร้องเพลง ชายคนอื่นๆก็ละทิ้งความอายและกลับสู่วัยเด็กที่น่าคิดถึงอีกครั้ง
หลายคนร้องเพลง หลายคนร้องไห้ หลายคนปรบมือ หลายคนกำมือชูขึ้นราวกับกำลังเอ็นจอยอย่างสุดพลัง ซึ่งตอนนี้มันก็ใกล้จะถึงท่อนฮุคอีกครั้งแล้ว
[ ริวกะ ] : ( 1.03 จนจบเพลง ) โฮ้โตริ โอ โม๊ตเต ทาทาคาอู โย๊ววววว
[ พ่อ และ ชายฉกรรจ์ ] : ดาน ดาน โข่ะโคโร ฮิคาเรเทขุ , โคโน โฮชิโน โนะ คิโบ โนะ คาเครา , ขิตโต ด๊าเรโมก่า เอ่อิเอ๊น โอะ เท หนิอิเร๊ ทาอิ ( ไท )
[ ริวกะ + ผู้ชม ] : เซ็นเซ็น ขิ่นิชิ น่าอิ ฟูริ ชิเตโหม่ , โฮรา คิมิ นิ โคอิ ชิเตรุ , ฮาเตนา อี้ ยามิ , คาราโท้บิ ดาโซโอว โฮล ยัวร์ แฮนนนนนนน
ริวกะและผู้ชมทุกคนต่างช่วยกันร้อง ช่วยกันประสานเสียงชนิดที่ว่ารู้ใจกันสุดๆ จริงอยู่ว่าทุกคนไม่ได้รู้จักกัน แต่สิ่งที่เชื่อมโยงกันและกันมันคือ ดนตรีและเสียงเพลง ตอนนี้เรียกได้ว่า ทั้งเด็กชายเด็กหญิงหญิงยุค 90 ทุกคนนั้นร้องตามกันอย่างไม่มีใคนอายใคร
ราวกับว่านี่คืองานคืนสู่เหย้าของเหล่าชาวไซย่าก็ว่าได้ นี่เป็น 1 ในไม่กี่ครั้งที่เด็กชายตัวน้อย เห็นพ่อของเขามีความสุข ภาพตรงหน้าคือผู้เป็นพ่อกำลังกำหมัดร้องเพลงราวกับว่ากำลังสนุกสุดๆ
[ สาวๆ ] : เฮ้ย !!! แก เขาร้องเพลง ดราก้อนบอลจีทีได้ด้วย โคตรเพราะเลย โอ๊ยยยยยยย
[ สาวๆๆ ] : งือออออ โอ๊ยย พ่อของลูกชัดๆ จบเพลงนี้แล้วชั้นจะไปขอเบอร์เขาจริงๆด้วย
หญิงสาวสองคนพูดคุยกันรางกับว่าเจอพ่อเทพบุตรในดวงใจ ซึ่งหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนกำลังแอบหึงอย่างสุดฤทธิ์เลยทีเดียว ตอนนี้เรียกได้ว่า ส้ม กระแต และเชฟตั้ม ทุกคนต่างหัวหมุนกันเลยทีเดียว ออเดอร์มารัวๆเลย
โชคดีที่ว่ามีเพื่อนๆของเชฟตั้มคอยช่วยแจกจ่ายอาหารตามออเดอร์ ไม่งั้นแย่แน่ๆ แต่มิกนั้นกลับมองไปที่กระแตสลับกับมองที่ริวกะด้วยหน้าที่ตึงเปรี๊ยะราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
ว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไวเสมอ 3 นาที 40 วินาที คือช่วงเวลาที่ริวกะได้พาทุกคนได้ย้อนเวลากลับไปวัยเด็กอีกครั้ง เมื่อเสียงดีดกีต้าร์สุดท้ายจบลง ทุกคนต่างประเคนเสียงปรบมือใส่ไม่ยั้ง
ริวกะเองหลังจากที่ถอดสายกีต้าร์และยกลงมาตั้งไว้ที่แสตนด์ก็โค้งให้ราวกับว่ากำลังขอบคุณทุกแรงใจ อีกทั้งเขายังไหว้ขอบคุณได้สวยงามมากอีกด้วย
[ สาวๆ ] : ไปเลยแก ไปเลย ไปขอเบอร์กัน
[ สาวๆๆ ] : อื้อออ ไปเล๊ยย
[ อั้ม ] : นายริวเหนื่อยมั้ย
เอี๊ยดดดดด !!! สองสาวนี่ถึงกับดริฟท์เลยล่ะ เพราะในขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปขอเบอร์ขอไลน์พ่อหนุ่มเนื้อหอมนั้นนั้น อั้มก็ได้เดินปรี่เข้าไปยื่นน้ำให้นายริวตัดหน้าพวกเธอซะก่อน
ในสายตาของเธอทั้งสองคนตอนนี้ดูพวกเขาสองคนสนิทกันมากๆแถมยังเสื้อคู่อีก มิหนำซ้ำสายตาที่อั้มชำเลืองมองมาทั้งสองคนนั้นราวกับจะบอกพวกเธอว่า " คนนี้ของชั้น "
เจอแบบนี้เข้าไปใครมันจะไปกล้า จริงอยู่ว่าพวกเธอสองคนก็ถือว่าหน้าตาสะสวยไม่เบาเลย แต่พอเจออั้มเข้าไป มันก็ทำให้ความมั่นใจของพวกเธอนั้นลดน้อยถอยลงจริงๆ ถอยดีกว่า ไม่อาววววดีกว่า
[ อั้ม ] : เก่งมากนายริว ดูสิ่ พวกส้มขายของมือเป็นระวิงเลย
[ ริวกะ ] : เหรอครับ โชคดีจัง ( หันมอง )
สิ่งที่ริวกะเห็นนั้นคือลูกค้ากำลังยืนต่อแถวกันยาวพอตัวเลยลาะ ต้องชื่นชมเชฟตั้มว่าสามารถทำอาหารได้รวดเร็วจริงๆ เพราะแค่แปปเดียวอาหารก็ถูกเสิร์ฟให้มือลูกค้าเสียแล้ว ทุกคนที่เห็นริวกะเก็บกีต้าร์ก็รู้ได้ทันทีว่าเพลงเมื่อกี้คงเป็นเพลงสุดท้ายที่เขาจะเล่นแล้ว
แม้จะเสียดายแต่พวกเขาก็มีความสุขมากๆ แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่ถึง 5 นาที แต่ต้องยอมรับว่ามันคือ ชั่วโมงต้องมนต์จริงๆ แต่ว่า...
[ ลูกชาย ] : พี่ชายครับ พี่ชายครับ
เสียงเด็กชายคนเดิมดังขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะวิ่งมาหารืวกะนั่นเอง ซึ่งเขาก็แปลกใจว่าเด็กคนนี้เป็นใครหว่า แต่ริวกะก็ปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยนด้วยการย่อเข่าลงไปคุยกับเขาด้วยท่าทีที่ใจดีมากๆ
[ ริวกะ ] : ว่าไงครับ
[ เด็กชาย ] : พี่ชายครับ พี่ชายช่วยร้องเพลงอีกได้ไหมครับ อีกเพลงนึงก็ได้
[ ริวกะ ] : ( มองหน้ากับพี่อั้ม ) หืมทำไมเหรอครับ น้องฟังภาษาญี่ปุ่นรู้เรื่องด้วยเหรอ
[ เด็กชาย ] : ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ แต่ แต่ว่าคุณพ่อของผมฟังออก แถมร้องได้ด้วย
[ ริวกะ ] : หืม คุณพ่อเหรอ
[ เด็กชาย ] : ใช่ครับๆ วันนี้คุณพ่อพาผมกับคุณแม่มาเดินเล่น เมื่อกี้ตอนที่พี่ชายร้องเพลงภาษาอังกฤษ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ยิ้มให้กันด้วยแหละครับ ( อั้มยิ้ม ) และเมื่อกี้ที่พี่ชายร้องเพลงที่สอง คุณพ่อก็ร้องไห้ แต่คุณพ่อบอกที่ร้องไห้เพราะมีความสุข ผมเห็นคุณพ่อร้องเพลงไปด้วยร้องไห้ไปด้วย แต่คุณพ่อยิ้มไม่หยุดเลยครับ
เด็กชายสาธยายสิ่งที่เขาเห็นต่างๆให้ริวกะและอั้มฟัง ซึ่งทั้งสองก็ฟังไปยิ้มไปไม่หุบเลยทีเดียว เด็กชายก็เล่าไปแถมยังทำท่าประกอบเข้าไปอีก มันยิ่งทำให้หัวใจของผู้ให้อย่างริวกะนั้นอิ่มเอมเลยทีเดียว
[ เด็กชาย ] : ผมพึ่งเคยเห็นพ่อยิ้มและสนุกแบบนี้เลยครับพี่ชาย
[ ริวกะ ] : หืม ทำไมล่ะครับ
[ เด็กชาย ] : ก็ทุกๆวันพ่อจะทำงานหนัก กลับมาก็เหนื่อยเหนื่อย แต่พ่อก็ยังกลับมากินข้าวกับผมนะครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงให้พ่อหายเหนื่อยเลย แต่เมื่อกี้ผมเห็นพ่อยิ้ม เห็นพ่อมีความสุขมากๆเลยพอได้ฟังพี่ชายร้องเพลง พี่ชายช่วยร้องเพลงอีกได้มั้ย
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายตัวน้อย พยายามอธิบายเหตุผลให้ริวกะเข้าใจ แม้จะวนๆ ซ้ำไปบ้างแต่ริวกะก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ตอนนี้สิ่งที่เรากะรู้สึกได้คือ เขาและเด็กชายตรงหน้าช่างเหมือนกันจริงๆ
พ่อของเขา ( ริน ) ก็ทำงานหนักเช่นกัน เขาทำทุกอย่างเพื่อให้อิซานางิ กรุ๊ป เจริญเติบโต และในทุกๆวันไม่ว่าจะเหนื่อนเพียงใด เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว พ่อก็จะสลัดความเครียดทุกอย่างทิ้งและมาใช้เวลาร่วมกับเขา
ทั้งสอนรำกาต้า สอนชกมากิวาระ สอนการบ้านสอนอ่านหนังสือสอนเขียนคันจิ หรือแม้แต่กินข้าวด้วยกัน ริวกะรู้ว่าพ่อเหนื่อย แต่พ่อก็ไม่เคยปริปากพูดเลยด้วยซ้ำไป เขายังคงทำทุกๆอย่างเพื่อเป็นการปูอนาคตให้ริวกะเลือกเดินนั่นเอง ภาพของเขาในอดีตกำลังทับซ้อนกับเด็กคนนี้อยู่
นั่นจึงทำให้ริวกะเข้าใจเด็กคนนี้ ว่าสิ่งที่เขาต้องการคือ อยากทำให้พ่อยิ้มและสนุกอีกครั้ง และริวกะเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธมันด้วย
[ ริวกะ ] : เอ... จะให้พี่ร้องเพลง ต้องมีค่าตอบแทนนะครับ
[ เด็กชาย ] : ( หน้าเสียทันที ) แต่ แต่ผมไม่มีเงินนะครับ เมื่อกี้ผมยังขอให้คุณแม่ซื้อของให้อยู่เลย ( อั้มส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม )
[ ริวกะ ] : พี่ไม่ได้อยากได้เงิน พี่อยากให้น้องสัญญาว่า ต่อจากนี้ทุกๆวัน น้องจะต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ และทุกๆวันที่คุณพ่อทำงานกลับมา น้องจะต้องเตรียมน้ำเย็นให้คุณพ่อดื่ม และห้ามน้อยใจคุณพ่อเด็ดขาด เพราะท่านทำทุกอย่างเพื่อตัวของน้องเอง สัญญาได้มั้ยถ้าสัญญาล่ะก็ พี่ชายจะร้องเพลงให้ฟังอีกเพลง
[ เด็กชาย ] : ผมสัญญาครับผมสัญญา ผมจะไม่ดื้อกับคุณแม่ ผมจะกินบล็อคโคบี่ ผมจะกินไม่เขี่ยแครอทไว้ข้างๆจาน ผมจะคอยเอาน้ำเย็นๆไว้ให้คุณพ่อทุกวันเลยผมสัญญา พี่ชายร้องเพลงให้ฟังอีกเพลงนะครับ
[ ริวกะ ] : ได้เลย เดี๋ยวพี่ชายจะร้องให้ฟัง
[ เด็กชาย ] : เย้ ๆ ๆ ๆ ๆ ขอบคุณครับ
เด็กชายคนนั้นรีบวิ่งไปทางที่พ่อกับแม่ของเขายืนรออยู่ทันที เพราะเมื่อกี้เขาได้ขออนุญาตมาหาริว ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะยังไงระยะทางที่พวกเขายืนกับที่ริวกะอยู่ก็ไม่ไกลกันมากนัก ตอนนี้พวกเขาเห็นลูกชายกำลังวิ่งมาหาพวกเขาพร้อมกับชูมือราวกับว่ากำลังจะให้อุ้มอย่างนั้นแหละ ซึ่งผู้เป็นพ่อก็ย่อตัวและกอดลูกชายตัวน้อยเอาไว้อย่างอบอุ่น และอุ้มขึ้นมาทันที
[ เด็กชาย ] : เย้ ๆ ๆ พ่อครับ อย่าเพิ่งกลับนะ รอก่อนครับ
[ พ่อ ] : หืม มีอะไรลูก แล้วนี่ดีใจอะไรเหรอเนี่ย
[ เด็กชาย ] : พี่ชายคนนั้นบอกว่าจะร้องเพลงให้ฟังอีกครับ ถ้าผมสัญญากับเขา
[ แม่ ] : ( ตกใจ ) สัญญาอะไรลูก
[ เด็กชาย ] : ( ยิ้ม ) พี่เขาให้ผมสัญญาว่า ต่อจากนี้ห้ามดื้อกับคุณแม่ และทุกๆวันต้องคอยเอาน้ำเย็นไว้ให้คุณพ่อดื่มตอนกลับบ้านครับ ถ้าผมสัญญา พี่เขาจะเล่นเพลงให้ฟัง และผมก็สัญญาไปแล้วว่าจะเป็นเด็กดี จะกินผักเยอะๆ จะคอยเอาน้ำเย็นให้คุณพ่อดื่มทุกวันเลยครับ
ก็นะความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่ อะไรมันจะยิ่งใหญ่ไปกว่ารอยยิ้มของดวงใจดวงน้อยๆดวงนี้ล่ะ และเมื่อรู้ว่าลูกชายพยายามทำเพื่อเขา คนเป็นพ่อก็สุขใจไม่ใช่น้อย เขาและภรรยาบรรจงหอมแก้มลูกชายสุดที่รักดังฟ้อดดดด
พวกเขาภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้จริงๆ และผู้คนที่อยู่รอบๆครอบครัวนี้พอได้ยินว่าริวกะจะร้องเพลงอีกครั้ง พวกเขาก็ถึงกับนิ่ง นิ่งเพื่อรอฟังว่าริวกะจะร้องเพลงอะไรอีก ชาวต่างชาติเองก็แปลกใจว่าอยู่ดีๆ ชาวไทยที่กำลังจะเดินออกไปนั้นได้หยุดและกลับมายืนที่เดิม พวกเขาจึงได้เอ่ยถามขึ้นมา
[ ชาวต่างชาติ ] : เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพวกคุณอยู่ดีๆก็หยุด และเดินกลับมาล่ะ
[ พ่อ ] : เด็กคนนั้น ( ริว ) กำลังจะร้องเพลงอีกเพลงครับ
[ ชาวต่างชาติ ] : โอ้ว จริงเหรอเนี่ย ผมคงพลาดมากแน่ๆ ถ้าไม่ได้ฟังเขาร้องอีกเพลง คุณรู้มั้ยผมชอบดราก้อนบอล ภาค จีที มากๆ ฮ่าฮ่า
[ พ่อ ] : เช่นกันครับ ฮ่า ฮ่า
ในขณะที่เขาทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น แอ่ด แอ่ด แต่ง ดิ๊ ดี ดิ่ ดิ้ เสียงกีต้าร์ขึ้นมาอีกครั้งทำให้ทุกคนนั้นนิ่งสงบเลยทีเดียว ริวกะเพิ่มความเร้าใจเข้าไปอีกด้วยการใช้การเล่นที่เรียกว่า Finger Style ในการเกาคอร์ด
[ ริวกะ ] : ฮื่มม ฮืม ฮื่ม ฮืม ฮื้ม ฮืม ฮืม ฮื่ม ฮืมม
เอาอีกแล้ว ไอ้การฮึมฮัมเพื่อเทียบคอร์ดนี้ทำให้เหล่าเด็กยุค 90 อยู่ไม่สุขอีกแล้ว จริงอยู่ที่ร่างกายพวกเขาไม่ขยับแต่ตอนนี้หัวใจของพวกเขากำลังสั่นระรัวราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้ ถ้านี่ใช้เพลงที่พวกเขาคิดกันจริง
[ ริวกะ ] : พร้อมมั้ย เพลงสุดท้ายของวันนี้ เด็กยุค 90 ทั้งหลาย
[ ผู้ชม ] : โอ้ววววววววว ( ตอบรับแบบคอร์นเสิร์ต )
[ ริวกะ ] : ถ้างั้นก็กางปีกแล้วบินกันเถอะ อิ่กคุโซ๋ เอราบาเรชิ โคโดโมะ ( ลุยกันเลย เด็กที่ถูกเลือก )
[ พ่อ ] : ห๊ะ !!! เด็กที่ถูกเลือก โว้วววววววววววว บัตเตอร์ฟราย
[ ชาวต่างชาติ ] : อ๊ากกกกก I am DigiDestined ( อ๊ากก ผมคือเด็กที่ถูกเลือก )
เท่านั้นแหละเสียงของทุกคนกระหึ่มชนิดที่ว่า ผู้คนที่เดินไปเดินมาต้องรีบวิ่งมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใช่จริงๆ เป็นเพลงนี้จริงๆ เพลงที่อยู่ในความทรงจำ เพลงที่พาพวกเขาให้รู้จักกับโลกดิจิตอลและเหล่าดิจิมอน ( เหล่าตัวเอก 7 คน ถูกเรียกว่า เด็กที่ถูกเลือก ซึ่งภาษาญี่ปุ่นคือ เอราบาเรชิ โคโดโมะ ภาษาอังกฤษคือ ดิจิเดสไทนด์ )
[ ริวกะ ] : ( 0.01 )
มูเก่นดาย น่า ยูเม่ โน อะโต โน
นานิโม้ ไน่โยโน นาคะ ช่า
โซ๊ อุซาอี้ โต่ฉิอี่
โอโมอิ่ โม มาเข่ะโซอุ นี๊ นารุ เข่โด
สเตย์ ชิกา จินา อิ่เมจิดา ราเข่โน
ทาโยริไน ซึบาสะ เด่โม
คิ อิทโต โทเบรุ ซ่าาา
ออน มาย เลิฟฟฟ
** ข้อความจากผู้เขียน **
เพลงนี้ครับ ลองฟังกันดู
ชั่วโมงต้องมนต์เริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อริวกะได้เริ่มร้องเพลงขึ้นมา เชื่อหรือไม่ว่าทุกคนนั้น หยุดทุกอย่างที่กำลังทำและหันมามองริวกะเป็นสายตาเดียว เพราะเพลงที่เขาร้องนั้น มันเป็นความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายๆคน
มันคือความสุขในยุคที่โทรศัพท์มือถือยังเลนได้แต่เกมส์งู มันคือความสุขในทุกวันหยุดที่จะต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อรอดูการ์ตูนเรื่องนี้ มันคือยุคที่ช่องเก้าการ์ตูนครองใจเด็กๆ และมันคือยุคที่เด็กทุกคนมีไอดอลที่ชื่อว่า น้าต๋อย เซมเบ้ ( ปัจจุบัน คนเขียนก็ยังชื่นชอบน้าต๋อยอยู่ )
ความทรงจำมากมาย ความหลังมากมาย กำลังถูกพากลับมา ช่วงเวลาที่เด็กหลายคนมีดิจิไวซ์ ช่วงเวลาที่เด็กหลายคนมีการ์ด สมุดสะสมภาพ ช่วงเวลาที่ทุกคนสนุกสนาน ตอนนี้เวลาเหล่านั้นได้ย้อนกลับมาอีกครั้งผ่านเสียงเพลงตรงหน้า ริวกะเองก็ฉลาดมากๆเขาเลือกร้องท่อนฮุคเปิดก่อน เพื่อดึงความสนใจของผู้คนและมันก็ได้ผลจริง ตอนนี้ผู้คนตรงหน้านั้นเดินเข้ามาลุมล้อมราวกับงานมิตติ้งไอดอลเลยทีเดียว ริวกะเองก็ถือว่าได้ทำตามใจตัวเองเช่นกัน เพราะตอนเด็กๆเขานั้นก็ชอบดูดิจิมอน มากๆ
แน่นอนว่าเพลง Butterfly มันเป็นเพลงที่เขาฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีกจนจำได้ขึ้นใจ ตอนที่คุณโคจิ วาดะ เจ้าของเพลงนี้ได้เสียชีวิตไปนั้น ริวกะเองก็เศร้าไม่น้อยเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้เขากำลังถ่ายทอดมัน ถ่ายทอดเหมือนกันที่คุณวาดะเคยทำไว้เมื่อ 20 ปีก่อน
[ ริวกะ ] : ( 0.58 ) โกขิ่ เคน นา โจ หนิ นัตเต
ขิ่ราเมขุ คาเสะ นิ โน่ตเต
อิ๊มา ซึกุ คิมิ นิ อาอิ นิ ยู๊โคโอ
เสียงกีต้าร์ของริวกะนั้นถ่ายทอดทุกโน๊ต ทุกคอร์ด ออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ เสียงร้องและสำเนียงของเขา ทำให้ทุกคนนั้นเหมือนกลับไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ( คนเขียนอยู่ ป.6 ตอนที่ดิจิมอนฉาย ภาคแรก )
ตอนนี้ทั่วลานกว้างนี้กลายเป็น mini concert ไปแล้ว คนทีาร้องเพลงได้ก็ไม่อายที่จะร้องมัน บางคนอาจจะเสียงไม่ดี บางคนคีย์เพียน แต่นันมันไม่สำคัญในเมื่อพวกเขาร้องมันออกมาจากใจ เด็กชายคนเดิมที่ขอให้ริวกะร้องเพลงตอนนี้เขายิ้มไม่หุบเลย
เพราะตรงหน้าคือพ่อและแม่ที่กำลังเปล่งเสียงร้องเพลง ButterFly กันอย่างสุดพลังรางกับว่าความเหนื่อยล้า ความเครียดกำลังถูกปลดปล่อยออกมา และแล้วลูกเล่นของริวกะก็มาถึง เขาตั้งใจจะเล่นและส่งให้ผู้ชมมีส่วนร่วม หรือที่เรียกว่าการ เอนเตอร์เทน นั่นเอง ริวกะลุกขึ้นและเริ่มร่ายมนต์อีกครั้ง
[ ริวกะ ] : ( 2.34 - 3.15 ) หน่านิ ก่ะ โว๊ว โว๊ว โว๊ว โว๊ว โววว
[ พ่อเด็ก + ผู้ชม ] : โคะโน ม่าฉิ่ นิ ฮิบิคุ โนะ ดาโรวว
[ พ่อเด็ก + ผู้ชม ] : ด่าเคโด โว๊ว โว๊ว โว๊ว โว๊ว โววว
[ พร้อมกันทุกคน ] : คิ่ทไทอิ่ ชิเทะเทะโม ชิกา ทานาอี๊ อี่
มูเก่นดาย ไน่ ยูเมะ โน อ่าโตโน
ยารุเซไน โย โน นาคะ ช่า
โซอุ ซะ โจอุชิกี่
ห่ะอา(ฮา) ซุเระ โม วารุ คู๊วานาย(อิ) คา นา
สเตย์ ชิโช อุน่าอิเม จิ่ โอ โซเมตาา
กิโคชิ ไน ซึบะสะ เด่โม
คิอิท โทะ โทเบรุซ่าา ออน มาย เลิฟฟฟฟ ( พี่มังกรยืน โซโล่ )
บทเพลงนี้ไม่ว่าจะกี่ปีก็เหมือนเดิม ผู้เป็นพ่อนั้นจำได้ไม่ลืมเลือน เพลงนี้เป็นเพลงที่เขารักมากๆ ถึงกับยอม.อดข้าวกลางวันเพื่อเก็บเงินให้ได้จำนวน 99 บาท เพื่อนำไปซื้อเทปอัลบั้มดิจิมอนในเซเว่นมาฟัง แม้ว่าเทปนัันจะหายไปแล้ว แต่เขาก็ไม่มีทางลืมมันเด็ดขาด
ตอนนี้ทุกคนนั้นแทบจะกลายเป็น 1 เดียวกันแล้ว พวกเขากู่ร้องเพลงโปรดวัยเด็กกันอย่างสุดพลังโดนไม่กลัวเจ็บคอกันเลย และดูเหมือนว่าริวกะจะคุมจังหวะได้ดีมากๆ ท่อนไหนที่จังหวะเร็วไปเขาก็จะร้องนำเพื่อไม่ให้เร็วไปนั่นเอง
โว้ววววววววเสียงโห่ร้องปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อริวกะโชว์การโซโล่กีต้าร์ ลีลาของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่ากินขาดจริงๆ แม้แต่พี่ตั้มที่เคยเป็นนักดนตรีกลางคืนยังต้องยอมซูฮกให้ และไฮไลต์ก็มาถึงเมื่อริวกะที่โซโล่จนเกือบจะถึงท่อนส่ง ได้เอ่ยประโยคนึ่งขึ้นมา
[ ภาษาไทย ]
[ ริวกะ ] : เด็กที่ถูกเลือกทั้งหลาย ส่งเสียง
โว้วววว ตอนนี้เรียกได้ว่าเหล่าเด็กที่ถูกเลือกทุกคนนั้นส่งเสียงตอบรับริวกะกันกระหึ่มเลยล่ะ เชื่อเถอะว่าในตอนที่ทุกคนนั่งดูการ์ตูนเรื่องดิจิมอนนั้น ทุกคนต้องเคยมโนแน่ๆว่าตนนั้นก็คือเด็กที่ถูกเลือก และเมื่อคำๆนี้ถูกพูดขึ้นมาอีกครั้ง
พวกเขาถึงกับของขึ้นเลยทีเดียว และริวกะก็โซโล่มาถึงท่อนส่ง ความทรงจำของพวกเขากำลังจะถูกดึงกลับมาอีกครั้ง ราวกับชั่วโมงต้องมนต์ ( เสียงกีต้าร์ แตง แตง แตง แตง แตง แอ่ะ แอ่ด )
[ ริวกะ ] : ปีกกลางเหินไปไม่มีวันแผ่วปลาย ม้ะ !!!
[ ผู้ชม ] : ด้วยแรงรักทะยานโลดไป แม้จะสาหัสจะหนักหนา ก็จะไม่ท้อไม่ท้อ แต่จะขอเดินหน้าไป ปีกกางลู่ลมไม่มีวันแผ่วปลาย ด้วยความเธอนั้นมั่นคง ไปด้วยแรงส่งสุดหัวใจ โอ้ววววว เย
[ ริวกะ ] : โมอิจิโดะ ( อีกรอบนึง ) ( 4.15 จนจบเพลง )
มูเก่นดาย ไน่ ยูเมะ โน อ่าโตโน
ยารุเซไน โย โน นาคะ ช่า
โซอุ ซะ โจอุชิกี่
ห่ะอา( ฮา ) ซุเระ โม วารุ คู๊วานาย(อิ) คา นา
สเตย์ ชิโช อุน่าอิเม จิ่ โอะ โซเมตาา
กิโคชิ ไน ซึบะสะ เด่โม
คิอิท โทะ โทเบรุซ่าา ออน มาย เลิฟฟฟฟ
บางคนร้องเพลง บางคนร้องไห้ บางคนคิดถึง บางคนใจหาย ตอนนี้หลายๆอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด เนื้อเพลงภาษาไทยที่มีชื่อว่าปีกรัก ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งโดยพวกเขา 20 ปีที่แล้วพวกเขาทำได้แค่นั่งดูอยู่หน้าจอ แต่วันนี้ตอนนี้พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของเพลงที่พวกเขารักแล้ว
ริวกะปล่อยเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่เลยก็ว่าได้ ใครจะไปคิดว่าเขาจะหักมุมร้องเนื้อภาษาไทยออกมาแบบนี้ล่ะ แม้จะเป็นแค่ท่อนเดียวที่ริวกะนั้นร้องด้วยเนื้อภาษาไทย แต่แค่นี้มันก็เพียงพอที่จะเติมเต็มความฝันของพวกเขาแล้วล่ะ
เสียงร้องของริวกะ เสียงกีต้าร์ของริวกะ มันเติมเต็มความสุขของพวกเขาได้อย่างมากๆเลย ตืด ตึง ตึง ตือ ดึง ดึ่งงง ริวกะเกาคอร์ดกีต้าเบาๆ ช้าๆ ก่อนที่จะเคาะสาย แอ่ะ แอ่ด พรึงงงงงงงง จบเพลง
[ ริวกะ ] : ฟู่วววววว
เขาเป่าปากออกทันที ที่เพลงจบ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเล่นได้ดีไหมนะ เพราะเพลงนี้มันถูกโคฟเวอร์ออกมาหลายเวอร์ชั่นมากๆ เขาจะร้องถูกใจผู้คนตรงหน้าไหมนะ แต่ว่า.... โว้วววววว วู้ววววววว เสียงโห่ร้องหลากหลายภาษา
เสียงปรบมือเกรียวกราว เสียงผิวปากดังขึ้นมากมาย มันตอบคำถามได้อย่างดีว่า เขาทำมันได้ดีหรือเปล่า ริวกะทำได้ดีมากๆ มันโดนใจพวกเขามากๆเลยก็ได้ ริวกะนั้นยิ้มอย่างโล่งใจที่เขาสามารถทำให้คนพอใจได้ และไม่ทำให้เพลงขึ้นหิ้งอย่าง ButterFly ต้องมัวหมอง
เขาลุกขึ้นโค้งหัวเล็กน้อยเพื่อขอบคุณและยกมือไหว้อีกครั้ง จากนั้นจึงเก็บกีต้าร์เข้าสแตนด์ เชฟตั้มนั้นอยากจะออกไปชมใจจะขาดว่าเล่นดีมาก แถมเสียงนี่ฟ้าประทานชัดๆ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ก็ร้องได้ไม่มีผิดเพี้ยน
ทักษะด้านภาษาเข้าขั้นเทพมากๆเลย แต่ว่าตอนนี้ลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสายเลยล่ะ เขาจึงต้องทำหน้าที่ต่อไป รวมถึงเพื่อนๆของเขาด้วย ใจของพวกเขาอยากจะเข้ามาคุยกับริวกะจริงๆ แต่ตอนนี้งานตรงหน้ามันก็รัดตัวจริงๆ ส้มกับกระแตก็ทำได้แค่มองเท่านั้น หยุดพักมือไม่ได้เลย ตอนนี้อั้มจึงเข้ามาหาริวกะเพื่อพูดคุยและชมไม่ขาดปาก พี่มังกรเรานี่ยิ้มเลยทีเดียว