ตอนที่ 1
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=232545.0ตอนที่ 3
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=232974.75....................
“ถ้าเปลี่ยนโลกนี้เป็นผู้ชายใส่กระโปรงแล้วผู้หญิงใส่กางเกง ผู้หญิงจะชอบแอบมองกางเกงในผู้ชายไหม”
....................
ในโลกยุคที่เราให้การยอมรับนับถือคนที่เข้าสังคมเก่งพูดจาฉะฉานช่างพูดช่างคุยกล้าแสดงออก จนลามเลยหลงผิดคิดว่าคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม คนที่ครุ่นคิดอยู่คนเดียวมีโลกส่วนตัวสูง คือความบกพร่อง
………………..
มันเริ่มจากคำถามเล็กๆที่ฉันตัดสินใจเขียนบอกเล่าอาการผิดปกติของตัวเองในอินบ๊อกซ์เพจเฟสบุ๊คของจิตแพทย์หญิงท่านหนึ่ง คุณหมอสอบถามอาการเพิ่มเติมพร้อมกับชักชวนให้ฉันหาโอกาสไปพบที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านสุขุมวิทเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยเครื่องมือทันสมัยวิเคราะห์ผลได้ละเอียดเที่ยงตรงในระดับนาโน
สองอาทิตย์เต็มๆที่ฉันตกเป็นทาสความคิดจิตตกอยู่ในห้วงความวิตกกังวล นั่งทบทวนสิ่งที่ตัวเองอยากแล้วยังไม่ได้ลงมือทำ เพิ่งรู้ว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับนั้นมันเป็นอย่างไรกลัวตายแล้วก็ปลอบตัวเองให้ปลงชีวิตแล้วก็กลัวตายอีกซ้ำไปซ้ำมา ค่าใช้จ่ายในการรักษาคงจะมโหฬารบานตะไททำประกันสุขภาพเพิ่มอีกสักฉบับดีไหมหลับแล้วก็ตื่นขึ้นมาเริ่มคิดใหม่ เปิดยูทิ้วบ์ใส่หูฟังคลิ๊กเพลงไฟนอลเคาท์ดาวน์(The Final Countdown-Europe-1986)นับถอยหลังถึงวันนัดหมายฟังผลตรวจ
“มีประกันสุขภาพไหม ..” คุณหมอสาวใหญ่วัยเกษียณยิงคำถามแทงใจดำ
“มีฉบับนึงค่ะ กำลังติดต่อทำเพิ่มอีกฉบับ” ฉันตอบเสียงสั่น
“เปล่าหรอก พอดีค่าตรวจมันแพงถ้าหนูมีประกันจะได้ช่วยแทงเป็นค่ารักษา”
“เอ่อ.. เท่าไหร่คะ”
“เกือบสี่หมื่น.. ถ้ามีประกันก็โอเค” นั่นไง นึกถึงคำเตือนที่หลายคนย้ำว่าฉันควรตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอื่นอีกอย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ นี่แค่ค่าตรวจยังสี่หมื่นค่ารักษามิปาไปห้าหกแสนเหรอ
“ค่าตรวจมันแพงเพราะต้องส่งข้อมูลให้แพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆวินิจฉัยยืนยัน เคสของคุณหมออยากจะให้ผลของมันออกมาอย่างไม่ต้องมีข้อกังขาใดๆอีก” คุณป้าหมออ่านแฟ้มร่ายยาว
“สรุปว่าหนูเป็นอะไรกันแน่คะ แล้วมันร้ายแรงขนาดไหน” ฉันถามเสียงสั่น
“ในชั้นแรกเราคิดว่าคุณเป็นมะเร็ง”
“มะเร็ง..!!” ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเปลี่ยนรูปร่างคล้ายขี้ผึ้งกำลังหลอมละลาย น้ำตารื้นเอ่อคลอเบ้า
“ผลจากซีทีสแกนพบก้อนเนื้อมีขนาดโตผิดปกติ ตอนแรกเราคิดว่าคงจะต้องตัดชิ้นเนื้อเพื่อไปตรวจอย่างละเอียด”
