สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก two-hitchhikers.ru อ่านเต็มได้ที่ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
หนึ่งวันเต็มๆ ที่ผมไม่ได้ติดต่อแทน เพราะเมื่อวานก็ยุ่งทั้งวันหลังกลับจากงาน แถมการไปคุยกับน้าไพลินน้องพลอยก็เป็นอะไรที่ไม่ได้ทำให้ผมสมองโล่งเลย แต่ละเรื่องก็หนักๆทั้งนั้น
นอกจากนี้ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเวลาผู้หญิงหงุดหงิดนี่อารมณ์จะมาเต็มแค่ไหน การเข้าไปเสนอหน้าในเวลาแบบนั้น คงไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก ทำให้ผมตั้งใจว่าวันนี้ ผมจะพยายามติดต่อแทนเพื่อง้อเธอให้ได้ และหวังว่า เธอจะใจเย็นลงแล้ว
ผมใช้เวลาในระหว่างที่อาจารย์กำลังบรรยายในคาบในการนั่งไถอินสตาแกรมของแทน โดยให้ไอ้อ้นรับหน้าที่จดเลคเชอร์ แล้วผมค่อยลอกมันอีกที ปกติแล้ว แทนจะลงรูปหรือไม่ก็สตอรี่ทุกวัน แต่เธอเงียบหายไปตั้งแต่ตอนที่เข้าใจผมผิดตอนนั้น ซึ่งจะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี เพราะอย่างน้อยผมก็ใจชื้นขึ้นนิดนึงแหละ ที่ไม่มีรูปเธอที่ทะเล แสดงว่า เธอยังไม่ได้ไปถ่ายรูปกับไอ้ต้นที่บางแสนอะไรนั่น
ผมตัดสินใจส่งไลน์ไปหาเธอ
ต่อ : แทน
ต่อ : หายโกรธยัง
ต่อ : ตอบเราหน่อยนะ
ต่อ : เราคิดถึงแทน อยากอธิบาย ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย
ผมส่งข้อความไปเป็นชุด แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆกลับมา ไม่แม้กระทั่งเปิดอ่าน ตอนนั้นผมคิดว่า เธอคงยังโกรธผมอยู่ แต่โชคดีที่ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีข้อความจากไลน์ของแทนเด้งมา
แทน : ว่า?
ต่อ : แทน มาเรียนมั้ยวันนี้
แทน : เรียน
ต่อ : เราเจอกันหน่อยได้มั้ย เราอยากอธิบาย
แทน : ...
ต่อ : นะๆ สัญญาว่า ถ้าอธิบายแล้วแทนยังโกรธอยู่ เราจะไม่ว่าอะไรเลย
ต่อ : นะๆ เดี๋ยวเราเลี้ยงชาบู เดี๋ยวเราคีบหมูให้เยอะๆเลย
แทน : ไอ้บ้า
แทน : งั้นวันนี้เจอที่ห้างเดิม ทุ่มนึง
ต่อ : โอเคจ้า
ผมแทบจะร้องตะโกนออกมาด้วยความลิงโลด เพราะดูเหมือนว่าเธอจะลดดีกรีความโมโหลงแล้ว ผมตั้งใจว่า วันนี้ผมจะเคลียร์ความสัมพันธ์ระหว่างเราให้ชัดเจน และหวังว่าอะไรๆจะเป็นไปตามที่ผมคิด
“ยิ้มอะไรมึง ให้กูเลคเชอร์อยู่คนเดียวแล้วมึงก็มานั่งยิ้มปัญญาอ่อนเนี่ยนะ” ไอ้อ้นบ่นผมตอนที่เห็นผมนั่งยิ้มแป้นอย่างมีความสุขหลังจากคุยกับแทน
“เออ กูมีความสุข กูก็ต้องแสดงออกสิ กูไม่ได้เป็นคนอมทุกข์แบบมึง” ผมตอบมันกลับไปอย่างอารมณ์ดี เอาเถอะ วันนี้ไอ้อ้นจะกวนผม ปั่นประสาทผมยังไงก็ได้หมดแหละ ผมอารมณ์ดี รับได้หมด
ยังไม่ทันที่ผมกับไอ้อ้นจะได้ต่อปากต่อคำกันต่อ ร่างบางในชุดนักศึกษากระโปรงพีทก็เดินมาที่โต๊ะเรา
“เอ่อ อ้น จอยจดไม่ทัน เอ่อ.. ถ้าเสร็จแล้วขอยืมไปก้อปปี้หน่อยได้มั้ย” จอยพูด
จอย เรียนคณะเดียวกับเรา แต่คนละเอก จริงๆผมสังเกตุมาสักพักแล้วแหละ ว่าภายในกรอบแว่นหนาของเธอนั้น มีอะไรแปลกๆ แต่หลังจากที่ผมเริ่มรู้ว่ามีความสามารถพิเศษ ผมก็พยายามสังเกตุเธออย่างจริงจังมากขึ้น เพราะที่บ้านเสี่ยอั๋น ในตอนที่ผมกำลังไปช่วยอีฟ ผมจำได้ว่า ผมสามารถรับรู้ได้ว่า อีฟอยู่ห้องไหน และอิงอยู่ห้องไหน ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนที่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้แบบที่อีฟเป็น และหลังจากนั้นผมพยายามที่จะรับรู้ความรู้สึกอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่เป็นชิ้นเป็นอัน เรื่องนี้อาจจะเป็นไปได้ว่า ผมยังฝึกได้ไม่มากพอจนควบคุมสมองตัวเองได้ไม่ดี
แต่ครั้งนี้ พอเป็นจอย ผมกลับสัมผัสความรู้สึกได้แบบบางเบา ไม่รู้ว่าอาจจะเป็นเพราะท่าทาง สีหน้า อะไรพวกนี้หรือเปล่า แต่ผมรู้ว่าเธอมีความรู้สึกดีๆให้ไอ้อ้น ครับ ไอ้เหี้ยอ้นนี่แหละ
“อ๋อได้สิ ถ้าเป็นสาวๆร้องขอ พี่อ้นจัดให้ได้อยู่แล้ว” อ้นเงยหน้าบอกจอย เธอยิ้มรับและบอกขอบคุณเบาๆก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่ตัวเอง
“มึง.. จอยเหมือนจะชอบมึงเลยว่ะ” ผมกระซิบไอ้อ้นในตอนที่จอยเดินกลับไปนั่งแล้ว
“กูไม่แปลกใจหรอก ที่จะมีคนชอบกูเยอะ แต่กูบอกมึงแล้ว ม้ามัสแตงอย่างกู มันต้องวิ่งในทุ่งกว้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในคอกโว้ย” ไอ้อ้นกอดอกเอนหลังมาพิงเก้าอี้ ผมสัมผัสได้เล็กๆว่ามันเขิน
“มึงเขินแน่ๆ กูดูออก” ผมหรี่ตามองหน้ามัน
“เห้ย เขินเหี้ยอะไร อย่างกูมันผู้ชายลัลล้า รู้จักปะ” อ้นโวยวายพลางหลบสายตาผม ชัดเลย มันเขินแน่ๆ
จริงๆแล้วจอยนี่น่ารักนะครับ แม้ว่าเธอจะใส่แว่นขอบหนาซึ่งบอกตามตรงว่า ใส่แล้วกลายเป็นลุคป้าทันที แต่โครงหน้า ความน่ารัก รูปร่าง บอกตรงๆว่าถ้าจับเธอมาเปลี่ยนลุคสักหน่อย คะแนนดัชนีความน่ารักที่ไอ้อ้นมักจะให้คนโน้นคนนี้นั้นพุ่งปรี๊ดแน่ๆ
“มึง แต่กูว่าจอยน่ารักนะ มึงลองคิดดูนะ สาวแว่นสุดยอด เด็กเรียนภายนอก แต่ภายในเปรี้ยวจี๊ด แบบในการ์ตูนโดจินมึงไง” ผมยังคงบิ้วมันต่อ
“มึงว่าจอยน่ารักเหรอวะ” อ้นมันเหล่ไปมองจอยที่นั่งข้างหน้าพวกเรา 3-4 แถว
“เออสิวะ มึงจีบเลย เชื่อกู ปีสุดท้ายแล้วนะมึง มึงจะซิงจนจบมหาลัยเลยเหรอ” ผมแซวมัน
“เห้ย ใครบอกว่ากูซิง อย่างกูอ่ะ ถ้าอยากมีแฟนเมื่อไหร่ก็ได้โว้ย” ปากมันโวยวายเถียง แต่สายตามันเริ่มมองที่จอยใหญ่เลย หึหึ
“เออกูรู้ ก็ตอนนี้ไง ที่มึงควรมีแฟนได้แล้ว” ผมยังคงปั่นมันต่อ
“เออๆ ถ้าจอยมันมาจีบกู กูจะลองๆคุยดูก่อนก็ได้” อ้นยังคงไว้เชิง แต่ผมดูมันออกละ มันคงเริ่มสนใจจอยจริงๆจังๆละ แต่ความปากแข็ง ทำให้มันยังคงปฏิเสธ ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่า มันจะลองคุยกับจอยดู เผื่อพัฒนาความสัมพันธ์กัน นี่ผมไม่ได้ใช้พลังโน้มน้าวจิตใจทั้งคู่นะ เอ๊ะ หรือใช้วะ?
..............
หลังเลิกเรียน ผมเลือกที่จะไม่กินข้าวเที่ยงที่มหาลัย แม้ว่าไอ้อ้นมันจะพยายามลากให้ผมอยู่ต่อก็ตามที ประเด็นคือ มันอยากนั่งที่โรงอาหารลากให้ถึงบ่ายโมง เพราะทุกวันพุธ สาวๆคณะบริหารจะลงมากินข้าวกันตอนบ่ายโมงเยอะที่สุด คงเป็นเรื่องของตารางเรียน ซึ่งอันที่จริง ผมก็ทึ่งในความสอดรู้สอดเห็นของไอ้อ้นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ที่ผมตัดสินใจไม่กินข้าวเที่ยง เพราะสตีฟกับอีฟนัดคุยกับผมวันนี้ เราอยู่ในรถตู้ที่กำลังขับไปที่ไหนสักที่ที่สตีฟไม่ได้บอกไว้ เราสามคนนั่งอยู่หลังรถ มีคนขับที่ดูจะไม่สนใจอะไรคอยเป็นสารถี
“เมื่อวานผมยุ่งๆ เลยไม่ได้มาสรุปผล วันนี้จะพาคุณไปทำธุระ เลยขอสรุปผลไปด้วยเลย” สตีฟพูดพลางเปิดดูเอกสารที่อยู่ในมือ
“เอ่อ.. ทำธุระอะไรที่ไหนครับ” ผมถามสตีฟไปอย่างไม่แน่ใจ บอกตรงๆว่าตั้งแต่ได้ยินที่น้าไพลินพูดเมื่อวาน ผมก็ไม่ไว้ใจสตีฟแล้ว แต่ยังคงต้องทำทุกอย่างให้เป็นปกติ อย่างน้อย การถอนตัวออกมาทันทีในตอนนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายมีข้อมูลส่วนตัวของผมครบ มันคงไม่ใช่เรื่องฉลาดเท่าไหร่นัก
“อันนั้นเดี๋ยวคุณก็รู้เอง เอาเอกสารนี่ไปก่อน” สตีฟว่าพลางหยิบเอกสารส่งให้ผม แล้วก็หันไปส่งให้อีกอีกชุด
อีฟตอนนี้นั่งไขว่ห้างข้างๆผมในชุดนักศึกษา กระโปรงทรงเอสั้นๆมันทำให้ขอบกระโปรงมันร่นขึ้นไปจนผมแทบจะละสายตาไปไม่ได้ ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่า อยากได้อ่ะ เซ็กซี่โว้ยยยยยยยยยย
“ไอ้คนลามก” อยู่ดีๆอีฟก็หน้าบูดและพูดลอยๆขึ้นมา เล่นเอาสตีฟถึงกับงง
“หือ ว่าไงนะ” สตีฟเงยหน้าหันมาถามอีฟ
“อ๋อ เปล่าค่ะสตีฟ คุยต่อเลยๆ” อีฟพยักพะเยิดให้สตีฟคุยงานต่อ แต่.. ผมชักจะสนุกหวะ หุหุ อ่านความคิดคนอื่นเก่งนักใช่มั้ย ได้!! ผมรู้วิธีแกล้งยัยอีฟแล้ว..
...
ผมยืนอยู่ข้างหลังอีฟ มือซ้ายผมขยุ้มผมยาวสลวยของเธอ พลางดึงมาข้างหลังเล็กน้อยเพื่อให้เธอเงยหน้า สองมือของเธอถูกจับมัดไพร่หลัง อีฟอยู่ในชุดนักศึกษาแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ กระโปรงทรงเอสั้นของเธอกำลังถูกมือขวาของผมรุกรานตั้งแต่ชายกระโปรง ผมรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มของขาขาวของเธอ ผมค่อยๆเลื่อนมือเข้ามาในชายกระโปรง แต่ด้วยความที่เป็นกระโปรงทรงเอ มันทำให้การจะสอดมือเข้าไปในกระโปรงฟิ๊ตๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก แต่ไม่เป็นไร เพราะมีบางอย่างที่น่าสนใจกว่า
มือขวาผมละจากชายกระโปรงทรงเอสุดเซ็กซี่ของเธอ เปลี่ยนมาเป็นดึงชายเสื้อนักศึกษาออกจากเข็มขัด และค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้เสื้อนั้น ค่อยๆสัมผัสหน้าท้องแบนราบเนียนนุ่มของเธอ และเพิ่มความสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับปากผมที่คอยงับซอกคอขาวของอีฟ บ้างก็ใช้เลียโลมไล้ตั้งแต่คอ คางสวยได้รูป ไปจนถึงติ่งหู
แล้วมือขวาของผมก็ถึงที่หมาย แม้จะดูภายนอกอีฟจะไม่ได้หน้าอกใหญ่โดดเด่นอะไร แต่ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิด เพราะทันทีที่มือผมสัมผัสกับยกทรงภายในเสื้อนั้น ผมรู้ได้ทันทีว่า หน้าอกเธอใหญ่กว่าแทนและอิงซะอีก
ภาพตัดมาเป็นอีฟที่กำลังนั่งคุกเข่า ประคองสองเต้าขาวรูดแก่นกายแข็งของผมพร้อมๆกับริมฝีปากสวยของเธอที่ทั้งอมและดูดปลายแก่นกายนี้ อา... ผมปล่อยอีฟไว้ตั้งนานขนาดนี้ได้ไงเนี่ย ของดีชัดๆ
แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ เสียงอีฟก็ดังขึ้น!!
...
“ไอ้บ้า ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้คนลามก หยุดแกล้งอีฟเดี๋ยวนี้เลยนะ” อีฟโวยวายหน้าแดงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าแผนแกล้งอีฟของผมได้ผล ผมจินตนาการฉากสยิวระหว่างผมกับอีฟ เพราะรู้ว่าเธอจะเข้าใจสิ่งที่ผมคิด และแน่นอน ปฏิกิริยาโวยวายที่ออกมา ทำให้ผมรู้ว่า เธอเข้าใจความคิดผมได้เป็นอย่างดี
“ฮ่าๆๆๆๆ แกล้งอะไร ป๊าววววว” ผมหัวเราะเสียงสูงในขณะที่อีฟหยิบหมอนอิงเล็กๆบนรถขว้างมาใส่ผม
“พอๆๆ มาๆเริ่มกันได้สักที” ดูเหมือนว่าสตีฟจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เขาตัดบทพร้อมกับเริ่มต้นพูด
“สรุปผลงานเราเมื่อวาน อีฟทำได้ดีมาก แม้อะไรๆจะผิดแผนไปหน่อย แต่เป้าหมายของการได้มาซึ่งลายเซ็นของเสี่ยอั๋นก็สำเร็จได้ด้วยดี” สตีฟเริ่มต้นพูด ในขณะที่อีฟยังคงมองผมตาเขียว
“ส่วนต่อ คุณทำงานได้ดี แต่ยังมีข้อผิดพลาด อย่าลืมว่าเราทำงานกันเป็นทีม การที่คุณละทิ้งหน้าที่ไป มันเกือบจะทำให้เพื่อนร่วมทีมทำงานไม่ได้ แผนเกือบจะพัง” สตีฟหันมาบอกผม อ่า คงหมายถึงตอนที่ผมไปขี่กวาง(เดียร์)ที่ห้องน้ำสินะ
“คนลามกก็แบบนี้แหละค่ะสตีฟ” อีฟเบ้ปากบ่นผม ผมไม่ตอบโต้อะไร แต่คิดในใจไปดังๆ เพราะรู้ว่าเธอจะได้ยินว่า ‘โดนว่าลามกบ่อยๆ เดี๋ยวจะเปลี่ยนจากขี่เดียร์เป็นขี่อีฟแล้ว’
และแน่นอน ผมรู้ว่าเธอเข้าใจสิ่งที่ผมคิด เพราะเธอพยายามหาอะไรใกล้มือเพื่อขว้างใส่ผม แต่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ก็เลยได้แต่นั่งหน้ามุ่ยฟึดฟัดไป
“ภาพรวมของงานคือ ทุกคนทำได้ดี งานนี้เป็นก้าวแรกของเรา องค์กรเราจะเริ่มต้นแผนต่อไปทันที” สตีฟอธิบาย
“เอ่อ... สตีฟ ผมมีคำถาม ทำไมเราต้องใช้วิธีนี้เอาโฉนดที่ดินของเสี่ยอั๋นด้วย แล้วเราจะเอาที่ดินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ” ผมหันไปถามสตีฟด้วยความสงสัย
“คุณยังไม่ได้อยู่ในระดับที่จะรู้ได้ แต่ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นผลดีกับเรา” สตีฟยังคงไม่บอกเหตุผลมา
“แต่สิ่งที่เราทำวันนี้ มันเหมือนเป็นการขโมยเลยนะ ไหนจะเรื่องมีคนตายอีก..” ผมแย้งไป และแม้ว่าจะอยากรู้ แต่ผมก็ไม่กล้าถามสตีฟว่า เกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น และคนนั้นตายได้ยังไง
“ผมเคยบอกแล้วไง เราพิเศษกว่าคนทั่วไป เราจะยอมให้คนธรรมดาๆ ที่มีสถานะต่ำกว่าเรามาคอยปกครองหรือกำหนดทิศทางของโลกเหรอ เรามีดีกว่านั้น เราอยู่เหนือกว่าคนพวกนั้น นี่จะเป็นก้าวแรกที่เราจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า เราอยู่เหนือพวกเขา” สิ่งที่สตีฟพูดมา ฟังๆดูมันน่ากลัวชะมัด
“เอ่อ.. คุณจะบอกได้มั้ย ว่าห้องนั้น.. เกิดอะไรขึ้น” ผมกลั้นใจถามสตีฟไป ผมอยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิง และผู้ชายคนนั้น
“ก็ไม่มีอะไรมากก แฟนใหม่อิงให้ลูกน้องอีกคนมามีอะไรกับอิง แต่อิงไม่ยอม ก็แค่นั้น” สตีฟบอกสิ่งที่ผมได้ยินแล้วตกใจ
“ห๊ะ จริงเหรอ แล้ว..” ผมไม่รู้จะถามอะไรต่อ แต่สตีฟก็ตอบกลับมาว่า
“ยังไม่ถึงขั้นนั้น ผมไปช่วยไว้ได้ก่อน” สตีฟบอกหน้าตาย คำว่าช่วยของเขา คือการพรากชีวิตอีกคนไปงั้นเหรอ
“แต่.. มันต้องถึงขั้นตายเลยเหรอ” ผมถามด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ จริงอยู่ว่า อาจจะเรียกได้ว่าคนนั้นกำลังจะข่มขืนอิง แต่มันก็ไม่น่าจะฆ่าแกงกันได้แบบง่ายดายขนาดนี้
“เวลาคุณเดินไปเหยียบมดตาย คุณรู้สึกอะไรมั้ย นั่นแหละ สำหรับเราแล้ว คนพวกนี้ก็แค่มดปลวด การตายของคนพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไรต่อพวกเราหรอก” เชี่ยยย สิ่งที่สตีฟพูดมา ทำเอาผมขนลุกไปเลย ใจจริงผมอยากจะถามต่อนะ ว่าสตีฟทำยังไง คนนั้นถึงตาย แต่พอละ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันมาคุเกินกว่าจะถามคำถามแบบนั้นแล้ว
“เอาล่ะ เรื่องภารกิจก็มีแค่นี้ ส่วนที่ๆเรากำลังจะไป คือโชว์รูมรถ ผมกำลังจะพาคุณไปรับรถ ต่อ นับตั้งแต่นี้ไป คุณควรจะใช้ชีวิตให้ดี ให้สมกับความเป็นมนุษย์พิเศษ สมาชิกองค์กรเรามีทั้งเศรษฐี คนดัง นักการเมือง พวกเขาคงจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่มีสมาชิกคนอื่นๆใช้ชีวิตแบบติดดิน” สตีฟว่าพลางหยิบกระเป๋าเล็กอีกใบส่งให้ผม
“ส่วนในนี้คือบัตรเครดิต ผมรู้ว่าของที่อีฟให้คุณวันนั้น คุณยังไม่ได้เปิดดู เพราะถ้าดู คุณต้องมาขอบัตรนี้กับผมแล้ว แต่ไม่เป็นไร บัตรเครดิตนี้วงเงินไม่จำกัด สมาชิกองค์กรเรามีพอจ่าย ขอแค่อย่าไปซื้อประเทศซักประเทศก็พอ รหัสการใช้งาน อยู่ในซองเอกสารนั่นทั้งหมดแล้ว”
สตีฟยื่นบัตรเครดิตสีดำยี่ห้อหนึ่งให้ผม ผมไม่เคยมีบัตรเครดิตมาก่อน ไม่รู้หรอกว่าแต่ละประเภทมันเป็นยังไง แต่มีเงินให้ใช้ฟรี ใครจะไม่เอาล่ะ ที่สำคัญ ผมต้องเออออไปกับสตีฟก่อน จนกว่าจะรู้ได้ว่าสิ่งที่สตีฟกำลังจะทำนั้นคืออะไรกันแน่
รถตู้ที่เรานั่ง พาเรามาที่โชว์รูม BMW สาขาหนึ่ง โดยปกติการซื้อรถ ก็จะต้องจอง ทำไฟแนนซ์ บลาๆ แต่สตีฟคงจัดการทุกอย่างให้แล้ว เราสามคนลงจากรถแล้วเดินไปที่พนักงานที่กำลังยืนรอต้อนรับเราอยู่
“ยินดีต้อนรับค่ะ รถลูกค้าพร้อมแล้ว เดี๋ยวมาดูรถแล้วตรวจรับกันเลยนะคะ” เซลล์สาวผายมือเดินนำเราไปที่จุดรับรถ และพอมาถึง BMW Z4 Roadster ตัวใหม่สีดำขลับสุดเท่จอดเปิดประทุนอยู่ อย่าว่าแต่รถราคา 4 ล้านคันนี้เลย ลำพังรถญี่ปุ่นธรรมดาผมก็คงไม่มีปัญญาซื้อ ดังนั้น นี่มันเกินฝันผมมาก ที่สำคัญคือ ผมขับรถยังไม่เป็นซะด้วยสิ
“ชอบมั้ย” สตีฟหันมาถามผม
“มากครับ นี่ให้ผมจริงๆเหรอ” ผมยังแทบไม่เชื่อตัวเอง ว่าจะมีโอกาสได้ขับรถแบบนี้
“แน่นอนสิ เดี๋ยววันนี้ให้อีฟขับพาคุณไปหัดขับรถก่อนนะ เรื่องใบขับขี่ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมฝากอีฟเอาไปให้ ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว” สตีฟบอก
BMW Z4 Roadster คันนี้มีสองที่นั่ง ล้อแม็กสีเทาเข้มขนาด 19 นิ้ว บ่งบอกถึงความเป็นรถสปอร์ตโรสเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองใหญ่ เรียกว่าเป็นรถหรูที่สุดเท่าที่ผมเคยนั่งมาเลยด้วยซ้ำ ผมไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามเพื่อนที่มหาลัยยังไง ที่อยู่ดีๆก็ขับรถหรูมาเรียน ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ว่าผมไม่ได้รวยอะไรนักมาตลอด
หลังจากดำเนินการเรื่องเอกสารเสร็จสิ้น ผมกับอีฟและสตีฟก็แยกกัน สตีฟบอกว่าจะติดต่อเราทั้งคู่มาใหม่ ในตอนนี้ให้ผมใช้ชีวิตไปตามปกติ โดยที่ให้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานใหม่ด้วย
อีฟรับหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาผมไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านถนนศรีนครินทร์ ที่นี่ถนนภายในหมู่บ้านจะกว้างขนาด 4 เลน และสามารถเข้ามาในหมู่บ้านได้เลยเพราะเป็นทางเชื่อมกับสวนหลวงร.9 ทำให้ไม่ต้องแลกบัตรอะไร จึงมักจะเห็นคนมาหัดขับรถที่นี่เสมอ
“อันนี้ เขาเรียกว่าคันเร่ง ฝั่งซ้ายคือเบรก เวลาเหยียบคันเร่งกับเบรก ให้ใช้เท้าข้างเดียวกัน อย่าใช้เท้าสองข้างเหยีบสองอัน มันมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้” เสียงอีฟอธิบายเจื้อยแจ้ว จริงๆผมรู้หมดแล้วแหละว่าอะไรเป็นอะไร แค่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ขับบนถนนจริงๆเท่านั้นเอง
“อ๋อเหรอ” ผมแกล้งทำเป็นเออๆออๆไป
“ส่วนอันนี้ พวงมาลัยรถ เอาไว้เลี้ยว หมุนซ้ายเลี้ยวซ้าย หมุนขวาเลี้ยวขวา” อีฟหันมาอธิบายเรื่องพวงมาลัยรถต่อ
“โห ว้าวววว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย” ผมทำเสียงตื่นเต้นตอบกลับไป
“อย่าเวอร์ให้มันมาก อันนี้เกียร์ คันนี้เกียร์ออโต้ P คือจอดรถ N เกียร์ว่าง D คือขับไปข้างหน้า R คือถอยหลัง” อีฟหันมาด่าผมก่อนจะอธิบายต่อ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่อีฟอธิบายแล้วล่ะ ผมดันสนใจแก้มใสๆที่มีปอยผมประที่แก้มของเธอ ดูน่ารักชะมัด
“นี่ ตั้งใจฟังหน่อย ไม่งั้นจะให้ขับกลับเองแล้วนะ” พออีฟรู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจฟังที่เธออธิบาย เธอก็หันมาบ่นผมทันที
“ก็แหมม ไอ้เรื่องที่อีฟอธิบาย เด็กประถมก็รู้ปะ มาๆ มาสอนพี่ขี่อีฟ เอ้ย! ขับอีฟ เอ้ย! ขับรถ เอ้ย! ถูกแล้ว! ออกถนนดีกว่า” ผมเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ไม่วายเล่นมุกควายๆ และก็แน่นอน มีหรือที่ผมจะรอดจากการโดนด่าซ้ำ
“ไอ้พี่บ้า ลามก!” เป็นไง แน่นอนมั้ยละ น้องอีฟของผม
เราใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ อีฟก็ทำให้ผมคุ้นเคยกับการกะระยะในการขับรถได้ เราขับรถวนกันภายในหมู่บ้านนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็สามารถขับรถออกถนนเพื่อกลับมาที่คอนโดได้อย่างสบาย แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใบขับขี่ก็เถอะ แต่ผมรู้ว่าคุณรู้ ที่นี่ประเทศไทย โดยเฉพาะรถหรูๆแบบนี้ คงไม่มีตำรวจคนไหนจะมาตรวจหรอก
“เดี๋ยวอีฟไปไหนต่อ” ผมหันไปถามอีฟที่นั่งโชว์ขาอ่อนขาวข้างๆในขณะที่ผมขับรถไปส่งเธอ ถ้าใครสักคนมองมาตอนนี้ คงเห็นภาพนักศึกษาหนุ่มขับรถสปอร์ตหรู ข้างๆมีนักศึกษาสาวลูกครึ่งโคตรน่ารักนั่งอยู่ ใครๆก็ต้องอิจฉาเป็นแน่ ขนาดผมยังอิจฉาตัวเองเลย
“ไม่ได้ไปไหนแล้ว ว่าจะกลับห้องไปซักผ้า ทำไมเหรอ” เธอหันมาถามผม
“พี่.. พี่ว่าจะง้อแทนอ่ะ” ผมบอกอีฟ สายตายังคงมองไปที่ถนนข้างหน้า
“ก็ดี แล้วแทนเขายอมเจอพี่แล้วเหรอ” อีฟถามผมกลับ
“เดี๋ยวเจอกันเย็นนี้อะ” ผมบอก
“ก็ขอให้ง้อได้ละกัน”
“แล้ว.. ถ้าพี่เอาอิงกลับมาด้วย มันจะดูโลภมากไปมะ” ผมถามความเห็นอีฟ
“มาก บ้ากามมาก แต่อีฟเคยบอกแล้วไง ถ้าต่างฝ่ายต่างรับได้ มันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรมั้ง” อีฟตอบผม แต่ก็ยังคงไม่วายจะด่าผมอยู่ดี
“มันไม่ดูเลวหรือเวอร์เกินไปเหรอ มันไม่แปลกเหรอ ผู้ชายคนเดียวจะมีแฟนได้หลายคน”
“ถ้าพี่เคยเห็นพลังของคนที่มีความสามารถพิเศษแบบที่อีฟเคยเห็น พี่จะมองว่าเรื่องพวกนี้ไม่แปลกแล้วแหละ กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย อีกอย่าง... คนที่มีแฟน 20 คน เอ้ย! หลายคน ก็มีตัวอย่างให้เห็นเยอะปะ เหมือนละครไทยเรื่องอะไรนะ มงกุฏดอกส้มไง” อีฟว่า พลางยกตัวอย่างละครไทยชื่อดังมา แต่แหม.. มันละครเก่าแล้วนะ
“นั่นมันมีเมีย 5 คน ว่าแต่ดูละครไทยด้วยเหรอเรา หน้าตาแบบนี้นึกว่าจะดูแต่ Netflix” ผมหันไปแซวเบาๆ
“มันก็มีบ้างย่ะ”
ผมส่งอีฟลงตรงที่จอดรถที่มหาลัยที่อีฟจอดรถของเธอไว้ แล้วก็ตรงดิ่งไปที่ห้าง ที่ผมนัดกับแทนไว้ ผมตั้งใจว่า วันนี้ผมจะไม่ใช้ความสามารถพิเศษในการง้อแทน ผมจะทำทุกอย่างด้วยความสามารถของผมเอง
............
ที่ร้านชาบูร้านโปรดของแทน แม้ว่าเราจะไม่เจอกันแค่หนึ่งวัน แต่มันเป็นหนึ่งวันเต็มๆที่ผมไม่รู้ว่าเธอจะโกรธผมแค่ไหน นั่นทำให้ผมยิ่งกระวนกระวายใจในตอนที่ไม่ได้เจอเธอ แต่พอได้เห็นเธอยิ้มอยู่หน้าหม้อชาบูที่เธอรักแล้ว ผมก็เริ่มจะโล่งใจแล้วแหละ
“ขี้โกงนะ มาง้อคนอื่นหน้าหม้อชาบูเนี่ย” แทนมองหน้าผมแล้วพูดยิ้มๆ ให้ตายสิ ผมว่าผมหลงรักรอยยิ้มของเธอเข้าจริงจังซะแล้วล่ะ ไม่แปลกที่จะมีคนเป็นแสนๆหลงรักรอยยิ้มนี้ในอินสตาแกรม
“ก็รู้ไงว่าแทนชอบ” ผมตอบเธอไปพลางเอาตะเกียบเขี่ยผักที่อยู่ในหม้อ
“แล้วตกลงอะไรยังไง คนนั้นคือใคร” แทนจ้องตาผมเขม็ง อันที่จริง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะบอกเธอว่ายังไง จะอธิบายว่าอีฟคือคนขององค์กรลับเหรอ โดนหาว่าบ้าแน่ๆ หรือจะอธิบายว่าเป็นน้องที่รู้จัก แต่ทำไมน้องที่รู้จักต้องไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสอง นี่แทนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ห้องติดกันที่คอนโด
“แทน..” ผมเรียกชื่อเธอ พลางพยายามเรียบเรียงคำพูด
“คะ..?”
“โอเค เอาจริงๆเลยนะ เราไม่รู้จะบอกยังไงให้แทนเชื่อ แต่สิ่งที่แทนกำลังจะได้ยิน คือเรื่องจริง เราสัญญาว่าเราจะไม่โกหกแทนเด็ดขาด” ผมเริ่มต้นพูดในขณะที่แทนยังคงนั่งเงียบมองหน้าผม และเมื่อเห็นแทนไม่ตอบอะไร ผมเลยพูดต่อ
“คนนั้นชื่ออีฟ รุ่นน้องที่มหาลัยเรานั่นแหละ เอ่อ.. อีฟเป็นคนขององค์กรลับ คือ อีฟต้องมาเป็นพาร์ทเนอร์เราในการทำภารกิจลับอ่ะ ไม่เคยสังเกตุเหรอว่าทำไมเราไม่เคยเห็นอีฟที่มหาลัยมาก่อน อยู่ดีๆอีฟก็โผล่มา นั่นเพราะอีฟแฝงตัวเข้ามาไง จริงๆเรื่องมันพัวพันไปมายุ่งเหยิงมาก ยังกับองค์กรอิลูมินาติเลย แต่.. อีฟเขาเป็นคนดีจริงๆ ตอนนี้หน้าที่ของอีฟคือต้องคอยประกบเรา คอยช่วยเหลือและเป็นพาร์ทเนอร์ในงาน อะไรประมาณนี้อ่ะ..”. ผมพูดออกไปแล้ว บ้าบอชะมัด ใครมันจะเชื่อวะ
แทนยังคงมองตาผมนิ่ง สีหน้าสวยของเธอบ่งบอกว่าเธอกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผมเริ่มมีความหวังว่าเธอจะเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด นี่ผมพูดความจริงไปหมดแล้วนะ ถึงจะยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากก็เถอะ
แทนนิ่งเงียบไปอีกอึดใจ ผมเริ่มดีใจว่าเธอไม่หาว่าผมบ้า อย่างน้อยเธอก็คงเชื่อผมบ้างแหละ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” แล้วอยู่ดีๆ แทนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้
“......” ผมไม่รู้จะพูดอะไร มันขำตรงไหนฟะ
“ฮ่าๆๆๆๆ นายรู้ป่ะว่า นี่เป็นมุกง้อหญิงที่ห่วยแตกที่สุดเท่าที่แทนเคยได้ยินมาเลย” แทนพูด กลับกลายเป็นว่า เธอหาว่าผมโกหกซะงั้นไป
“เอ่อ.. เรา พูดจริงนะ” เห้ออ ผมไม่รู้จะแก้ตัวยังไงจริงๆ
“เอาเถอะ.. ยังไงซะเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย แทนจะไปว่าอะไรได้ แต่.. มุกเห่ยๆแบบนี้น่ารักดีนะ” แทนพูดยิ้มๆพลางคีบหมูไปลวกในหม้อชาบูที่กำลังเดือด แถมหาว่าเหตุผลของผมมันเห่ยซะงั้นไป
“เอ่อ.. เป็นงั้นไป” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ อย่างน้อยผมก็โล่งใจแหละ ที่แทนไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น
“แทนขอโทษด้วยนะที่วันนั้นพูดประชด แทนโมโหไปหน่อยตอนนั้น” อยู่ดีๆแทนก็พูดขึ้นมา
“บ้าเหรอ จะขอโทษทำไม แทนไม่ได้ผิดอะไรซักหน่อย” จริงๆผมไม่ได้รู้สึกว่าแทนผิดอะไรเลยนะ ก็แหม ใครเห็นก็ต้องเข้าใจแบบที่แทนเข้าใจนั่นแหละ
“ผิดสิ ผิดที่แทนไม่ได้เป็นแฟนต่อซักหน่อย แทนจะไปมีสิทธิหึงหวงอะไรได้” แทนว่า ผมสังเกตุได้ถึงน้ำเสียงและความรู้สึกน้อยใจเล็กๆที่เกิดขึ้นของแทน
“แล้ว.. ถ้าเราอยากให้แทนเป็นล่ะ..?” ผมกลั้นใจถามแทนไปในขณะที่ลวกหมู
“ห๊ะ..?” แทนเงยหน้ามองผมตาโต คงไม่ทันจะนึกว่าผมจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“อื้อ ก็หมายถึงถ้าเราอยากให้แทนเป็นแฟนล่ะ..?” ผมถามย้ำไป จริงๆผมไม่ตั้งใจจะขอเธอเป็นแฟนตอนนี้หรอก แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แทนก็น่ารัก นิสัยดี เรียนเก่ง แค่นี้ก็ดีพอมากๆแล้ว
“เราคุยกันจริงจังไม่กี่วันเองนะ เราชอบกันมากพอแล้วเหรอ..” แทนถามผมยิ้มๆ โดยยังไม่ตอบคำถามที่ผมถามเธอ
แต่ผมไม่ตอบอะไร ผมเริ่มต้นคีบหมูที่ลวกสุกแล้วใส่จานให้เธอในขณะที่แทนมองผมแบบงงๆ เยอะขึ้น เยอะขึ้น จนในที่สุด หมูทั้งหมดก็ไปพูนอยู่บนจานเธอ แล้วผมก็เอ่ยปากกับเธอว่า
“ครั้งที่แล้วมีคนบอกว่า ชอบคนคีบหมูให้ เราคีบหมูให้หมดหม้อแล้ว ไม่รู้ว่าคนนั้นจะชอบเรามากขึ้นมั้ย แต่ถ้าไม่พอ เดี๋ยวเราสั่งมาเพิ่มอีกนะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปจะเรียกพนักงานเสิร์พมาสั่งหมูเพิ่ม
“ไอ้บ้าาา พอแล้ววว กินไม่หมดแล้ว เออๆๆก็ได้ๆๆ” ผมเห็นชัดเลยแหละ ว่าตอนนี้แทนหน้าแดง และผมก็เดาว่า เธอคงไม่ได้หน้าแดงเพราะความร้อนของหม้อชาบูแน่ๆ
...........
แทนไม่รอให้ผมพูดอะไรหลังจากที่เราเปิดประตูเข้าห้อง เธอผลักผมเข้าติดกับผนังกำแพงพร้อมกับประกบปากเข้าหา ลิ้นอุ่นนุ่มแหย่เข้ามาภายในปากผมราวกับต้องการรับรสทุกความรู้สึก และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมให้เธอทำอยู่ฝ่ายเดียว
สองมือผมลูบไล้ที่ก้นของเธอพร้อมบีบเค้นในบางจังหวะ วันนี้เธอใส่กระโปรงทรงเอยาว แต่แหวกข้างจนเลยหัวเข่า เป็นอะไรที่เซ็กซี่ไปอีกแบบ แต่กระโปรงแบบนี้ ก็เป็นอุปสรรคกับมือของผมเช่นกัน
“จ๊วบบบบ คิดถึงแทนมากเลย” ผมจูบแทนไปพูดไป
“อืออออ โกหก ถ้าคิดถึงทำไมไม่ง้อแทนตั้งแต่เมื่อวาน” แทนถอยใบหน้าสวยออกเล็กน้อย สองมือเธอยังคงกอดคอผม สองตาเราประสานกัน ผมรู้ว่า ยืนริมผนังแบบนี้ ไม่มีอะไรคืบหน้าแน่ๆ
“เมื่อวานติดงานอ่ะ แต่วันนี้พอว่างแล้วก็ไปหาแทนทันทีเลยเห็นมั้ย” ผมว่าแล้วก็ตัดสินใจอุ้มแทนพลางเดินไปที่เตียงนอน ก่อนจะวางเธอลงอย่างทะนุถนอม
เราสองคนยังคงมองตากัน ในแววตาที่ของเราทั้งคู่ ต่างคนต่างสัมผัสได้ถึงไฟราคะแห่งความปรารถนาที่อยู่ภายใต้ดวงตาคู่นั้น
“ใช่สิ เมื่อวานติดงานกับสาวเลยลืมแทนเลย..” แทนพูดประชดแบบไม่ได้จริงจังอะไรมาก
“ชอบประชดนักใช่มั้ย นี่แน่ะ” ผมไม่รอให้แทนประชดอีกต่อไป เพราะผมตัดสินใจฝังหน้าเข้าไปที่หน้าอกของเธอทั้งๆที่ยังใส่เสื้อนักศึกษาอยู่นั่นแหละ สองมือของผมก็ไม่รอช้าพลางปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาอย่างเร่งรีบ
“อิอิ อย่าสิ มันจั๊กกะจี้” แทนแอ่นอกและพยายามกลั้นขำอย่างจั๊กกะจี้ สองมือเธอกดหัวผมฝังเข้ากับหน้าอกสวยได้รูปของเธอ ที่ตอนนี้ไม่มีเสื้อนักศึกษาปิดบังแล้ว เพราะผมแกะกระดุมเสื้อเธอออกหมด เหลือเพียงบราฯที่อยู่ภายใน ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะถอดออกโดยไม่ต้องถอดเสื้อนักศึกษา
ผมโยนบราฯสีชมพูของแทนทิ้งอย่างไม่ใยดีในทันทีที่ผมถอดบราฯเธอออกได้ สองเต้าทรงสวยได้รูปขนาดกำลังพอดีของแทนปรากฏสู่สายตาผมอีกครั้ง ผมก้มลงไปดูดยอดถันอ่อนนุ่มที่กำลังเริ่มชูชันพร้อมขบกัดเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“ซี๊ดดดดดด...” แทนถึงกับครางขึ้นมาทันทีที่ผมบีบเค้นหน้าอกเธอข้างหนึ่งพร้อมๆกับดูดเลียหน้าอกเธออีกข้างหนึ่ง
ผมไม่ตอบอะไรเธอ เพราะไม่อยากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปนานกว่านี้ ผมเริ่มต้นลงไปปลดกระโปรงทรงเอยาวของเธอ ซึ่งต้องบอกว่า เป็นกระโปรงที่ถอดยากที่สุดแล้วสำหรับสาวๆ แต่ความหื่นของผมนั้นก็ชนะทุกอุปสรรค เพราะใช้เวลาไม่นาน ร่างขาวสูงของแทนก็เหลือเพียงเสื้อนักศึกษาโนบราฯที่ปลดกระดุมเม็ดและกางเกงในตัวจิ๋วที่ปกติปิดขนรำไรอ่อนๆ
แทนนอนตาปรือมองผมด้วยสายตาสุดเซ็กซี่ ผมตัดสินใจซุกหน้าลงไปที่หว่างขาของเธอทันที ซึ่งทำให้แทนถึงกับสะดุ้งสุดตัวพลางกดหัวผมเข้าหว่างขาของเธอและร้องครางอย่างห้ามไม่ได้
“อ๊าาาาาาาา “ เสียงแทนร้องครางจนแว๊บหนึ่งของความคิด ผมอดคิดไม่ได้ว่าอีฟจะได้ยินมั้ย แต่ช่างเถอะ ชอบกวนประสาทดีนัก
ลิ้นของผมชอนไชไปตามขาหนีบพร้อมกับแวะไปโลมเลียกลีบสวยของเธอ แม้ว่าเธอจะผ่านวันนี้มาทั้งวันและยังไม่ได้อาบน้ำ แต่ต้องบอกตามตรงว่า ผมกลับไม่พบกลิ่นไม่พึงประสงค์ใดๆเลย หนำซ้ำยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆซึ่งน่าจะมาจากกลิ่นผงซักฟอกที่ซักกางเกงในของเธอ
ขายาวสวยของเธอเกี่ยวรัดคอผมพร้อมๆกับสองมือเรียวสวยกดหัวผมเข้าแนบชิดเนินสวรรค์ ในขณะที่เธอหลับตาพริ้มแหงนหน้าร้องครางด้วยความกระสันต์ ลิ้นผมเพิ่มความเร็วในการทำงานจนเธอเริ่มจะกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
“ซี๊ดดดดด อ๊าาาา” แทนร้องลั่น ผมยอมรับจริงๆว่าเสียงครางของแทนมันเซ็กซี่มากๆ
“ตะ ต่อ... แทนไม่.. ไม่ไหวแล้วว ซี๊ดดด” แทนพยายามเงยหน้ามามองพร้อมกับบอกผม แต่ลิ้นของผมยังคงทำงานหนัก ผมโลมเลียทุกอย่างที่เธอมือ ขาอ่อน ขาหนีบ เนินสวรรค์ ไม่มีพื้นที่ใดในบริเวณเนินสามเหลี่ยมนั้นที่ไม่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของผมและน้ำรักของเธอ
แทนเริ่มดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมสัมผัสได้ว่า แทนกำลังใกล้จะถึงจุดสุดยอด สองมือผมก็ยิ่งกดเอวของเธอให้ตรึงอยู่กับที่ เพื่อลิ้นของผมจะยังคงทำหน้าที่ได้สะดวก
แล้วช่วงเวลาแห่งความสุขสุดขีดของแทนก็มาถึง ในจังหวะที่ผมระรัวลิ้นแทงเข้าช่องเสียวของเธอนั้น อยู่ดีๆแทนก็กระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับกดหัวผมที่แนบหว่างขาของเธอให้แนบยิ่งขึ้นไปอีกพร้อมกับร้องครางเสียงดัง
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา” แม้จะคบกันได้ไม่นาน แต่ผมก็รู้ว่า แทนของผมเสร็จแล้ว เสร็จคาลิ้นผมนี่แหละ
แทนนอนหอบหน้าอกสวยกระเพื่อมสักพัก เธอก็ลุกขึ้นไม่พูดไม่จา แต่ผลักผมให้นอนหงายลงไปบนเตียงพร้อมกับขึ้นมานั่งคล่อมผม ให้ตายสิ บอกตรงๆว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมมีอะไรกับแทนแล้วเธอจะไม่ขึ้นให้ผม ผมชอบแทนก็ตรงนี้แหละ
แทนก้มลงมาจูบแลกลิ้นกับผมอย่างเร่าร้อนพรัอมๆกับที่ปลดเข็มขัดกางเกงนักศึกษาผม ผมรู้สึกได้ถึงความอัดแน่นของแก่นกายผมที่แข็งจนไม่รู้จะแข็งยังไง และในทันทีที่แทนปลดกางเกงผมได้ เธอไม่ปล่อยให้เวลานั้นผ่านไป แต่กลับเริ่มต้นทิ้งน้ำหนักลงบนแก่นกายผมทันที
“ซี๊ดดดดดดดดดด” แทนร้องครางลั่น ทั้งๆที่ก็เป็นเธอเองนี่แหละที่ทิ้งน้ำหนักลงมา และไม่รอช้า แทนเริ่มต้นขย่มเอว จนผมรู้สึกได้ถึงความคับแน่นและเสียวซ่าน
“ซี๊ดดดดด อ๊ะๆๆ”
“อาาาาา”
เสียงผมกับแทนแข่งกันร้องระงมไปทั่วห้อง ผมสัมผัสได้ว่า ในทุกจังหวะการทิ้งน้ำหนักลงมาบนตัวผมของแทนนั้น ปลายแก่นกายผมสัมผัสได้ถึงมดลูกด้านใน แต่ก็ดูเหมือนว่าแทนจะไม่สนใจนักว่ามันจะเจ็บหรือเปล่า สำหรับเธอตอนนี้ คงมีแต่ความเสียวซ่านเท่านั้น แทนในเวลานี้ คือสาวมั่นที่ปลดปล่อยพลังแห่งความร้อนแรงออกมาอย่างเต็มที่ เป็นอะไรที่ผมชอบจริงๆ
“ซี๊ดดดดดด เสียวมั้ยคะ” แทนยังคงขย่มตอผมไปเรื่อยในขณะที่เธอถามผมด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่
“สะ.. เสียวมากก ซี๊ดดด” ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆ เพราะไม่เพียงแต่ความรู้สึกเสียวจากการขย่มท่อนเอ็นของผมเท่านั้น ผมยังรู้สึกได้ถึงการตอดรัดภายในทุกๆจังหวะการโยกของเธอ
แล้วแทนก็เริ่มเร่งความเร็วในการขย่มขึ้น ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่า เสียงของเราสองคนจะดังแค่ไหน หรือเตียงผมจะรับน้ำหนักได้มากแค่ไหน สิ่งที่ผมสนใจและต้องการที่สุดในเวลานี้ คือการฉีดน้ำรักเข้าไปในโพรงเสียวของแทนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ และความปรารถนาของผมก็ใช้เวลาไม่นาน
“อ๊าาาาาาาาาาาาา”
“อาาาาาาาาาา”
เสียงเราสองคนร้องครางพร้อมกันในขณะที่ผมกระตุกร่างฉีดน้ำรักเข้าไปในโพรงเสียวของเธอ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมสัมผัสได้ว่าเธอเสร็จพอดี
แทนนอนทับผมพลางฟุบลงที่อกอย่างหมดเรี่ยวแรง แก่นกายผมยังคงแช่อยู่ในโพรงเสียวของเธอที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักผม จนส่วนหนึ่งของมันไหลย้อนกลับออกมา ผมลูบหัวของแทนเบาๆด้วยความรัก วันนี้คงเป็นวันที่หนึ่งของการเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ การมีแฟนน่ารักอย่างอิง และสวยอย่างแทน อาจจะพูดได้ว่า ชาติก่อนผมทำบุญมาดีจริงๆ
“คืนนี้นอนนี่มั้ย เราอยากนอนกอดแทนทั้งคืน” ผมถามแทนที่ยังคงนอนฟุบพบตัวผมอยู่
“อืออ ไม่เอาอะ พรุ่งนี้มีเรียน จำไม่ได้เหรอ แทนไม่ได้เตรียมงานเตรียมชุดมาด้วย” แทนเงยหน้ามองผมพลางบอก
“แล้วแทนจะกลับเลยเหรอ” ผมถามเธอ
“เดี๋ยวต้องกลับแล้ว งานแทนยังไม่เสร็จเลย ไหนจะของพรุ่งนี้อีก” แทนพูดถึงงานที่เราจะต้องส่งในวิชาวันพรุ่งนี้ พลางลุกขึ้นนั่ง สองมือเธอรวบรวมที่กระเซิงออก ทำให้ท่านี้ กลายเป็นท่าที่หน้าอกสวยของเธอชูชันโดดเด่นท้าทายสายตามาก แม้ว่าจะมีเสื้อนักศึกษาปิดทับอยู่ก็เถอะ และภาพนี้ก็ทำให้แก่นกายของผมเริ่มกลับมาแข็งตัวอย่างช้าๆ ซึ่งแทนก็คงรู้สึกได้ เพราะเธอเริ่มบดเอวไปด้วยในขณะที่สองมือเธอยังคงมัดผมตัวเอง สายตาเธอมองผมอย่างเซ็กซี่พลางพูดขึ้น
“ไม่เจอกันวันเดียว ฟิตจังเลยนะคะ ไม่ทันไรแข็งอีกแล้ว”
“ก็แทนเซ็กซี่ขนาดนี้ เราอยากเอาเธอทั้งคืนนั่นแหละ” ผมบอกพลางลูบขาอ่อนขาวของเธอ
“งั้นเดี๋ยวแทนค่อยหาวันมาค้างด้วยดีมั้ยคะ วันนี้แทนต้องรีบกลับไปทำงานนะ” แทนพูดพร้อมกับลุกขึ้น ซึ่งในจังหวะที่เธอลุกนั้นเอง น้ำรักที่เหลือค้างอยู่ในร่องเสียวเธอก็ไหลย้อนมาตามขา ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่สำหรับผม เป็นภาพที่เซ็กซี่ชะมัด
“แทนไปแต่งตัวก่อนนะ” เธอว่าพลางหยิบกระโปรงนักศึกษาวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากแทนแต่งตัวเสร็จ ผมก็ไปส่งเธอ วันนี้เธอขับรถมาเองจากห้าง ซึ่งเธอก็แปลกใจเล็กน้อยที่ผมมีรถหรูอีกคัน แต่เธอก็ไม่ถามอะไรผมมาก คงเป็นเพราะรู้ว่า ถามไปผมก็คงจะตอบอะไรบ้าๆบอๆในความคิดเธอเหมือนเดิม ทำให้เราต้องแยกกันขับมาเจอกันที่นี่
ผมยืนรอมองแทนหน้าคอนโดจนกระทั่งรถของเธอขับลับสายตาไป ก่อนที่ผมจะหันกลับไปที่ลิฟท์ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
เป็นอิงที่กำลังเดินมาจากล็อกบี้คอนโดตรงมาหาผม!
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกคน
สำหรับ EP ที่แล้ว บางคนสงสัยว่าน้าไพลินกับน้องพลอยจะมีบทบาทอะไรมั้ย อันนี้ขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรซ์ละกันครับ ส่วนเรื่องจุดประสงค์ของโฉนดที่นายสตีฟได้ไป ต้องบอกก่อนว่า เรื่องนี้ผมจับเหตุการณ์จริง เรื่องจริง หลายๆอย่างมายำๆกัน ดังนั้น ถ้าใครติดตามข่าวสาร อาจจะพอเริ่มเดาๆได้ว่า ที่ดินแถวนั้นมันมีอะไร ใบ้ให้ว่า เรื่องใหญ่เลยแหละ
สำหรับ EP นี้น้องแทนกลับมาแแล้ว เหตุการณ์ปวดตับจะเริ่มมีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ถือว่าให้นายต่อได้พักเรื่องเครียดๆและสนุกกับชีวิตซักพักละกันนะครับ
ปล.ผมเจอวิธีแกล้งยัยอีฟแล้ว 5555+
เหมือนเดิม คอมเม้นท์เพื่ออ่านตอนจบของ EP นี้นะครับ 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน