“ทางทำเนียบขาวได้ไฟเขียวให้เราจัดการกับโรงงานผลิตยาเสพติดของพวกว้าแดงแล้ว”
นาวาโทเลย์ตันพร้อมเจ้าหน้าที่ข่าวกรองยืนอยู่หน้าห้อง ด้านหลังเป็นจอขนาดใหญ่ที่แสดงภาพโรงงานผลิตยาเสพติดที่ทางหน่วยซีลเข้าไปถ่ายรูปมา พร้อมกับอีกจอหนึ่งที่เป็นภาพถ่ายดาวเทียมที่เป็นภาพถนนที่เป็นทางโค้งหักศอก แคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างได้ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมมองไปที่ภาพถ่ายดาวเทียม วันนี้เป็นวันที่ 5 หลังจากทางตำรวจได้บุกเข้าจับยาเสพติดที่รีสอร์ทของกำนันน้อม ถึงตอนนี้มีลูกน้องของกำนันหลายคนได้รับการประกันตัวออกไป ส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาอนุภรรยาของกำนันที่ถูกให้เป็นหุ่นเชิดในบรรดากิจการที่ถูกกฎหมาย และตอนนี้ทางทำเนียบขาวได้ตัดสินใจที่จะทำลายโรงงานผลิตยาแห่งนี้ สาเหตุที่สำคัญอีกสาเหตุหนึ่งจำนวนเฮโรอีนที่ถูกจับในครั้งแรกและที่ถูกทำลายในโกดังนั้นมีจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลิตยาเสพติดของโรงงานแห่งนี้ที่สามารถผลิตเฮโรอีนได้จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง จากตอนแรกที่แคนจะไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ โดยแคนจะเป็นเพียงหน่วยที่คอยสนับสนุนเท่านั้น แต่หลังจากที่รองสุพจน์ต้องการคำยืนยันให้แน่ชัดว่ากำนันน้อมนั้นหลบอยู่โรงงาน รองสุพจน์จึงดำเนินแผนการที่เตรียมไว้ทันที โดยใช้เทพเป็นนกต่อ รองสุพจน์ให้เทพใช้โทรศัพท์โทรหากำนันและได้ซักซักซ้อมและวิธีการไว้ล่วงหน้า ซึ่งเทพยอมทำตามอย่างเต็มใจ และทันทีที่โทรไปกำนันน้อมรับสายทันที
“ไอ้เทพมึงอยู่ไหน”
เสียงของกำนันถามมา
“ผมหลบอยู่แถวๆเขตรอยต่อลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ครับ ตระเวนไปทั่ว ไม่กล้าอยู่ที่ไหนนานครับกำนัน ตอนนี้ตำรวจตามจี้ผมติด ผมไม่กล้าเสี่ยงใช้โทรศัพท์นานครับกลัวเปิดเครื่องแล้วตำรวจจะตามผมจากสัญญาณแล้วตอนนี้กำนันอยู่ไหนครับที่โกดังหรือเปล่า”
“มึงไม่รู้หรือไง โกดังถูกทำลายไปแล้ว ไอ้จิตก็ตายไปด้วย”
เทพทำหน้าตกใจทันทีเพราะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนแต่มันเป็นสิ่งที่รองสุพจน์คาดการณ์ไว้ เพราะเทพจะได้ไม่มีพิรุธตอนติดต่อกำนัน
“พี่จิตตายแล้ว”
“ใช่ อย่าให้กูพูดถึงสภาพศพเลย ยังดีที่สร้อยคอกับพระที่ยังติดกับตัวมันเลยยืนยันได้ว่าเป็นมัน”
เทพถึงจะเสียใจจากข่าวการตายของจิต แต่มองไปที่รองสุพจน์ที่พยักหน้าให้เทพพูดต่อ แต่ก่อนที่เทพจะพูดกำนันน้อมได้พูดขึ้นมา
“ไอ้เทพเอาอย่างนี้ วันมะรืนนี้กูจะมาที่คาสิโน กูจะออกจากโรงงานแต่เช้ากว่าจะไปถึงคงค่ำๆ มึงหาทางหนีเข้ามาหากูที่คาสิโนที่กูถือหุ้นอยู่อย่ามาที่บ้าน กูกลัวว่าพวกตำรวจมันจะส่งคนไปเฝ้ามันไม่ปลอดภัย เช้าวันต่อมากูนัดเจอไอ้พวกทนายแล้วบ่ายๆมึงกลับไปโรงงานกับกู”
“ได้ครับกำนัน”
“แล้วมึงพอจะมีเงินอยู่ไหมละ ถ้าไม่มีมึงติดต่อไปที่หัวหน้าทนายกูให้เงินมันไปแล้ว มึงไปเอาเงินที่มันก่อนแล้วค่อยมาหากู”
“ยังพอมีครับกำนัน”
“เอออย่างนั้นแล้วมาเจอกับกู หลบพวกตำรวจให้ดีนะมึง แต่ถ้าโดนจับมึงก็ไม่ต้องกลัว กูเตรียมหาทางสู้ให้พวกมึงไว้แล้ว”
“ครับกำนัน”
เทพรับคำก่อนจะวางสายก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้ตำรวจพร้อมถามไปที่รองสุพจน์
“ท่านครับโกดังถูกทำลายไปแล้วหรือครับ”
“ใช่แล้วที่ผมไม่บอกนายเทพก่อนเพราะกลัวนายเทพจะมีพิรุธตอนคุยกับกำนัน”
“ครับผมพอจะเข้าใจ แล้วไม่มีใครรอดเลยหรือครับ”
“เท่าที่รู้ไม่มีนะ”
รองสุพจน์ตอบก่อนที่จะให้ตำรวจพาเทพไปที่ห้องขัง พอได้ข้อมูลนี้มาหลังจากที่ตรวจสอบกับทางสหรัฐแล้ว เวลาที่หน่วยซีลจะเดินทางเข้าไปถึงโรงงานนั้นเป็นช่วงบ่ายซึ่งจะสวนทางกับกำนัน และทางไทยนั้นต้องการที่จะจัดการกำนันให้สิ้นซาก เพราะจากการประเมินแล้วกำนันไม่น่าจะยอมเข้ามามอบตัวและคงจะสร้างอาณาจักรการค้ายาเสพติดขึ้นมาใหม่ในอาณาเขตของพวกว้าแดงโดยที่ทางไทยไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ จึงมีการวางแผนใหม่โดยให้แคนเดินทางเข้าไปพร้อมกับหน่วยซีลทางเฮลิคอปเตอร์ และแคนกับนายดาบ ต.ช.ด. คนเดิมจะโรยตัวลงบริเวณเนินสูงแห่งหนึ่งที่ห่างจากจุดที่เคยให้เฮลิคอปเตอร์มารับหลังจากทำลายโรงงานไปแล้วประมาณ 2 กิโลซึ่งจะใกล้ชายแดนไทยเข้ามาอีกแล้วแคนกับนายดาบจะเดินเท้าเข้าไปตรงพื้นที่บริเวณทีกำหนดเป็นจุดโจมตี ซึ่งมีการตรวจสอบกันหลายรอบและทุกคนเห็นตรงกันว่าเหมาะที่เป็นพื้นที่ลอบโจมตีเพราะถนนบริเวณนั้นแคบและเป็นโค้งหักศอกรถวิ่งสวนกันไม่ได้ ตรงนั้นจะมีเนินเตี้ยๆอยู่ห่างออกไป 100 เมตรจากเนินนั้นจะมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจนและข้างทางนั้นมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นทำให้เหมาะกับการซุ่มโจมตี ที่เลือกแคนเพราะสามารถทำงานร่วมกับหน่วยซีลนี้ได้เป็นอย่างดี และตอนนี้นาวาโทเลย์ตันได้อธิบายเพิ่มเติม
“ช่วงเวลานั้นระบบของทางเรดาร์ของพม่าจะมีปัญหาใช้งานไม่ได้ชั่วขณะ แต่ทางพม่าจะไฟเขียวให้เฉพาะเฮลิคอปเตอร์เท่านั้นที่ข้ามแดนไปได้ ไม่อนุญาตให้เครื่องบินแบบอื่นๆรวมถึงโดรนล้ำแดนเข้าไป”
“ทำไมทางพม่าถึงไฟเขียวให้เราเข้าไปง่ายๆ”
1 ในทีมซีลได้ถามขึ้น และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเป็นคนตอบ
“เมื่อวานนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของเราได้เยือนพม่าอย่างลับๆและเข้าพบผู้นำทางทหารและระหว่างการหารือ พม่าได้เตรียมประท้วงเรื่องที่แบล็กฮอว์คล้ำแดนเข้าไป แต่ทางเราได้แจ้งถึงเรื่องโรงงานผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ก่อน และพร้อมที่จะนำเรื่องนี้แจ้งต่อทางสหประชาชาติว่ามีโรงงานผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่อยู่ในพม่าพร้อมหลักฐาน ทางนั้นได้ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ทางเราเลยแจ้งว่าทางเราต้องการที่จะทำลายโรงงานนี้ เพราะเรารู้มาว่าตอนนี้ทางผู้นำทหารของพม่าก็ปัญหาในเรื่องแย่งอำนาจกัน ฝ่ายที่สนับสนุนว้าแดงอยู่ เป็นฝ่ายที่เริ่มจะเสียอำนาจในกองทัพ ทางพม่าเลยยอมแต่มีเงื่อนไขตามที่ผู้การเลย์ตันบอก ที่ไม่ยอมให้โดรนบินเข้าไปคงกลัวว่าเราจะใช้โดรนถ่ายภาพบริเวณอื่นๆด้วย”
“แล้วข้อแลกเปลี่ยนอื่นๆละ”
พันจ่าโทจิมมี่หรือบราโว่ 2 ถามขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองยิ้มออกมาและตอบมาว่า
“เราตกลงจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรในบางเรื่องและที่สำคัญคือการถอนอายัดทรัพย์สินของบรรดาญาติๆของผู้นำทหารพม่าในสหรัฐ”
“เรื่องนี้สำคัญจริงๆทางพม่าถึงยอมง่ายๆ”
บราโว่ 2 ตอบพร้อมส่ายหน้า ก่อนที่ นาวาโทเลย์ตันจะบรรยายต่อ ซึงปฏิบัติการครั้งนี้ทางหน่วยซีลจะเดินทางเข้าไปโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ซึ่งจะส่งแคนกับนายดาบต.ช.ด.ก่อนแล้วถึงไปส่งหน่วยซีลโดยใช้วิธีโรยตัวลงก่อนจะเดินเท้าประมาณ 1ชั่วโมงเข้าไปที่โรงงาน แล้วจะใช้เลเซอร์ยิงเข้าไปที่ตัวโรงงาน ซึ่งทางสหรัฐได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้แล้ว วันนี้เครื่องบินแบบ F-15 E/F จำนวน 8 ลำจะบินจากฐานทัพในญี่ปุ่นมาเพื่อมาฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพอากาศไทยเครื่อง F-15 จะลงจอดที่กองบิน 1โคราช พร้อมเครื่องบินสนับสนุนแบบ C-17 อีก 2ลำ ซึ่งทางหน่วยซีลจะใช้เลเซอร์ชี้เป้าให้ F-15ที่บินอยู่ฝั่งไทยขณะทำภารกิจซ้อมรบบังหน้ากับกองทัพอากาศไทย F-15จะยิงจรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์เพื่อทำลายโรงงาน หลังจากนั้นทีมซีลจะถอนตัวกลับมาที่จุดที่โรยตัวซึ่งเฮลิคอปเตอร์จะมารับที่จุดนั้นและวกกลับมารับแคนที่จุดส่งตัวเช่นกัน นาวาโทเลย์ตันได้อธิบายรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมในภารกิจครั้งนี้จนเรียบร้อย ซึ่งแคนตอนแรกนั้นรู้สึกเฉยๆถ้ากำนันตายคาโรงงานถึงจะไม่ใช่ฝีมือของแคนตามที่ตั้งใจ แต่มันจะตายแบบที่ญาติพี่น้องไม่ได้จัดงานศพให้ มันจะตายอย่างไร้ญาติ แต่เมื่อมีโอกาสและเหมือนโชคจะเข้าข้างแคนในการแก้แค้น ทำให้แคนพอใจอย่างมาก
ถึงตอนนี้แคนได้มาซุ่มตรงเนินเตี้ยๆพร้อมนายดาบ ต.ช.ด. ทั้งคู่โรยตัวจากแบล็กฮอว์คลงมาบนเนินสูงที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 800 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางลงมาที่จุดหมายเกือบ 45 นาทีเพราะสภาพเส้นทางนั้นบางช่วงชันเกือบ 90 องศาต้องใช้วิธีไต่เชือกลงมา จนมาถึงจุดซุ่มยิง แคนนั้นได้รับภาพถ่ายทางดาวเทียมล่าสุดที่ถ่ายภาพขบวนรถที่คาดว่าน่าจะเป็นขบวนรถของกำนันน้อมได้ ในขบวนมีรถ 3 คัน นำหน้าด้วยรถกระบะดัดแปลงติดปืนกลหนักและรถที่คาดว่ากำนันน้อมจะอยู่ในรถคันนั้นปิดท้ายด้วยรถกระบะมีหลังคาแต่คาดว่าจะมีกำลังชองพวกว้าแดงอยู่ในในรถคันนั้น แคนกับนายดาบตำรวจจึงเตรียมการทันทีก่อนทีขบวนรถจะมาถึง ผ่านไปชั่วโมงเศษๆ ขบวนรถนั้นปรากฏให้เห็นผ่านกล้องส่องทางไกลซึ่งก่อนหน้าไม่กี่นาทีมีการยืนยันผ่านวิทยุจากศูนย์บัญชาการว่ากำนันอยู่ในขบวนรถนี้ เพราะทางรองสุพจน์ได้ให้เทพโทรศัพท์ไปหากำนันอีกครั้งซึ่งกำนันบอกว่ากำลังเดินทางไปที่บ่อนคาสิโน หลังจากที่กำนันน้อมวางสายจากเทพ กำนันน้อมนั้นครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะข้อมูลที่ได้จากทนายที่ส่งอีเมลมาให้พร้อมการพูดคุยทำให้รู้ว่า การที่ตนเองจะหาวิธีต่อสู้คดีนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะตำรวจตรวจเจอเอกสารหลายอย่างที่สามารถจะสาวถึงตนเองได้ และยิ่งจำนวนยาบ้ากับเฮโรอีนพร้อมอาวุธสงครามที่เจอในรีสอร์ทที่กำนันเป็นเจ้าของมันจะยิ่งมัดตัวกำนัน แถมบริษัทรับทำบัญชีนั้นถูกตำรวจเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจิ๋วนั้นตายจริงหรือไม่ เพราะตอนกำนันผ่านโกดังนั้น กำลังมีการรื้อถอนเศษซากและพวกคนงานช่วยกันค้นหาซากศพของจิ๋วกับฝนเพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งคู่ได้ตายไปแล้ว พร้อมมีกำลังคุ้มกันจำนวนหนึ่งของพวกว้าแดงคอยดูแลอยู่ ซึ่งทางกำนันต้องการหลักฐานยืนยันว่าจิ๋วได้ตายไปแล้วจริงๆ
ถ้าจิ๋วนั้นตายไปจริงๆแต่เอกสารและข้อมูลที่ตำรวจค้นเจอ มันจะโยงถึงกำนันได้ และกำนันได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังนักการเมืองหลายคนซึ่งบางคนได้รับปากเพราะกำนันสัญญาจะให้เงินสนับสนุนก้อนใหญ่ แต่ยังทำให้กำนันครุ่นคิดอยู่ว่าตนเองคงจะไม่สู้คดีแต่จะหลบอยู่ที่ฝั่งนี้พร้อมทำธุรกิจค้ายาต่อ ส่วนคนที่ถูกจับกำนันนั้นพร้อมจะให้ความช่วยเหลือต่อ กำนันต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากทีมทนายความที่ตอนนี้สามารถประกันตัวลูกน้องออกมาได้บ้างแล้ว และกำนันตั้งใจว่าหลังจากคุยกับทีมทนายเรียบร้อยจะโทรไปหาลูกสาวคนเล็กที่อยู่อังกฤษเพราะเป็นวันเกิดของลูกสาวคนเล็กของกำนันที่กำนันรักมาก กำนันนั่งคิดวางแผนการณ์มาตลอดทาง พร้อมฟังเสียงรายงานจากวิทยุสื่อสาร ที่จะรายงานไปยังโรงงานตลอด
กำนันน้อมนั้นอยู่ในรถแลนด์โรเวอร์ที่วิ่งอยู่ตรงกลาง ห่างจากรถกระบะติดปืนกลที่วิ่งนำหน้าประมาณ 5 เมตร โดยรถที่วิ่งตามหลังนั้นอยู่ห่างในระยะที่ใกล้เคียงกัน จากการสังเกตจากกล้องส่องทางไกล รถคันหลังนั้นเป็นบรรทุกทหารว้าแดงมาจำนวนหนึ่ง แคนรอคอยด้วยความใจเย็น มือซ้ายถือรีโมทจุดระเบิด ส่วนมือขวาทาบที่โกร่งไกปืน ตามองเป้าหมายผ่านกล้องเล็ง พอรถทั้ง 3 คันวิ่งมาห่างจากจุดที่แคนซุ่มอยู่ประมาณ 100 เมตร ซึ่งจุดนี้แคนจะมองเห็นรถทั้ง 3 คัน อย่างชัดเจน แคนบอกไปที่นายดาบ ต.ช.ด พร้อมกับมือกดที่สวิทช์บนรีโมท
“ยิงได้”
ระเบิดที่ฝังไว้ข้างทางระเบิดขึ้นทันทีทำให้รถที่วิ่งนำหน้านั้นพลิกตะแคงพลปืนที่อยู่ท้ายรถนั้นคอหักตายทันทีหลังจากที่ร่วงลงมากระแทกกับพื้น ส่วนรถกระบะที่ปิดท้ายนั้นถูกดาบตำรวจใช้ M-72 ยิงพร้อมๆกับที่แคนกดระเบิด รถคุ้มกันนั้นระเบิดทันทีไม่มีใครในรถรอดชีวิต ส่วนแคนปล่อยรีโมทลงทันทีหลังจากกดสวิทช์ กล้องเล็งนั้นจับไปที่หน้ารถคันที่กำนันน้อมนั่งและเหนี่ยวไกทันที กระสุนนัดแรกพุ่งเข้าใส่เครื่องยนต์ทำให้รถเครื่องดับทันที ตามด้วยนัดที่ 2 พุ่งผ่านกระจกเข้าใส่คนขับ แต่ก่อนที่นัดที่ 3จะพุ่งเข้าหาคนที่นั่งข้างๆ ทหารว้าแดงที่มีประสบการณ์มาพอสมควรนั้นรีบก้มทันทีหลังจากคนขับคนโดนยิง พร้อมเสียงตะโกนบอกให้กำนันน้อมที่นั่งอยู่ด้านหลังให้หมอบลงไปที่วางเท้า จังหวะนั้นนายดาบ ต.ช.ด.ได้ลั่นไกไปยังรถคันหน้าที่มีคนกำลังปีนออกมาจากประตูของรถที่ตะแคงอยู่ กระสุนขนาด 5.56 มม. 3 นัดจากปืน HK 416 เข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ ทหารว้าแดงที่พยายามปีนออกจากรถผงะ ซบไปหน้าต่างทันที
ส่วนแคนนั้นใช้จังหวะนั้นผละจากปืนซุ่มยิงแล้วค่อยวิ่งย่อตัวสลับคลานไปที่รถแลนด์โรเวอร์ โดยให้ นายดาบ ต.ช.ด.ซุ่มอยู่ที่เดิม ลั่นกระสุนใส่รถเป็นระยะเพื่อเป็นการยิงกดคนที่อยู่ในรถ ภายในรถนั้นกำนันน้อมนั้นปืนจากเบาะหลังมาที่ด้านท้ายรถมือกำปืนพกแน่น แต่ยังไม่ยิงตอบโต้ ส่วนทหารว้าแดงนั้นดันเบาะที่นั่งให้หงายราบไปด้านหลังและคลานมาที่เบาะหลัง ตอนนี้กระจกหน้ารถนั้นแหลกละเอียดหมดแล้ว แต่ยังมีกระสุนเข้ามาในรถเป็นระยะ ทหารว้าแดงนั้นถือปืนกล M-4 ไว้เตรียมยิงตอบโต้ ก่อนจะบอกกำนันด้วยภาษาพม่า ที่กำนันน้อมฟังเข้าใจได้อย่างดี
“กำนัน พอผมบอกให้เปิดประตู กำนันเปิดประตูท้ายทันทีนะแล้วกลิ้งตัวลงไปแล้วกำนันวิ่งหนีไปด้านหลังทางซ้ายมือกำนันพยามยามไปหลบข้างทาง รอให้พวกที่โกดังมาช่วยผมวิทยุไปแล้ว เราไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่คน แล้วผมจะยิงปะทะไว้ก่อนแล้วจะตามกำนันไป”
กำนันพยักหน้า พอจังหวะที่เสียงปืนเงียบลง ทหารว้าบอกให้กำนันออกจากรถทันที กำนันนั้นทำตามด้วยความรวดเร็ว และทหารว้านั้นพุ่งตามกำนันไปทันที แต่เป็นจังหวะที่แคนที่คลานมาถึงด้านข้างของรถพอดี ร่างของทหารว้าแดงที่พุ่งตามกำนันออกจากรถ โดนกระสุนปืนจากแคนพุ่งเข้ากลางหลังร่างนั้นไม่ทันร้องแต่ล้มคว่ำลงบนพื้นทันที แคนวิ่งตรงเข้าไปด้านหลังรถแล้วลั่นกระสุนใส่หัวร่างทหารว้าแดงที่นอนคว่ำบนพื้นอีก 1นัด แล้วเงยหน้าขึ้น ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร กำนันน้อมกำลังวิ่งไปลงไปข้างถนน แคนมองไปด้านท้ายรถและเห็นถังน้ำมันขนาด 2ลิตรอยู่ 2 ถัง ทำให้แคนคิดอะไรได้จึงยกปืนขึ้นยิงสกัดไปด้านหน้ากำนันพร้อมตะโกนบอก
“ไอ้น้อมหยุดอย่าหนี ยอมให้จับซะโดยดี ไม่งั้นกูยิงกบาลมึง”
ร่างของกำนันหยุดวิ่งทันที แต่ปืนยังอยู่ในมือ แคนตะโกนย้ำไปอีกครั้ง
“โยนปืนทิ้งให้ห่างตัว แล้วคุกเข่าลงชูมือขึ้นสูงๆ อย่าขยับตัวไม่งั้นมึงตาย”
กำนันทำตามทันทีโยนปืนออกไปให้ห่างตัว ขณะเดียวกันนายดาบต.ช.ด.นั้นวิ่งตามมาพร้อมรายงานไปที่แคน
“ในรถคันหน้าพวกมันตายหมดแล้วครับหมวด”
แคนพยักหน้าแล้วบอกไปที่นายดาบ
“ดาบ ไปมัดมือมันก่อนผมจะตามไป”
นายดาบ ต.ช.ด.ทำตามคำสั่งทันทีส่วนแคนชะโงกตัวเข้าไปในรถแล้วถือถังน้ำมันมาด้วย 1 ถัง ส่วนกำนันน้อมถูกค้นตัวก่อนจะถูกสายเคเบิ้ลไทร์รัดที่ข้อมือที่ถูกรวบไปด้านหลัง แคนวางถังน้ำมันก่อนจะเดินอ้อมมาด้านหน้าแล้วจิกหัว กำนันน้อมให้เงยขึ้น ส่วนนายดาบ ต.ช.ด. ยืนคุมอยู่ด้านหลังกำนัน
“ไอ้น้อม มึงรู้ใช่ไหมว่ากูเป็นใคร”
กำนันมองหน้าแคนที่ตอนนี้ถอดแว่นตากันสะเก็ดออก พอเห็นหน้าแคนกำนันเข้าใจทันทีแต่ด้วยความทีเป็นเสือกำนันนั้นไม่หวั่นไหวก่อนจะตอบ
“ทีของมึงแล้วไอ้เด็กน้อย จะทำอะไรกูก็เชิญ แต่กูขอชมนะมึงเก่งมากที่ตามกูเข้ามาถึงที่นี่ได้”
แคนยิ้มออกมาแต่สายตานั้นลุกวาว
“แค่นี้ไม่คณามือกูหรอกไอ้น้อม ตั้งแต่ไอ้ทุม ไอ้จิตกูก็เป็นคนฆ่า ส่วนโกดังของมึงที่ถูกเผานะกูก็อยู่ด้วย”
กำนันทำเป็นหัวเราะ เพราะพยายามจะประวิงเวลาให้มากที่สุด เพราะพวกว้าที่คุ้มการการรื้อโกดังจะได้มาช่วยทัน
“ถุย เท่านี้ทำเป็นคุยต้องทำให้ได้เท่ากู แบบครอบครัวของลุงมึงไอ้แคน ตอนแรกไอ้จิตมันจะส่งอีดาวให้กูแต่กูไม่อยากกินของเหลือเดนของมัน กูเลยยกให้ไอ้จิตมันก่อนที่อีดาวจะตาย ฮ่าๆๆๆๆ”
มันเป็นการจุดชนวนความแค้นให้แคนให้ระเบิดออกมาทันที ร่างของกำนันถูกแคนประเคนใส่ด้วยเท้าทั้งสองข้างสลับไปมาอย่างไม่ยั้งจนร่างของกำนันล้มลงไปนอนจนนายดาบ ต.ช.ด.ต้องเบือนหน้าหนี ส่วนแคนตามไปกระทืบกำนันอีก3-4 ที คราวนี้กำนันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
“โอยยยยย ไอ้แคนมึงทำคนไม่มีทางสู้ นี่หรือวะลูกผู้ชาย”
แคนหัวเราะพร้อมเอาเท้าไปเหยียบที่หน้ากำนันแล้วขยี้ไปมา
“ทีแบบนี้มึงร้องหาความเป็นลูกผู้ชาย แต่ที่ผ่านมาละมึงเคยบอกให้คนที่พวกมึงใช้อิทธิพลไปรังแกข่มขู่ให้ร้องแบบนี้หรือไอ้น้อม ไม่ต้องตอบกูรู้ว่าไม่มี ไอ้เลวทีตัวเองทำมาร้องขอถุย”
หน้าของกำนันที่ตอนนี้บวมช้ำไปทั้งหน้ารวมทั้งรอยเลือดที่ออกจากจมูก ปากและบาดแผลที่่แตกไม่รวมถึงตามตัวที่ดูเหมือนซี่โครงจะหักด้วย ฤทธิ์ของความเจ็บปวดนั้นแผ่ไปทั่วร่าง กำนันเริ่มครวญครางออกมาอย่างลืมตัว และเป็นครั้งแรกที่กำนันน้อมเป็นฝ่ายร้องขอชีวิตจากฝ่ายตรงข้ามเพราะความเจ็บปวด ที่ผ่านมาในชีวิตกำนันจะเป็นคนที่ฟังอีกฝ่ายร้องขอชีวิตมาตลอด แต่ครั้งนี้เป็นกำนันที่ร้องวิงวอน
“อย่าทำอะไรผมเลยครับ ผมยอมแล้วจะจับตัวผม ผมก็ไม่ขัดขืนแล้วครับ อย่าทำอะไรผมอีกเลยครับ ผมยอมสารภาพทุกอย่าง”
เสียงวิงวอนโอดครวญจากกำนันที่โดนพิษสงจากเท้าของแคน แคนยิ้มออกมาอย่างสะใจแล้วก้มไปที่ร่างนี่นอนงอด้วยความเจ็บปวดของกำนันน้อม
“ทีแบบนี้ร้องขอชีวิต แต่กูเชื่อนะไอ้น้อม คนอย่างมึงนะไม่มีสำนึกหรอก แต่ตอนนี้กูจะปล่อยมึงไปก่อน กูรู้ดีคนอย่างมึงนะต่อให้ติดคุกก็ติดไม่นาน แถมมึงไปสร้างอิทธิพลในคุกอีก มึงติดก็เหมือนไม่ติด แถมยังสั่งงานจากในคุกได้อีก กูให้โอกาสมึงอีกครั้งไอ้น้อม กูจะปล่อยตัวมึง แต่บอกไว้ก่อนนะอย่าเหยียบเข้าไปในแผ่นดินไทยอีก ถ้ามึงไปกูจะจัดการฆ่าล้างโคตรมึงให้หมดทั้งลูกสาว ลูกชายมึง เมียมึงกูก็ไม่ปล่อยอย่านึกว่ากูทำไม่ได้นะไอ้น้อม ไอ้จิตที่ตายห่าไปรวมถึงมึงในตอนนี้อยู่ในพม่ากูยังทำได้ แถมลูกสาวคนเล็กมึงที่อยู่อังกฤษกูจะให้เพื่อนกูจับส่งให้พวกไอ้มืด มึงรู้ดีนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนเล็กของมึงถ้าอยู่กับพวกไอ้มืดที่ขายยา”
เสียงขู่ของแคนคำรามไปยังร่างของกำนันน้อมที่นอนพยักหน้าอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของแคน ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าแคนจะทำตาคำขู่หรือไม่ แคนถอนเท้าออกมาแล้วก้มไปตัดสายเคเบิ้ลไทร์ที่มัดมือกำนันน้อมออก
“ไป ไอ้น้อมไปให้พ้นหน้ากู อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก”
กำนันเหลือบมองแคนด้วยสายตาที่อาฆาต แต่กระเสือกกระสนตัวให้ลุกขึ้นแล้วรีบเดินไปทิศทางของโกดัง แต่เดินไปไม่ถึง 10 ก้าว แคนยก HK 416 ขึ้นมาประทับบ่าแล้วลั่นไกไปที่ต้นขาซ้าย ระยะแค่นี้สำหรับคนที่ฟ้าประทานความสามารถในการยิงปืนมันไม่ยากเย็น กระสุนเจาะทะลุต้นขากำนัน ทำให้กำนันร้องโหยหวนแล้วร่างทรุดลงไปนอนดิ้นบนพื้น ส่วนแคนหันไปหยิบถังน้ำมันแล้วเดินตรงไปที่ร่างกำนันที่นอนดิ้นไปมา
“ไอ้ๆๆแคน ไหน มึงบอกจะปล่อยกูไง ไอ้สัตว์”
แคนแสยะยิ้มพร้อมเปิดฝาถังน้ำมันแล้วราดลงไปที่ร่างกำนัน
“มึงเป็นโจรไอ้น้อม กูก็ต้องใช้วิธีโจรกับมึง จำไม่ได้หรือไง สัจจะไม่มีในหมู่โจรไอ้น้อม”
แคนพูดจบแล้วโยนถังน้ำมันไปข้างๆตัวกำนันน้อมแล้วเดินถอยออกมา5-6 ก้าวก่อนจะหยิบระเบิดเพลิงออกมา แล้วถอดสลักโยนไปที่ร่างกำนันที่นอนดิ้นด้วยความเจ็บปวดจากกระสุน แต่ทันทีที่ระเบิดเพลิงกระทบร่างกำนันเปลวไฟนั้นลุกขึ้นทันที ยิ่งมีเชื้อเพลิงจากน้ำมัน กำนันน้อมร้องออกมาอย่างโหยหวน ร่างนั้นกลิ้งไปมา แคนพูดออกมาเบาๆ
“ไปพบไอ้จิตที่นรกเถอะมึง คนเลวอย่างมึงต้องตายแบบนี้ถึงจะสาสม”
พูดจบแคนหันหลังแล้วเดินกลับมาที่ นายดาบต.ช.ด. พร้อมขยับหูฟังออกมาแล้วหยิบไมค์ของวิทยุสื่อสารที่ใช้ติดต่อกับศูนย์บัญชาการที่เหน็บอยู่ในซองด้านหลังของเสื้อเกราะ มาแนบที่หูพร้อมกดคีย์ก่อนจะพูด
“ฮันเตอร์จากบราโว่ 7”
ไม่นานนักเสียงจากนาวาโทเลย์ตันตอบกลับมา
“บราโว่ 7 จากฮันเตอร์”
“ฮันเตอร์จากบราโว่ 7ภารกิจสำเร็จ ย้ำภารกิจสำเร็จ เป้าหมายไม่มีใครรอดชีวิต”
“บราโว่ 7 จากฮันเตอร์รับทราบ ให้คุณกับบราโว่ 8 กลับจุดถอนตัวได้ทันที”
“โรเจอร์”
แคนตอบสั้นๆก่อนจะบอกนายดาบ ต.ช.ด.
“ไปเหอะดาบไปเก็บของแล้วรอพวกนั้นมารับกลับบ้าน”
“ครับหมวด แต่ผมบอกอีกครั้งนะหมวด ฝีมืออย่างหมวดนี่เข้าร่วมซีลทีม 6ได้สบายๆ”
แคนยิ้มๆระหว่างเดินไปที่เนินที่ใช้เป็นที่ซุ่มโจมตีโดยไม่หันไปมองร่างของกำนันน้อมอีกเลย แต่หลังจากที่เก็บอุปกรณ์เรียบร้อยและมุ่งหน้าไปยังจุดถอนตัวทั้งคู่ได้ยินเสียงระเบิดแว่วมาเสียงนั้นดังมาจากที่ตั้งของโรงงาน แคนหยิบไมค์ที่เหน็บอยู่ตรงหน้าอกเพื่อฟังเสียงการรายงานจากวิทยุสื่อสารที่อยู่ในซองด้านหลังมาฟังทันที และเป็นเสียงของบราโว่1 ที่กำลังรายงานไปยังฮันเตอร์ ว่าโรงงานถูกทำลายเรียบร้อยและทีมซีลกำลังถอนตัวเช่นเดียวกับแคน แคนจึงหันไปบอกนายดาบ
“โรงงานก็เรียบร้อยแล้วดาบ ถ้าเราไปถึงจุดถอนตัวตรงนั้นมันคงสูงพอจะให้เราพอเห็นควันได้””
นายดาบพยักหน้า แต่ได้ถามกลับมาที่แคน
“หมวดผมขอถามหน่อยสิครับว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าหมวดที่หมวดฆ่าไอ้น้อมแบบทารุณ เพราะจริงๆฝีมืออย่างหมวดยิงมันนัดเดียวก็จบแล้ว”
แคนถอนหายใจออกมา ความจริงแคนอยากจะฆ่ากำนันน้อมให้ตายแบบทรมานเหมือนจิตแต่พอเห็นถังน้ำมันสำรอง ที่เดาว่าพวกว้าคงเตรียมเพื่อกรณีฉุกเฉิน ทำให้แคนคิดได้ทันทีว่าจะฆ่ากำนันแบบไหนและมันสมใจอย่างมากกับเสียงโหยหวนของมันตอนที่ไฟลุกท่วมตัว ก่อนที่แคนจะเล่าให้ฟังถึงสาเหตุให้นายดาบ ต.ช.ด.ฟัง พอฟังจบ นายดาบได้ถอนหายใจออกมาแล้วตอบแคน
“เป็นผม ผมก็แค้นครับหมวดที่มันทำกับเราถึงขนาดนี้ สาสมแล้วที่มันต้องตายแบบนี้ ประเทศเราต้องเสียหมอที่อนาคตไกลไปอีกคนเพราะความโลภกับตัณหาของพวกมัน ลูกสาวผมตอนนี้ก็คงอายุไล่ๆกับพี่สาวหมวดในตอนนั้นกำลังเรียนวิศวอยู่ครับ”
แคนได้แต่พยักหน้าและมุ่งหน้าปีนเนินเพื่อไปที่จุดที่ถอนตัว ฝ่ายรองสุพจน์นั้น ถึงกับถอนหายใจออกมาหลังจากที่แคนรายงานผ่านวิทยุมาว่ากำจัดกำนันน้อมได้แล้ว มันดีใจยิ่งกว่าภาพจากกล้องของจรวดนำวิถีทั้ง 4ลูกที่มุ่งเข้าโรงงานผลิตยาเสพติดของพวกว้าแดง หน่วยซีลนั้นเดินเท้าเข้าไปแฝงตัวตามจุดที่จะใช้เลเซอร์ชี้เป้าไปยังโรงงาน ซึ่ง F-15 จำนวน 4 ลำนั้นบินขึ้นมารอเพื่อทำการฝึกกับทางกองทัพอากาศเป็นการบังหน้าก่อนหน้านั้นแล้ว และเข้าสู่พื้นที่ทันทีที่ได้รับแจ้ง จรวดนำวิถี 4 ลูก จาก F-15 2ลำได้มุ่งตรงไปตามเป้าหมายที่ถูกชี้เป้าด้วยเลเซอร์ ซึ่งคนในศูนย์บัญชาการนั้นเห็นภาพจากกล้องที่ติดกับจรวดตั้งแต่ถูกปล่อยจนไปกระทบกับเป้าหมาย แต่สำหรับรองสุพจน์ข่าวการตายของกำนันน้อมมันเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ก่อนหน้านั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมีนักการเมืองคนดังได้โทรมาหารองสุพจน์ เพื่อต่อรองในการพากำนันน้อมเข้ามอบตัวพร้อมกับขอร้องว่าอย่าพึ่งตามล่าหรือกดดันกำนันน้อมให้มากไปกว่านี้ และพร้อมที่จะเป็นคนกลางที่จะพากำนันเข้ามอบตัว รองสุพจน์ไม่รับคำในเรื่องการกดดันแต่ยินดีที่กำนันจะเข้ามอบตัวสู้คดี ถึงตอนนี้กำนันนั้นหาชีวิตไม่แล้ว รองสุพจน์นั้นยิ้มออกมาอย่าสะใจก่อนที่รองพิชญ์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจะหันมาแล้วส่งมือให้รองสุพจน์ ทั้งสองต่างจับมือแสดงความยินดีแต่ไม่พูดอะไรมีแต่หัวเราะเบาๆก่อนที่รองสุพจน์จะรีบโทรศัพท์ไปรายงาน ผบ.ตร. ที่กำลังรอฟังข่าวนี้ที่กรุงเทพ
ส่วนแคนนั้นใช้หลังจากที่กลับมาถึงจุดหมายที่จะถอนตัว ระหว่างการเฝ้ารอนั้นทั้งสองต่างใช้กล้องส่องไปยังทิศทางของโรงงานและทำให้เห็นกลุ่มควันอย่างชัดเจน แต่จังหวะที่นายดาบใช้กล้องมองกลับไปที่ถนน ภาพที่เห็นทำให้เรียกแคนด้วยเสียงหนักๆ
“หมวดดูโน่น”
ภาพที่ปรากฏให้เห็น คือมีรถ 3-4 คัน หนึ่งในนั้นเป็นรถ 6 ล้อ ที่บรรทุกทหารว้าแดงกำลังมุ่งหน้ามาที่ซากรถที่ถูกจรวดตรงจุดปะทะ พวกที่มาใหม่นั้นเป็นพวกว้าที่คุ้มกันโกดังและจากด่านตรวจแรก ที่มาช้าเพราะระหว่างที่ได้รับแจ้งจากขบวนกำนันน้อมว่าถูกโจมตี เป็นจังหวะที่ทหารว้าจากด่านตรวจแรกกำลังมาที่โกดังเพื่อมาช่วยในการรื้อค้นซากโกดัง พอได้รับแจ้งนายทหารที่ควบคุมได้สั่งให้รอกำลังหนุนที่จะเดินทางมาก่อนทำให้ล่าช้าออกไปแถมมีเสียงระเบิดจากโรงงาน ทำให้เกิดห่วงหน้าพะวงหลังแต่นายทหารที่เป็นหัวหน้าตัดสินใจเดินทางมาที่จุดปะทะก่อน จากภาพที่เห็นมีแคนประมาณการได้คร่าวๆว่ามีพวกว้าประมาณ 30 คน และคงจะมาถึงเนินเตี้ยๆที่แคนเคยซุ่มอยู่ในเวลาไม่เกิน 5 นาที
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน