บทนำ
//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=238958.0ดาบอ๋อ .. ทั้งที่โดนไล่ออกจากราชการกว่าสามปีแล้วแต่ผู้คนในละแวกนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าหือกล้าอือ เค้ารู้กันทั้งนั้นว่ามันยังพกปืนติดเอวเดินไปไหนมาไหน ยิ่งตอนเมายิ่งกร่างยิ่งไม่มีใครอยากเข้าใกล้
“เมาแต่หัววันเลย ไอ้เชี่ย..” เจ้าของร้านชายเดินบ่นพึมพำหนีเข้าหลังร้านทันทีที่เห็นคู่อริไม้เบื่อไม้เมามาหาเรื่อง เมียสาวส่ายหน้าสูดหายใจฝืนยิ้ม
“ทานอะไรดีจ้ะพี่..” เธอเอ่ยทัก
“ไม่ทานอะไรหรอกจ้ะพี่มาหาผัวเธอน่ะ” ดาบอ๋อยืนเซโยกเยกกลิ่นละมุดคลุ้ง
“โอ้ย .. จะตรวจอะไรกันนักกันหนา!! เมื่อวานก็ตรวจวันนี้ก็ตรวจ ตรวจกันจนไอ้เดียวมันไม่เป็นอันทำมาหากินแล้วเนี่ย ตามผับตามบาร์ทำไมดาบไม่ไปตรวจเค้าบ้างละฮึ!!” หญิงวัยกลางคนเดินถือกาละมังเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน
“ยาเสพติดมันเป็นภัยร้ายแรงขนาดไหนทุกคนก็รู้ ชั้นเนี่ย อุตส่าห์เอาเวลาส่วนตัวมาเดินตรวจตราดูแลป้องกันลูกหลานเราเสียสละนะจะบอกให้” ดาบอ๋อเถียงลิ้นคับปาก
“เออ เสียสละมาาากก .. แต่ไอ้เดียวมันเลิกข้องเกี่ยวแล้วแล้วน้ารับรองได้ ดาบเมาแล้วก็กลับบ้านไปนอนเถอะ”
“เคยเสพเดี๋ยวก็ต้องค้าตามวัฏจักร ห้ามไม่ได้หรอก”
“โอ้ย!! น้าสาบานเอาหัวเป็นประกันเลย มันเลิกแล้วจริงๆ นะพ่อ นะ เมาแล้วก็กลับเถอะ”
“ราดหน้าถุงนึงจ้ะ..” ดาบอ๋อหันไปยิ้มหวานตาเชื่อมให้เมียสาวของเดียวจนเธอรู้สึกอึดอัดทำหน้าบอกบุญไม่รับ “นี่จ้ะ..” เธอส่งถุงราดหน้าให้ แทนที่จะส่งเงินดาบอ๋อกลับยื่นถุงพลาสติกเล็กๆให้แทน
“อะ .. อะไร”
“ผัวไม่ยอมให้ตรวจงั้นตรวจเยี่ยวเมียแม่งเลยก็แล้วกัน” ดาบอ๋อยิ้มตาปรือ “จะได้รู้กันไปว่าฉี่ม่วงทั้งคู่”
“ไอ้เหี้ย.. ไอ้ชิ้บหาย!! แดกเยี่ยวกูด้วยมั้ย ไอ่สัส!!” หญิงวัยกลางคนเงื้อกาละมังจะฟาดด้วยความโมโห
“อย่านะน้าจง!! นี่น้ากำลังดูหมิ่นเจ้าพนักงานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่อยู่นะรู้ตัวมั้ย” ดาบอ๋อชี้หน้าอีกมือคลำที่เอวขู่ ลูกค้าในร้านวางเงินบนโต้ะทะยอยกันเดินกลับ เมียสาวเจ้าเดียวก้มลงเก็บถุงพลาสติกที่พื้น
“เดี๋ยว จะไปไหน มึงเยี่ยวตรงนี่แหละ”
“ประสาทแดกเหรอมันจะเกินไปแล้วนะ”
“แม่.. อย่า พอแล้ว!!” เธอเดินกลับเข้าไปนั่งหลบลงหลังเคาน์เตอร์
“อื้ออหือออ.. ว้าาวว สีเหลืองสวยเลย” ดาบอ๋อยกถุงพลาสติกบรรจุน้ำสีเหลืองจางใสขึ้นส่องกับแสงอาทิตย์ยามเย็น “ขอเอาไปที่บ้านละกันนะพอดีวันนี้ไม่ได้พกชุดตรวจมาด้วย” ดาบอ๋อยิ้มหวานเย้ยจนเมียสาวเจ้าเดียวเดินงุดๆหลบเข้าหลังร้าน
“ไอ่..เหี้ย!!” เสียงคำรามลั่นข้าวของดังโครมครามจากหลังร้านแสดงออกถึงความเจ็บปวดใจอย่างที่สุดของเจ้าเดียว “เอ็งกลับไปเถอะน้าขอร้อง เรื่องยงเรื่องยาเดียวมันไม่ยุ่งแล้วน้าสาบานได้” หญิงวัยกลางคนยกมือไหว้ขอร้องทั้งน้ำตา สุดท้ายก็ยอมเดินถือถุงราดหน้าจากไป
“คนนั้นเค้าเป็นตำรวจเหรอฮะ” ครองภพถาม
“อ้าว.. นึกว่าลูกค้าหนีหมดแล้วยังอยู่อีกคนเหรอนี่” นางเก็บจานต่อ “มันโดนเค้าไล่ออกตั้งนานแล้วลูกเมียก็หนีหมด วันๆเดินหาเรื่องข่มขู่เค้าไปทั่ว”
“แล้วไม่บอกตำรวจ”
“มันก็พวกกันทั้งนั้น ถึงจะโดนไล่ออกแต่ก็ยังอาศัยหาข่าวหาอะไรพัวพันกันไปนั่นแหละ แถวนี้พวกยามันก็เยอะจริงๆมันก็จับมั่งไถมั่งอะไรไปเรื่อยพวกเด็กวัยรุ่นแถวนี้เคยโดนกันทั้งนั้นคนไหนหน้าตาดีหน่อยมันก็ลวนลาม นี่ป้าก็ห่วงลูกสะใภ้อยู่” หญิงวัยกลางคนถอนหายใจ
“ก็ยอมรับว่าลูกชายป้าเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ว่ามันก็ชดใช้แล้วติดคุกติดตารางไปแล้วตั้งอกตั้งใจตั้งต้นชีวิตใหม่ชวนกันทำร้านราดหน้านี่ก็ยังมาตามมารังควานอีก”
“ไอ้หนูเอ็งแปลกหน้าแปลกตาก็ต้องระวังบ้างนะลูก คนบ้ามันมีปืนจะโป้งป้างขึ้นมาเมื่อไหร่ใครจะไปรู้ แถวนี้ทางมันเปลี่ยว”
………………..
งานวิทยาศาสตร์ทางจิตถูกจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้งเพื่อระลึกถึง ศ.ดร จงธรรม ผู้วางรากฐานการศึกษาด้านชีววิทยาของประเทศไทยต่อเนื่องเป็นครั้งที่26 จุดโฟกัสของงานในปีนี้อยู่ที่ชายหนุ่มร่างผอมเกร็งตัดผมทรงสกินเฮดใส่สูทสีเข้มนั่งบนเก้าอี้ เขาถูกพันธนาการด้วยสายรับสัญญาณระโยงระยางเชื่อมต่อระหว่างจุดต่างๆบนร่างกายกับอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นสมองและคลื่นหัวใจหน้าตาทันสมัยที่วางอยู่ตรงกลางห้อง
ผู้ดำเนินรายการกล่าวให้ทุกคนในห้องเงียบเสียงสงบจิตใจ เจ้าหนุ่มสกินเฮดหลับตาทำสมาธิ ไม่มีการจุดธุปเทียนอะไรทั้งนั้น เสียงซุบซิบบอกต่อกันในทำนองว่า มาแล้ว! เข้าแล้ว! เจ้าหน้าที่จัดงานรุดเข้าประจำที่จดค่าต่างๆที่แสดงผลตามมาตรวัดเพื่อเทียบเคียงกับค่าต่างๆที่ศ.ดร จงธรรมจดบันทึกไว้ก่อนถึงแก่อนิจกรรม คลื่นสมองมีลักษณะเฉพาะตัวสามารถแยกแยะบุคคลได้คล้ายรอยนิ้วมือ ของใครของมัน
ผู้ร่วมเข้าสัมนาเริ่มถามคำถามพื้นๆเช่น ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร ผีมีจริงไหม นรก สวรรค์เรื่อยไปจนถึงปรากฏการณ์ฮิกส์โบซอน ทฤษฎีบิ๊กแบง
“เอ่อ .. สวัสดีครับ คุณนักบัญชีใช่มั้ย” ชายหนุ่มสวมแว่นสายตาผมเผ้ายุ่งเหยิงรุ่นราวคราวเดียวกัน “เห็นกำลังฟังเพลินผมก็เลยยังไม่เข้ามาทัก เราเดินออกไปคุยกันนอกห้องดีกว่า..”
“คุณ .. เอ่อ”
“คนเคลียร์ .. มีชื่อเรียกที่ดีกว่านี้มั้ยล่ะ ฝ่ายองค์ประกอบศิลป์”
“เตือนไว้ก่อนว่านักบัญชีคนก่อนหน้าคุณถูกจ่อยิงกลางหน้าผาก นั่นเพราะเค้าดึงดันและไม่ฟังคำตักเตือนจากผม” เขายิ้มขยับแว่นสายตาพลางรับแผ่นกระดาษจากครองภพมาคลี่เปิดดู “ไนฟ์ซ ทีห้า คาไบน์สองคมมีดสั้นเดินป่า โอเคผมหาให้ได้” หนุ่มแว่นคิ้วขมวด “แต่นี่คุณกะจะให้วีไอพีเอามีดเดินป่าเดินไปเสียบพุงดุ่ยๆเลยเนี่ยนะ ไหนว่าไอ้เจ้านี่มันพกปืนติดตัวตลอดเวลาไง ไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ”
“แถวนั้นมันเป็นย่านตลาดอาจมีพวกคนงานนอนพักเตรียมเปิดร้านตอนเช้า ใช้ปืนคงไม่สะดวก คงหาทางมอมเหล้าอะไรก่อนแล้ววีไอพีค่อยเข้าไปเก็บงาน” ครองภพเปรย
"นางนกต่อ.."
"ได้ เดี๋ยวหาแจ่มๆให้เลย"
“โอเค ยังไงผมจะเคลียร์ท้องที่กับพวกมูลนิธิไว้ก่อนหาคนดักทางเข้าออกไว้สักสองสามคน ระหว่างที่การประมูลยังไม่สะเด็ดน้ำใบอนุญาตให้ฆ่ายังไม่ออกคุณก็คิดวางแผนเด็ดๆอะไรไปก่อนละกัน งานเดบิวต์ทั้งทีเปิดตัวให้มันมีลวดลายน่าสนใจหน่อยจะได้ซื้อง่ายขายคล่อง” หนุ่มแว่นยิ้ม “ลองหาหนังเรื่องเสียบสยองมาดู ผมว่าคุณน่าจะเอาบางฉากจากเรื่องนี้มาใช้ประโยชน์ในงานนี้ได้”
เสียงเปิดประตูห้องสัมนา เจ้าหนุ่มสกินเฮดเดินนำหน้ามีการ์ดตามหลังคล้ายพวกเจ้าพ่อในหนัง
“ฆ่าคนตายตั้งแต่อายุเก้าขวบ อายุสิบสามเปิดบ่อนในบ้านตัวเอง อายุสิบเจ็ดโดนจับเข้าคุกอีกครั้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและอาวุธสงคราม ไม่เข้าใจนะคนว่าระดับศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิการศึกษาสูงทั้งหลายจะมาเสียเวลาสนใจไอ้ขี้คุกนี่ทำไม”
“แล้วเรื่องคลื่นสมองคลื่นหัวใจที่แสดงผลตรงกันกับของดร.จงธรรมล่ะ ไม่น่าสนใจเหรอ” ครองภพถาม
“ปาหี่ทั้งนั้น ไอ้พวกเหี้ย.. ผมได้ข่าวว่าเสี่ยอำพลชอบสนับสนุนเลี้ยงดูคนดีมีฝีมือ ก็หวังว่าคุณคงจะไม่ปาหี่เหมือนไอ้พวกเหี้ยนี่นะ”
………………..
หากกล่าวว่าพระหัตถ์ของพระองค์สร้างสรรค์ทุกสิ่ง คำถามก็คือ ความอิจฉาริษยารังเกียจเดียดฉันท์อาฆาตพยาบาทโกหกหลอกลวง สถาปัตยกรรมแห่งความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวงก็ล้วนแล้วมาจากน้ำมือของท่านด้วยหรือไม่
ถ้าคำตอบคือไม่ แล้วสิ่งปฏิกูลโสมมน่ารังเกียจขยะแขยงเหล่านั้นใครเป็นผู้สร้าง ความโกรธขึ้งมุ่งหมายทำลายล้างใครเป็นผู้ให้กำเนิด หรือแท้จริงแล้วยังมีสิ่งอื่นอีกมากมายเหลือคณานับที่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป วนเวียนว่ายในวัฏสงสารนอกเหนือจากพระประสงค์
จงธรรม ลภานุกูล / นิตยสารจิตโลกและวิญญาณ นครนิวยอร์ค 1973
………………..