“เอ่อ.. ขอหนูตัดสินใจเรื่องการรักษาก่อนได้ไหมคะ” ฉันคิดถึงการตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอื่นและถึงอย่างไรก็คงไม่เข้ารับการรักษาที่นี่แน่นอน
“แต่จากผลเลือดที่มันยังขัดแย้งกันอยู่จับต้นชนปลายพิจารณาแล้ว.. หนูอาจเป็นเคสที่ลึกกว่าคือพบเจอได้เพียงหนึ่งในล้านคนเท่านั้น ..หนึ่งในล้าน” คุณป้าหมอขยับแว่นเหลือบมองฉันที่กำลังสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลเป็นทางอาบสองแก้ม
“และนี่คือภาพตัดขวางของก้อนเนื้อที่โตผิดปกติแสดงผลโดยเครื่องซีทีสแกน พบว่าเมื่อเราใส่กระแสไฟฟ้าอ่อนๆเพื่อกระตุ้นก้อนเนื้อที่ว่านี้มันก็ยังจะสามารถอ่อนแข็งหดขยายตัวได้ประมาณยี่สิบเปอร์เซนต์” คุณป้าหมอกดเมาส์คลิ๊กเปลี่ยนภาพก้อนเนื้อตัดขวางในจอคอมพ์ วินาทีนี้ฉันไม่ได้แม้แต่สนใจจะมองมันเลย
“สรุปว่าหนูเป็นมะเร็งใช่ไหมคะ!!” ฉันกลั้นใจถาม อยากจะเดินออกจากห้องตรวจนี้ไปสักที
“เปล่า .. ใครบอก หมอไม่ได้บอกว่าหนูเป็นมะเร็งนะ”
“ก็เมื่อกี๊หมอเพิ่งบอกอยู่หยกๆว่าต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ” ฉันร้องไห้โวยวายไม่อายใคร
“หมอบอกว่าอ่านค่าเลือดแล้วไม่น่าใช่ ไม่ใช่ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจหนูใจเย็นๆฟังดีๆก่อนสิ!!”
“สรุปว่าหนูเป็นโรคอะไรกันแน่บอกมาตรงๆเลยดีกว่าค่ะ!!” สติของฉันใกล้จะแตก
“ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง ที่เกริ่นว่ามันเป็นเคสหนึ่งในล้านเพราะอยากให้คนไข้ค่อยๆทำความเข้าใจ ซึ่งมันอาจจะอธิบายยากและทำใจยอมรับได้ยากถึงได้บอกให้ใจเย็นๆค่อยๆฟัง”
“สรุปหนูเป็นอะไรคะ..” ฉันฟุบหน้าลงกับโต้ะร้องไห้กระซิก
“คริสตอริสของหนูมีขนาดใหญ่ผิดปกติ..”
“อะ.. อะไรนะคะ” ฉันเงยหน้าถาม
“อืม.. ปุ่มคริสตอริสคือตำแหน่งที่อยู่ตรงส่วนบนสุดตรงที่แคมเล็กทั้งสองข้างมาบรรจบกัน ลักษณะเป็นก้อนเนื้อถูกห่อหุ้มด้วยชั้นผิวหนังบางๆโดยจะโผล่ออกมาเพียงส่วนปลายขนาดเล็ก” คุณป้าหมอขยายภาพโคลสอัพจิ๊มิ๊ของฉันอล่างฉ่างเต็มจอจอแอลอีดีติดผนังขนาดห้าสิบนิ้ว “หนูเห็นไหมว่ามันโตผิดสังเกตุ .. เนี่ย ปุ่มตรงเนี้ย” คุณป้าหมออุตส่าห์ลุกขึ้นเดินไปชี้ด้วยตัวเองเพราะกลัวฉันไม่เข้าใจ
“ลักษณะพิเศษของเจ้าก้อนเนื้อนี้คือมันแข็งอ่อนตัวได้ อธิบายง่ายๆคล้ายอวัยวะเพศชายที่ขยายขนาดแข็งตัวเมื่อถูกกระทบโดยสิ่งเร้า”
“คือหนูเริ่มงงแล้วค่ะ”
“ข่าวร้ายคือในกรณีแบบนี้แทบจะรักษาไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยการผ่าตัดหรือใช้ยา” คุณป้าหมอถอนหายใจ “อาจมีสมุนไพรบางชนิดที่ออกฤทธิ์ช่วยลดความกำหนัดหรือการฝึกทำสมาธิเพื่อฝึกฝนควบคุมจิตใจ”
“เบญจา.. เบญจา อยู่หน้าห้องรึเปล่าเชิญในห้องตรวจหน่อยค่ะ” ป้าหมอกดอินเตอร์คอมสื่อสาร เพียงอึดใจพยาบาลสาวรุ่นราวคราวเดียวกันก็เปิดประตูเดินเข้ามาเธอมองภาพจิ๊มิบนจอแล้วเหลือบหางตามามองฉัน “เบญจาถกกระโปรงขึ้นให้เห็นกางเกงในหน่อยซิ” พยาบาลสาวหน้าตาเลิ่กลั่กแต่ก็ยอมทำตามโดยดี ถึงแม้ทั้งห้องตรวจจะมีแต่เพียงผู้หญิงด้วยกันแต่พยาบาลเบญจาก็ยังมีท่าทีเขินอาย กางเกงในเนื้อผ้าบางเบาสีฟ้าอะร้าอร่ามปรากฏขึ้นตรงหน้า ฉันจับจ้องไปที่โหนกเนื้อนูนแทบไม่อยากกระพริบตา
“โอเคพอแล้ว ..เอ่อ เดี๋ยวยังไงช่วยเช็คเรื่องประกันสุขภาพของคนไข้ให้หมอด้วยนะ” พยาบาลสาวเอากระโปรงลงทำหน้างงๆรับแฟ้มแล้วเดินกลับออกจากห้องตรวจ
“ตอนนี้หนูงงไปกันใหญ่แล้วค่ะ..” ในสมองฉันกำลังหมุนติ้ว
“หมอกำลังพยามสาธิตให้ดูว่าในกรณีแบบเมื่อสักครู่คนส่วนใหญ่จะเกิดคำถามด้านศีลธรรมขึ้นมาในลักษณะฉับพลันทันทีแบบเห้ย!!อยู่ดีๆจะมาให้โชว์ของลับของหวงกันแบบนี้ได้ยังไง .. แต่ผู้ที่มีความผิดปกติในกรณีคริสตอริสโตอาจส่งผลกระทบต่อสมองและทั้งถูกกระตุ้นกลับโดยไฟฟ้าสมอง กลับไปกลับมาซ้ำๆ ความยั้งคิดผิดชอบชั่วดี ลามกจกเปรต ท้าทาย ผ่อนคลาย หรือแม้อาจถึงขั้นถึงจุดสุดยอดได้โดยไม่ต้องมีบุคคลที่สองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ”
“เอ่อ…” ฉันพยามจับต้นชนปลายเรื่องราว
“หนูจำที่เขียนถามหมอทางเฟสบุ๊คได้มั้ย คำถามแรกเลย” คุณป้าหมอถาม
“หนูถาม..ว่า เอ่อ..” ฉันพยามนึก
“.. ถ้าเปลี่ยนโลกนี้เป็นผู้ชายใส่กระโปรงแล้วผู้หญิงใส่กางเกง ผู้หญิงจะชอบแอบมองกางเกงในผู้ชายไหมคะ”
“นั่นล่ะ จิตใจมันคอยแต่จะไฝ่ไปในทางนั้น ต้องหัดควบคุมตัวเอง เล่นกีฬา เล่นดนตรี หรือหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์อย่างอื่นอย่าปล่อยให้ตัวเองว่างมากจนเข้าสู่ภาวะฟุ้งซ่าน” คุณป้าหมออธิบาย
“แล้วต้องกินยาไหมคะ” ฉันถามพาซื่อ
“หมอไม่แนะนำให้กินยาในกลุ่มที่มีผลต่อจิตประสาทนะ พวกเหล้าก็ไม่ดี ใช้วิธีออกกำลังกายเล่นกีฬาหรือฝึกสมาธิจะดีกว่าในระยะยาว”
“แล้วกับร่างกายมันจะส่งผลร้ายยังไงคะ”
“จะว่าร้ายก็ร้ายนะมันคล้ายๆจะรูสึกสยิวขนลุกขนพองทั้งวัน ฝนตกลมพัดหมาเห่าใบตองแห้งอะไรก็สามารถกลายสภาพเป็นสิ่งเร้าได้หมด”
“สยิวทั้ง..วัน” ฉันตาลอยรำพึงนึกทบทวนอาการผิดปกติทางร่างกายของตัวเอง
“ไม่ใสกางเกงชั้นในก็พอช่วยได้ ลดการเสียดสี” คุณป้าหมอเปรย “แต่ต้องระวังเชื้อโรคอาจแปะแค่พวกแคร์ฟรีแล้วคอยระวังอย่าให้มันไปโดน”
“ใส่เป็นพวกซับในหรือบ๊อกเซอร์ได้ไหมคะ”
“ก็แค่อย่าให้มันโดนกับอะไรน่ะแหละ อยู่บ้านคนเดียวใส่พวกผ้าถุงก็ได้” คุณป้าหมอตอบ
“คือ.. หนูจะกลายเป็นคนโรคจิตลามกอะไรแบบเนี้ยเหรอคะ” ฉันถามย้ำอีกครั้ง
“ที่บอกว่าเป็นเคสหนึ่งในล้านคือมันเกิดจากการผิดปกติของอวัยวะส่งผลต่อจิตใจ ในกลุ่มพฤติกรรมลักษณะเดียวกันถ้าเป็นอาการทางจิตเภทก็ยังพอจะพบได้ทั่วไปสามารถรักษาให้หายได้”
“งั้นสรุปนะคะ คือตอนนี้หนูยังไม่ได้เป็นโรคจิต แต่อาจเป็นในอนาคตสาเหตุเพราะปุ่มนั้นมันเสียดสีกับกางเกงใน”
“คริสตอริสโต.. เรียกแบบนั้นดีกว่า ส่วนเรื่องเสียดสีนั้นหมอไม่ยืนยันเพราะเคสลักษณะนี้มีโอกาสพบเจอน้อยเหลือเกิน”
“ไม่ใช่มะเร็ง..”
“ผลค่าเลือดไม่ได้บอกว่ามีภาวะเสี่ยงต่อการมะเร็ง ไม่น่าจะเป็นนะ”
“คริสตอริสโต..” ฉันรำพึง
“ใช่ คริสตอริสโต”
“เล่นดนตรีก็ช่วยใช่ไหมคะ”
“เวลาฝึกดนตรีเราจะมีสมาธิตั้งมั่น ยกระดับจิตใจอยู่ในจุดที่สูง” คุณป้าหมอวัยเกษียณยิ้ม
………………..
รถไฟฟ้าผู้โดยสารแน่นหนาเบียดเสียดช่วงเย็นหลังเลิกงาน คำวินิจฉัยของคุณป้าหมอยังคงสร้างความฉงนงงงวยเวียนวนในสมอง อย่างน้อยก็สบายใจที่ฉันไม่ใช่คนโรคจิตวิปลาศความหวาดหวั่นไม่มั่นใจทั้งหมดทั้งสิ้นบรรเทาเบาบางลงทันทีเมื่อรู้จักทำความเข้าใจรายละเอียดของร่างกายตัวเอง จากสถานีรถไฟฟ้าฉันเลือกเดินกลับคอนโดผ่านลัดสวนสาธารณะถือโอกาสสำรวจว่าผู้คนอื่นๆเค้ามาออกกำลังกายทำอะไรกันบ้าง
“มีพัสดุนะครับ ผมเซ็นต์รับวางอยู่บนโต้ะในป้อมยามคุณแตงกวาหยิบไปได้เลย” พี่รปภ.คนคุ้นเคยเอ่ยทัก
“ขอบคุณค่ะ.. เอ่อ เรื่องวันนั้นหนูขอบคุณน้าโชติมากเลยนะคะ งานบริษัทเครื่องมือทำมาหากินทั้งเป้เลยนะนั่นน่ะ เอามาใช้ตอนรอซักผ้าแล้วดันลืมไว้เฉยเลย”
“เป้ใบนั้นผมจำได้ครับเห็นคุณแตงกวาสะพายทุกวันเลยเก็บไว้ให้” รปภ.หนุ่มใหญ่ยิ้มหวาน
“เดี๋ยวผมรอโบกรถให้นายกล่องพัสดุนั่นคุณแตงกวาหยิบไปได้เลยนะครับ”
………………..
ตั้งแต่เรียนจบมีงานทำฉันก็ขออนุญาตน้าหนิงกับเฮียยงชัยย้ายออกมาเช่าคอนโดอยู่เองใกล้บริษัท บนตึกสูงหลายสิบชั้นมีคนอยู่อาศัยรวมกันเป็นร้อยแต่เพียงคนเดียวที่ฉันรู้จักคือน้าโชติ รปภ.กะกลางคืนล่วงถึงตอนเช้า ทั้งเป้ใส่คอมพ์ที่ดันมาลืมไว้ในห้องซักผ้าทั้งวันก่อนก็เพิ่งยืมตังค์น้าโชติจ่ายค่าแท็กซี่เพราะดันมีติดตัวแต่แบงค์พัน ช่วงหลังๆแกบ่นเรื่องลูกชายไปวิวาทแทงเค้าเกือบตายต้องหาเงินหาทางช่วยวิ่งคดีฉันก็ทำได้ดีที่สุดแค่เป็นเพื่อนรับฟังลำพังยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอด
เดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมขนาดย่อมเปิดไฟสว่างจ้าเรียงรายไปด้วยจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด บัตรต่างๆและพวงกุญแจ มองภาพภายในตึกชั้นต่างๆสลับสับเปลี่ยนมองซ้ายขวานึกแปลกใจที่ในห้องนี้กลับไม่มีกล้อง กลิ่นหอมแปลกๆกรุ่นในโพรงจมูก ขนแขนขนคอลุกตั้งชันเสียวหลังวาบพยามตั้งสติหลับตาสูดหายใจลึก แรงขับดันรูปร่างแปลกๆกำลังก่อตัวและฉันไม่อาจฝืนต้านทานได้
น้าโชติน่าจะรู้ว่ามันเป็นของฉัน กางเกงในลูกไม้สีดำตัวโปรดราคาเกือบสองพันบาท 
………………..
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน