ทะยานสู่โลกมืด ตอนที่ 2 | two-hitchhikers.ru

ทะยานสู่โลกมืด ตอนที่ 2

  • 2 ตอบ
  • 2825 อ่าน
*

ออฟไลน์ cd13579

  • Global Moderator
  • *****
  • 1680
  • 1073
  • ชายผู้มีโครงการเต็มหัว แต่ไม่มีปัญญาเขียน
    • ดูรายละเอียด
ทะยานสู่โลกมืด ตอนที่ 2
« เมื่อ: เมษายน 17, 2021, 02:23:47 am »

ตอนที่ 2

“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!! แน่ใจนะว่ารายงานไม่ผิดพลาด”
ชายร่างสูงโปร่งในชุดเกราะโลหะสีแดงสลักหลายเปลวเพลิงครึ่งท่อนล่าง กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อหู

“ขอรับท่านลอรด์โอเวอร์ รายงานนี้ตรวจสอบแล้วหลังจากผนึกถูกทำลาย กองทัพมารก็เปิดเส้นทางละเลงเลือดจากตราผนึกไปทั่วทุกทิศ เมืองใกล้เคียงต่างโดนบุกถล่มหมู่บ้าน นิคม ชุมทางถูกพวกมันเผาทำลาย ประชาชนบริเวณนั้นเริ่มอพยหนีมาเรื่อยๆครับ”
“ข้ารู้แล้วอัล แต่ที่ข้าไม่เชื่อคือ นาง นางตายแล้วจริงๆเหรอ?”
ลอรด์หนุ่มนั่งลงบนเตียงสนามในกระโจมอย่างหมดแรง ใบหน้าสีแทนอย่างคนที่ใช้ชีวิตกชางแดดบัดนี้ขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษข้างเตียงมีเกราะและดาบคู่ใจวางไว้ ในกระโจมมีแต่ตำราแผนที่และยุทธโปกรณ์อื่นๆวางอยู่เต็ม ทั้งที่นี่คือกระโจมส่วนตัวของหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรเดอะเฮลวอริเออร์อาณาจักรใหญ่ในดินแดนแถบนี้ อาณาจักรที่มีแต่ยอดฝีมือและขุนผลชั้นเลิศมากมาย เป็นอาณาจักรที่ขึ้นชื่อเรื่องสงครามและการทหาร

“ท่านอัลบัล,ท่านลอร์ด ลอร์ดโคม่ามาถึงแล้วครับ”
นายทหารในเกราะเงินคนหนึ่งเดินมาในกระโจมเพื่อแจ้งข่าว โอเวอร์สะบัดมือไล่ทั้งสองก็เดินออกไปทันที

โอเวอร์ลุกขึ้นและเดินไปรื้อของในกล่องก่อนหยิบสร้อยจี๊แก้วขึ้นมาถ่ายพลังเวทย์ลงไปเล็กน้อย แท่งแก้วเรือวแสงและฉายภาพออกมา ที่แก้วแท้แก้วนี้คือคลังภาพที่เก็บข้อมูลในโลกแห่งนี้ แต่ถึงกระนั้นแท่งแก้วพวกนี้ก็มีราคาแพงมากเพราะเป็นไอเท็มเวทย์มนต์ คนธรรมดาจึงนิยมภาพวาดเหมือนมากกว่า แต่การที่เขาเลือกใช้แท่งแก้วเก็บภาพไว้แสดงว่ามันต้องเป็นภาพสำคัญมากสำหรับตัวเขา
แต่ภาพที่แม่ทัพหนุ่มเก็บหาใช่วงเวทย์โบราณหรือตำราอาคมกลยุทธใดๆ แต่เป็นรูปสตรีคนหนึ่ง ในรูปนั้นอายุแค่ราวๆ15ปีแต่ก็ดูแล้วงดงามยิ่ง โอเวอร์วางแท่งแกล้วก่อนจะใช้มือเลือนเปลี่ยนภาพที่ภายบนอากาศ

รูปที่เปลี่ยนคือพัฒนาการของหญิงคนนั้น ในอริยาบทต่างๆ จนมาที่ชุดเกราะสีขาวคาดปืน พร้อมดาบและโล่ห์ในมือ เธอคือเฟนเทียร์ วีรสตรีผู้เก่งกาจที่สุดของวิหารแห่งแสง กองทัพเล็กๆที่แม้แต่ราชาแห่งพวกเขาก็ไม่อยากทะเลาะด้วย แต่นั้นไม่สำคัญ สำคัญคือโอเวอร์แอบชอบนางมานานแสนนานแล้ว แต่นางกลับไม่เคยรู้เพราะเขาเองขี้ขลาดมากกว่าจะบอกนาง จนนางจากเขาไปเสียแล้วในคืนเมื่อวาน ในเขตชนบทห่างไกลจากเขาเหลือเกิน

“ไหนคือบอกว่าถ้าข้าเอาชนะเจ้าได้ เจ้าจะยอมแต่งงานกับข้าไง ไยเจ้าต้องใจร้อนแบบนี้”
เขารำพึงเสียงสั่น ชายหนุ่มกลั้นน้ำตาและหวนถึงคำพูดของนางเมื่อเขาตามกองทัพของราชาแห่งเฮลวอริเออร์ไปซ้อมรบกับกองทัพแห่งแสง นางเป็นบุตรของนักเวทย์ที่ร้ายกาจที่สุดในกองทัพแห่งแสง เด็กในวัยเดียวกันไม่มีใครสู้นางได้ เขาเองก็ด้วย
นางเคยคะนองปากว่าใครชนะนาง นางจะยอมเป็นภริยาเล่นเอาแม่ทัพขุนศึกหลายสิบคนต่างขันอาสาแต่ล้วนแล้วแพ้พ่ายขายขี้หน้าไปทุกราย โอเวอร์ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงองค์รักษ์ฝึกหัดฝีมือไม่เอาอ่าวเท่านั้นเลยได้มองนางอยู่ไกลๆ จนพักหลังเริ่มเติบโตมีหน้ามีตาบ้างจึงได้รู้จักนาง แต่ก็ทำได้เพียงพูดอย่างสหายร่วมศึกเท่านั้นไม่ได้สนิทชิดเชื้อแม้แต่น้อย

เขาลุงทุนแอบซุ่มซ้อมฝึกตนเองมาหลายปีอีกไม่กี่เดือนเขาก็จะบากหน้าไปดวลกับนางแล้วแท้ๆแต่ก็เกิดเรื่องซะก่อน
เมื่อคิดได้ถึงสาเหตุที่นางตาย เขาก็กัดฟันกรอดจิตสังหารร้อนระอุแผ่ออกตัวช้าๆ ดาบเล่มใหญ่ร้องหึ่มๆรับกับจิตสังหารของนายมัน

โอเวอร์เก็บจิตสังหารลงก่อนจะหันไปมุมเปล่าๆของกระโจมก่อนจะจ้องมันด้วยสายตาเชิงตำหนิ
“โคม่า ไอ้เวรนิสัยเสียข้อบอกแล้วว่าไม่เกรงใจข้า ก็เกรงใจยศบนไหล่ข้าบ้าง”
มุมวางเปล่าของกระโจมพลันเปลี่ยนสีเป็นดำก่อนจะปรากฎนักรบในเกราะครึ่งบนทำจากหนังสัตว์เลื่อยคลานสีดำ ที่เอวมีมีดสองเล่มปลอบมีดประดับทองแกะรอยประดับลวดลายอสรพิษสีม่วงคาดไว้
“พักนี้เจ้ายศเจ้าอย่างขึ้นนะสหาย”
ชายผิวเข้มร่างกำยำ มีรอยบากที่หางคิ้วยาวขึ้นขมับและริมฝีปากถึงโหนกแก้ม ผมสีเทาเหมือนควัน
มันคือโคม่าขุนพลแห่งเฮลวอริเออร์เช่นตนพ่วงด้วยตำแหน่งลูกเขยของราชาของเขาผู้เป็นสหายศึกรบร่วมกันกับเขามาหลายสิบสมรภูมิสหายสนิทของเขา

“ไม่ใช้เจ้ายศอะไร แต่แกนะหัดมีความเกรงใจบ้างสิ”
เขารีบคว้าแท่งแก้วไปเก็บในกระเป๋ากางเกงกลบเกลื่อนสิ่งที่ทำอยู่

มันเป็นนักรบชั้นยอดและมือสังหารชั้นพระกาฬ ในแถบนี้ใครเขาชื่อมันไปขู่เด็ก เด็กรีบหลบเข้าบ้านด้วยความกลัว เป้าหมายจะเป็นใครหากราชาบัญชามามันก็ไปเด็ดหัวได้แทบทุกครั้ง บ้างครั้งก็แถมอีกหลายหัว เผาคลังอาวุธด้วยก็มี ระเบิดวังเผาเมืองก็เคย เลยว่าเป็นตัวก่อวินาศภัยเดินได้คงไม่เกินเลยไปนัก
“เจ้าอัลไปไหนละ ทำไมไม่ตามมาเจ้ามาด้วย” โอเวอร์หยิบเก้าอี้ออกมาให้เพื่อนนั่งก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงตัวเอง

“ข้าให้มันรอหน้ากระโจมแล้วข้าก็แอบแวบออกมา ป่านนี้ยังยืนตากแดดอยู่เลยมั้ง”

“ก็เกือบขอรับท่านแม่ทัพโคม่า โชดดีข้าแอะใจเลยลองเดินเข้าไป ไม่งั้นข้าคงรอจนแห้งตายกลางแดดไปแล้ว”
อัลมือโผล่พรวดมาในกระโจมตอบสหายเจ้านายมือขวามาพร้อมกับน้ำชาหนึ่งกาและสองแก้ววางไว้ที่หน้าทั้งคู่
“ว่าแต่ร้ายแรงแค่ไหนแล้ววะ ไอมารบ้านั้น”
โคม่าถามด้วยท่าทางจริงจิงผิดกับท่าทีกวนโอยเมื่อครู่
โอเวอร์เองก็สีหน้าเครียดขึ้นก่อนจะโบกมือไปมา โต๊ะยุทธการในกระโจมก็ฉายภาพแผนที่ออกมา แต่มีจุดดำๆกำลังขยายเขตสีดำออกมาเรื่อยๆพร้อมๆกับรายงานโดยละเอียดของแต่ละพื้นที่ โคม่ารีบลุกขึ้นไปดูก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียความเสียพุ่งขึ้นกว่าที่คาด

“เข้าใจเหตุผลที่ข้าต้องเรียกเจ้าและคนอื่นๆ มาช่วยข้าไง ยิ่งนานวันจอมมารจะได้พลังคืนมาเรื่อยๆครบ 100 วันเมื่อไหร่ต่อให้ยกมาทั้งแผ่นดินหรือไปนิมนต์เอลลฟ์มาก็ไม่ช่วยแล้วแน่ๆ”
โอเวอร์ลุกเดินมาที่โต๊ะวางแผนใส่ตัวเลขที่พึ่งทราบใส่ในวงเวทย์แสดงผลตรงหน้าภาพที่แสดงก็ปรับไปตามข้อมูลใหม่เป็นอุปกรณ์เวทย์มนต์ที่ล้ำหน้าสำหรับวางแผนการรบที่เหนือกว่าอาณาจักรอื่นๆ

“15 เมือง 28 หมู่บ้าน 33 ป้อมปราการ มันฆ่าไปสามล้านกว่าคนใน 7 วันเนี่ยนะ คนอื่นจะมาสบทบที่ไหนเราต้องเชือดมันให้เร็วที่สุด”
โคม่าถามขึ้น เขาไม่อาจปล่อยให้พวกมันเหยียบย่ำแผ่นดินไปมากกว่านี้ได้ ตัวเลขผู้ประสบภัยพุ่งสูงจนโคม่าไม่อาจใจเย็นทำเป็นเล่นได้อีก

“ใจเย็นไอ้เสือ เราจะไปรวมกับครูส โจอี้ และอาจจะมากกว่านี้ที่ป้อมออก้า รวมกับอาณาจักรใกล้เคียงและเดินทางไปฆ่ามัน รวมระยะเวลาไม่เกิน 5 วัน”

โคม่าตบเข่าฉาด เขาพร้อมที่จะละเล็งเลือดพวกมันแล้ว แถมไอ้ตัวร้ายๆแบบพวกเขายังจะได้มาร่วมศึกด้วยกันในรอบหลายปีอีกด้วยหลังจากกระจายกันไปรบทั่วทวีป
อาณาจักรเดอะเฮลวอริเออร์ บ้างครั้งก็ให้ทหารไปรบเป็นทหารรับจ้างเป็นรายได้สำคัญอีกทางหนึ่งของประเทศนอกจากอุตสาหกรรมแร่ชนิดต่างๆ
“กองพลของเจ้าเหลืออยู่ครบอัตตรานะสหาย”
โอเวอร์ถามขณะกำลังจัดแจงเพิ่มรายการกำลังพลในกระดาน พอเพื่อนพยักหน้าเขาก็จัดการอย่างรวดเร็ว

ต่อจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งลงและเริ่มวางแผนในการรบขั้นต่อไปแต่ไม่ทันจะเริ่มทำอะไรนอกกระโจมจนเกิดเสียงโวยวายขึ้นภายนอกจนเขาถึงกับแปลกใจ เพราะวินัยในกองทหารเขาเข้มงวดมากการที่ทหารโวยวายกันขนาดนี้ต้องมีเหตุผลแน่ๆ
ฟูมมมมมม! ตรึมๆๆๆๆ ตูมมมมม!
เสียงระเบิดดังขึ้นติดๆกันพร้อมกับแสงสวางและไอร้อนจากแรงระเบิดก็ทำให้ทั้งสามในกระโจมรีบออกไปทันที

“อ้ากกกกกกก ร้อนนนน ช่วยด้วย ช่วยข้าที”
ทหารคนหนึ่งวิ่งไฟท่วมตัวออกมา เต้นท์หลายหลังไฟท่วมทหารวิ่งกันวุ่นวายไปทั่วม้าศึกตื่นกลัวร้องระงมปนกับเสียงคนเจ็บที่ร้องครางอย่างเจ็บปวด
“ไอ้หน่วยที่กางเขตเกราะเวทย์มันหายหัวไปไหนวะ” นายทหารวัยกลางคนในชุดพร้อมรบสีเงินแต่ขอบเกราะประดับทองบอกยศที่สูงที่คอเสื้อเกราะประดับสีแดงเพลิงบอกสังกัด ปลัดทัพผู้มีอำนาจรองจากเขาเดินมาพร้อมกองทหารตั้งขบวนพร้อมรบออกมาจากด้านหนึ่งของค่ายพักก่อนจะมองหาสาเหตุการระเบิดก่อนจะหลุดปากออกมา
“มังกร! มังกรเพลิงมาร 7ตัว !!! บ้าไปแล้ว ไม่น่าเชื่อ บินมาจากไหนวะเนี่ย”

ตัวต้นเหตุระเบิดคือมังกรสีดำสนิทดวงตาแดงฉาน ปีกสองคู่ขนาดพอๆสองคนนอนต่อกันร้องขู่คำรามบนฟ้า แถมยังมีอีก 6 ตัว มังกรเป็นสัตว์ที่ร้ายกาจลำดับต้นๆเทียบกับสัตว์ชนิดอื่น ต่อให้พวกนี้จะไม่ใช่ระดับสูงของเผ่าก็เหอะ โอเวอร์แน่ใจว่าพิษสงร้ายกาจมากเพียงตัวเดียวก็เคยมีบันทึกว่าทำลายกองทัพเล็กๆได้หมดจดแล้ว แต่พวกเขาต้องเจอมัน 7 ตัวพร้อมๆกัน
มังกรร้ายมองฝูงมนุษย์ที่พื้นก่อนจะร้องคำรามขู่ขวัญแล้วรวบพลังเวทย์พ่นกระสุนเพลิงดำสนิทออกมาชุดหนึ่ง

“ทหารหลบ!” ปลัดทัพตะโกนบอกลูกน้องเมื่อมันยิงลงมาใส่กลางวงพวกเขา
แต่โอเวอร์กลับยิ้มออกมาและพูดเบาๆขึ้น
“อัล รู้หน้าที่ดีอยู่แล้วนะ”

ชายในชุดสูทธผ้าไหมหรูราวกับเป็นพ่อบ้านในคฤหาสน์หรูเดินออกมาก่อนแหวนในมือขวาที่เรืองแสง อัลตบมือไปที่พื่นแรงๆก่อนวงเวทย์จะแผ่ออกไปทั้งค่ายและแปรสภาพเป็นโดมเกราะทรงกลมล้อมค่ายเอาไว้มิดก่อนลูกไฟถึงตัวค่ายพอดี
บึมๆๆๆๆ
เสียงปะทะกันของเกราะและระเบิดเพลิงดังไปทั่วพื้นที่พร้อมๆกับสะเก็ดไฟที่กระจายออกไป ม่านพลังสั่นเล็กน้อยแต่เพลิงมังกรไม่อาจเจาะเกราะเข้ามาได้ ซึ่งนั้นก็ทำพวกมันไม่พอใจมังกรเพลิงมารสามตัวบินตีวงลงมาชนเกราะแต่มันกลับกระเด็นถอยไป เกล็ดมังกรที่แข็งแกร่งแตกออกเป็นทางยาว มันร้องอย่างเจ็บปวดแต่ก็ยิ่งทำให้เป็นบ้าคลั่งไปอีก มันทั้งสามบินวกกลับมารวบรวมพลังอัดลำแสงเพลิงใส่เกราะพลังอย่างสุดกำลัง

เพลิงดำสามเส้นทำเอาเกราะพลังปริร้าวขึ้น โอเวอร์มองมือขวาคนสนิทราวกับดูว่าจะทำไรต่อไป
อัลเก็บไม่มีสีหน้าตื่นกลัวใดๆ เขาตวัดมือไปมาในอากาศวาดวงเวทย์ขึ้นทีละวงอย่างใจเย็นปากพึมพำร่ายเวทย์ในครบห้าวงก็ประทับลงที่รอยเดิม

“เกราะผลึกห้าผสาน”
 เขาตวาดชื่อเวทย์ออกมาเกราะพลังที่ร้าวก็คืนสภาพและมีเสาแสงขึ้นมาแต่ละด้านเป็นทรงห้าเหลี่ยมม่านยังแข็งแกร่งขึ้นจนลำแสงเพลิงกระท้อนออกไปไม่อาจทำความเสียหายได้แม้แต่น้อย

“ทหาร ลุกขึ้นตั้งขบวนจัตรุส เรียกหน่วยหน้าไม้ใช้ลูกดอกลงอาคมกระจายไปตามด้านกำแพงค่าย ส่วนที่เหลือแยกเป็นหน่วยย่อยสอยมันลงมาให้ได้ ทหารเวทย์เสริมพลังลูกธนูซะ พลปืนเล็งจุดเนื้ออ่อนมันยิงดวงตา ท้อง สันจมูก ยิงเอาแม่นๆเลยเราต้องประหยัดลูกปืน พลดาบและหอก ที่มีโลห์คุ้มกันพวกหน่วยยิงไกล ที่ไม่ได้รับคำสั่งไปช่วยดับไฟและดูแลคนเจ็บ และทหารม้าไปเตรียมม้าให้พร้อมด้วย"
โอเวอร์สั่งการลงไปนายทหารที่กระโจนหลบเมื่อครู่ลุกขึ้นมาก่อนจะรีบสั่งการควบคุมต่อทันที
ไม่นานเหล่าทหารก็เริ่มตอบโต้ลูกศรชุดแรกที่สาดไปยังมังกรตัวหนึ่ง มันไม่หลบเพราะมั่นใจในเกราะเกล็ดของเผ่าพันธ์ ซึ่งหนาจนธนูไม่กล้ำกราย แต่ไม่ใช่ธนูของทหารของโอเวอร์
ฉึกๆๆๆๆๆๆๆๆ
กาซซซซซซซ!!!!
มันร้องอย่างตกใจ พร้อมกับบินสูงขึ้นและพ่นไฟทำลายธนูที่พุ่งใส่แทบไม่ทัน

ทหารหลายคนไม่มีความดีใจแม้จะยิงเข้าแต่มันกลับไม่บาดเจ็บอะไรมากพวกเขายังห่างไกลกับชัยชนะ
ฉับๆ ฉูดดดดดด

มังกรตัวหนึ่งโดนลอบจู่โจมจากชายหนึ่งคน มีดของเขากรีดเกล็ดมันราวกระดาษโลหิตของมันพ่นกระจายไปทั่วมันรีบมองหาคนที่ทำร้ายมันแต่นั้นเป็นภาพสุดท้ายที่มันเห็น คือชายคนหนึ่งยืนติดกับหน้าท้องมันราวกับยืนบนพื้นราบ มีดทั้งเล่มฉายประกายสีม่วงเข้ม
ก่อนจะตวัดใส่หน้ามันพร้อมกัน
“เขี้ยวงูสะบั้นคอ” โคม่าที่พรางตัวและอาศัยเหยียบลูกศรต่างบันไดปืนขึ้นไปบนฟ้า ฉวยโอกาสโจมตีมันและสังหารมันด้วยการสะบั้นคอมังกรในท่าเดียว หัวขนาดโอ่งน้ำปลิวหลุดออกมา โลหิตสีแดงเข้มจนแทบจะเป็นสีน้ำตาลทะลักออกมาพร้อมร่างที่ร่วงหล่นลงพื้นมังกรที่เหลือเห็นพวกมันที่ตกลงไปที่พื้นก็ต่างพร้อมใจกันยิงลำแสงเพลิงใส่ศพเพื่อนมันพร้อมๆกับโคม่าทันที

ซูมมมมมมม บรึมมมมมมม!!!!!
ร่างของมังกรตัวนั้นขาดรุ่งริ่งราวผ้าขี้รั้ว และไหม้เกรียม มันคิดว่าศํตรูตัวร้ายคงหายไปกับอำนาจทำลายล้างแล้ว แต่นั้นไม่ได้ใกล้เคียงความจริงเลย

ฉึกกกก มีดยาวแทงเข้าที่ดวงตาของมังกรตัวท้ายสุดของฝูง มันดิ้นและร้องอย่างเจ็บปวดมังกรอีกตัวใกล้ๆพ่นบอลไฟใส่ขุนพลนักฆ่าทันทีแต่โคม่ากลับบิดมีดทำให้มังกรตัวที่โดนแทงตาสะท้านบินเซไป ทำให้ลูกไฟของเพื่อนมันโดนตัวมันเสียเอง
โคม่าป่วนมันทั้งหกตัวราวกับวิ่งเล่นไปมาในสวนสนุก แต่เมื่อสบโอกาสมังกรที่พลาดก็จะเจอกับแผลฉกรรจ์
“ทหารยืนอึ้งทำไมยิงต่อสิวะ”
โอเวอร์ที่เดินเข้าไปใส่เกราะกับหยิบดาบที่เดินออกไปเรียกให้ทหารที่กำลังอิ้งได้สติและเริ่มยิงต่อ
ม่านลูกธนูและกระสุนเวทย์นาๆชนิดปลิวใส่สูงขึ้นบนท้องฟ้า แต่นั้นกลับทำให้โคม่าทำงานสะดวกขึ้นอีกเท่าตัวพลังทำลายของทหารไม่อาจฆ่ามันโดยง่ายโอเวอร์แค่หวังให้ทำลายโอกาสสร้างจังหวะให้เพื่อนเท่านั้นในขณะที่โคม่ากำลังปั้นหัวมังกรโอเวอร์ก่อนเดินดุ่มๆออกจากม่านพลังของอัลราวกับไม่เห็นมังกรที่บินไปมาอยู่บนหัว

นายทหารหลายคนรีบมองตามราวกับเจอสิ่งหายาก บางคนวิ่งไปเอาแท่งแก้วเก็บภาพมาถ่ายโอเวอร์ไว้
ทหารหลายคนก็มองออกไปอย่างสงสัยว่าแม่ทัพตนเดินออกไปทำไม

อัลรีบสั่งให้ทหารกระเถิบหนีออกมาจากโอเวอร์ทันที เขาไม่ชอบลงมือบ่อยๆ เขาเป็นประเภทให้ลูกน้องสร้างผลงานตามแผนซะเป็นส่วนมาก
แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไร้ฝีมือ
โอเวอร์ชักดาบที่สะพายหลังออกมาก่อนจะตวัดไปมาวอร์มมือก่อนจะเกร็งพลังเวทย์ไว้ที่ดาบจนดาบแดงฉานราวแท่งเหล็กร้อน ไอความร้อนและพลังจิตสังหารทำให้เหล่ามังกรหันไปมองโอเวอร์เป็นทางเดียวกัน มังกรสี่ตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุด มันทุกตัวล้วนสัมผัสถึงอันตรายสามตัวรีบบินโฉบใส่เขาทันที ร่างขนาดน้องๆคชสารบินโฉบใส่เขา ตัวสุดท้ายบินสูงขึ้นไปหามุมยิงลำแสงใส่เพลิงใส่

“ดาบนี้เพื่อเฟนเทียร์ ดับไปซะไปแย้สวะ”
ดาบเพลิงพิโรธ
คลื่นดาบสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ตวัดออกจากดาบในมือเขา คลื่นพลังราวกับจะผ่าอากาศให้แยกออก คลื่นพลังพุ่งเหินขึ้นไปปะทะกับฝูงมังกรที่ถลาเข้ามาและคลื่นดาบนั้นผ่ามังกรสามตัวขาดกระจุย แผลที่ขาดยังติดไฟ ซากมังกรทั้งสามร่วงลงมาราวกับลูกไฟ

โอเวอร์มองผลงานอย่างขัดใจ มังกรตัวสุดท้ายที่พ่นลำแสงบินเอี้ยวตัวหลบคลื่นดาบทัน มังรีบบินสูงขึ้นก่อนจะยิงลำแสงใส่เขาอย่างลนลาน แต่มันกลับตะลึ่งโอเวอร์กลับกระโดดพุ่งสวนลำแสงเพลิงมาราวกับเดินฝ่าน้ำสายเบาๆ เขาดีดตัวขึ้นไปตวัดดาบใส่ท้องมันแผลขนาดใหญ่เป็นรอยกากบาทมันร้องอย่าเจ็บปวดก่อนที่ร่วงลงมา แต่โอเวอร์ใช้เพลิงที่เท้าพุ่งเปลี่ยนทิศกลางอากาศแทงดาบเข้าที่คอและอัดพลังเวทย์ลงในดาบ กระแทกมันลงมาที่พื้นดินเป็นหลุมยักษ์เมื่อมันหล่นถึงพื้นเจ้ามังกรโชคร้ายก็ดิ้นพล่านมีแต่ควันลอยออกมาจากปากและจมูก ลำคอที่ถูกแทงเป็นเผลไหม้ละลายไปเรียบร้อย ไม่นานก็ดับดิ้นไปอีกตัว

มังกรตัวสุดท้ายมองเพื่อนอีกตัวที่โคม่าตัดปีกและกำลังผ่าท้องลากไส้ออกมาชมก็รู้ตัวมันต้องหนีแล้วมันหันหลังกลับและสะบัดปีกบินห่างออกไปแต่กองทัพแห่งเฮลวอริเวอร์ หนีได้ง่ายซะที่ไหนกัน

อัลที่ยืนดูอยู่นานก็ดีดนิ้วโซ่แสงก็พุ่งไปรัดมังกรตัวสุดท้ายลงมาที่พื้นปิดผนึกไม่ให้มันบินหนีไปไหนได้

เหล่าทหารมองแม่ทัพทั้งสองเดินเข้ามาในม่านพลัง
“เพลิงราชาโอเวอร์! เงายมทูตโคม่า! เฮๆๆๆ”
แต่โอเวอร์กลับตวาดใส่เหล่าทหาร
“หน่วยเวทย์มนต์และเวรยามเวลานี้รายงานตัว!!”
เสียงเฮเงียบลงทันตา ครู่เดียวทหารสองหน่วยเดินออกมาจากพรรคพวกตั้งแถว
“พวกเจ้าทำให้เพื่อนทหารบาดเจ็บ พวกเจ้าละเลยเวรยามมีอะไรจะแก้ตัวมั้ย”

เสียงครื้นเครงด้วยชัยชนะกลับเงียบเป็นป่าช้าไม่มีแม้เสียงหายใจได้ได้ยิน
“ไม่มีใช่มั้ย อัลพามันไปฆ่ามังกรตัวนั้นให้ได้  พวกเจ้าจะรอดก็ต่อเมื่อเจ้านำหัวใจมันกลับมาให้ข้าไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับมาที่นี้อีก จำให้ดีหัวมังกรมา ไม่มีก็ใช้หัวพวกเจ้าไปซะ”

โอเวอร์หัวเสียมากที่ทหารยามไม่มีใครระวังตัว แม้ค่ายจะอยู่ในแดนปลอดภัยก็ตามกองทัพต้องระวังตัวอยู่เสมอที่เขาให้ทหารรบแทนตัวเป็นส่วนใหญ่ก็เพราะเป็นการสร้างประสบการณ์ในสนามจริงเป็นการฟูมฟักทหารพวกนี้ให้เติบโตเป็นนายทหารเป็นแม่ทัพที่ดีในอนาคต เขาเดินเข้าไปในกระโจมถอดเกราะออกและเข้าไปอาบน้ำล้างเลือดและออกมา
ไม่นานนักอัลก็นำทหารกลับมาพร้อมหัวใจมังกรและเหล่าทหารก็ลากสังขารที่อ่อนล๊าไปพักผ่อนในกระโจม

โอเวอร์เดินเข้ามาตามด้วยอัล
“เจ้าทำตามนโยบายเดิมใช่มั้ยอัล”
อัลนั่งลงก่อนถอนหายใจด้วยความเหนื่อย
“ครับนายท่าน แค่ค่อยช่วยทหารพวกนั้นฆ่ามังกร และสอนพวกมันสู้ให้ดีขึ้น
นายท่านน่าจะให้ข้าเชือดมันทิ้งเลยต้องเป็นครูเลี้ยงเด็กประถมแบบนี้เหนื่อยกว่าฆ่ามันเอง้สียอีกขอรับ”

โอเวอร์ส่งเหยือกน้ำให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ซดโฮกกกก
“เราจำเป็นต้องมีบทลงโทษพวกมัน แต่ข้าก็ไม่ใจร้ายขนาดส่งมันไปตายก็เลยต้องพึ่งเจ้า คิดซะว่าฝึกพิเศษให้พวกมันละกัน”
อัลเช็ดปากปาดเหงื่อก่อนจะพูดต่อ
"หน่วยแบล็คเบิร์นเป็นหน่วยที่มีศักยภาพสูงครับ เสียแต่นายกองยังหนุ่มยังไม่มีประสบการณ์พอ"
"ข้ารู้จักมัน ไอ้เด็กหัวดำที่เก่งที่สุดในสถาบันนายทหาร มันมีแววแต่คงต้องใช้เวลาขัดเกลาอีกเยอะ"
ทั้งสองคุยรายละเอียดกันไม่นานอัลก็ไปพักผ่อน

คืนนั้นพวกทหารต่างไปนำซากมังกรที่ยังดีๆมาเก็บทั้งหนังเกล็ดเล็บเขี้ยวส่วนตัวต่างที่กินได้ถูกนำมาปรุงตามคำสั่ง โอเวอร์ซดซูปไข่มังกรซึ่งเป็นยาบำรุงถ้วยแล้วถ้วยเล่า งานฉลองเล็กๆดำเนินจนเกือบเช้าก่อนเที่ยงพวกเขาก็เคลื่อนพล และก็เจอกับฝูงอสูรบินได้ที่บินเลาะเข้ามาก่อกวนพวกมนุษย์ตามคำสั่งจอมมาร

โอเวอร์ละทหารของเขาต่างเคลื่อนพลไปมาพวกมันอย่างไม่กลัวเกรง

2 วันต่อมาโอเวอร์ที่นำทหารไปสู่ป้อมที่รอเขาอย่างปลอดภัย โดยทิ้งกองทัพอสูรที่ขวางทางไว้ตลอดทาง ฝูงอสูรก่อกวนที่แถบนี้ไม่เหลืออีกต่อไป

ณ วันเดียวกับที่โอเวอร์เดินทางห่างออกไปนับพันๆกิโล ณ อดีตเมืองโอลการ์ดเดี้ยนที่บัดนี้กลางเป็นศูนย์กลางของเหล่าปีศาจ ราชวังที่ใหญ่โตของมนุษย์ถูกดัดแปลงเป็นวังของจอมมาร

ร่างสูงดำยำนั้นเดินลงมาจากบัลลังก์ดำ แม้ไร้ดวงตาไปข้าง ก็ยังคงน่าสะพึงกลัว มือข้างหนึ่งของราชาปีศาจบีบขยี้หัวของออร์คตนหนึ่งแหลกเป็นชิ้นๆ ไม่ว่าอย่างไร มันก็คือจอมมาร จอมมารคือหายนะที่มีชีวิต

ใช่ ครั้งนี้เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ไม่สบอารมณ์ที่มนุษย์เพียงคนเดียว สามารถสร้างความเสียหายให้กับกองทัพของเขา และรวมถึงตัวเขาเอง ได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ค้อนเหล็กถูกจอมมารร่างยักษ์ ยกขึ้นมาเหนือหัวอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะหวดฟาดลงไปกับพึ้นดินร่างของกากอลย์ตนหนึ่งแหลกเป็นเศษเนื้อ ก่อนที่ค้อนจะถูกโยนออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงหินพร้อมๆกับหัวราชาแมลงที่แหลกไปติดผนังเช่นกันเจ้าแห่งมารร้ายขบฟันด้วยโทสะ

มันระบายอารมณ์เท่าไหร่ก็ยังไม่พอใจ เล่นเอาพวกปีศาจตนอื่นๆ ถึงกับขวัญผวาด้วยความหวาดกลัวว่าชีวิตจะถูกนำมาระบายโทสะเป็นรายต่อไป ก่อนที่ร่างของสตรีปีกดำก็ปรากฏกายขึ้นเสียก่อนที่ด้านหลังของจอมมารร้าย พลางใช้มือโอบไหล่ เป็นทำนองว่าไม่ให้เครียดเกินกว่าเหตุ จอมปีศาจหันมาที่ร่างงาม นางปีศาจกำลังยิ้มแย้มอย่างยั่วยวน ราชามารพูดขึ้นพลางเอามือลูบที่ใบหน้าและลำคอขาวๆ

"เจ้าไม่รอข้าอยู่ที่ปราสาทของเจ้าหรอกหรือ เนลีเดีย"
ปีศาจสาวปีกดำหัวเราะ ด้วยเสียงทรงสเน่ห์ แต่ก็แฝงไปด้วยความยั่วยวน
"ได้ยินมาว่าท่านไม่พอใจกับผลการรบ ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ สามีแห่งข้า"
"ตาย 3 ใน10 แถมตัวข้าเองก็เป็นแผลจากดาบศักดิ์สิทธิ์ไปหลายแห่ง กว่าบาดแผลจะหายดี คงกินเวลาเป็นสัปดาห์"
"ก็ไม่เห็นว่าท่านจะต้องลำบากใจขนาดนี้ไม่ใช่หรือ ท่านจอมมาร การรบนั้นไม่ใช่ว่าท่านต้องไปเองทุกศึก ให้พวกแม่ทัพ
ไปแทนก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหา แต่ว่าท่านนะควรจะพักผ่อนบ้างนะ สามีแห่งข้า"

มารสาวตรงเข้าไปซบร่างกับสามีของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจูงเขาเข้าไป
หลังม่าน ร่างของนางปีศาจถลกอาภรณ์ออก เผยให้เห็นปทุมถันใหญ่โตล้นมือ ขาวผ่องเป็นย่องใย เอวของกิ่วอรชร
อ้อนแอ้น เนินสวาทโหนกนูนมันอ้าออกเห็นเนื้อในแดงสดและเยิ้มฉ่ำพร้อมรับการสอดใส่ ร่างที่กระตุ้นราคะรุนแรง ทำให้จอมมารโผจูบปากเข้ากับปากของอสูรค้างคาวผู้เลอโฉม

ก่อนลิ้นทั้งสองจะพัวพันซึ่งกันและกัน มือของจอมมารบีบนวดไปตามเต้างามของเธอจนล้นทะลักออกตามซอกนิ้ว ก่อนที่จอมมารจะเลียส่วนลำคอของปีศาจสาว ที่ครวญครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน
"อะ อะ อะอะ อ้าาาาา ยอดรักของข้า ข้าคิดถึงท่านจัง กี่คืนจ้าก็รอแต่ท่าน"
จอมมารเพียงแค่ใช้ลิ้นเลีย อีกฝ่ายเธอก็ถูกกระตุ้นอารมณ์เพศอย่างรุนแรงเกินที่จะควบคุม มารสาวกระชากแก้กางเกงใหญ่ของสวามีตนออก เผยให้เห็นความเป็นชายของใหญ่โต ของมารร้ายผู้เป็นนายเหนือหัว
แค่ได้เห็นแก่นกายกลีบกุหลาบประจำตัวของมารสาว ก็แผ่ออกอย่างสวยงาม ก่อนที่นางจะจับแก่นกายของปีศาจร้ายรูดเบาๆเป็นการปลุกมัน เมื่อมันพร้อมใช้นางก็นั่งคล่อมร่างอันใหญ่โต กดแทงมหึมาทะลวง เข้าไปในร่างของมารสาวปีกดำที่กำลังกรีดร้อง สองแขนกระหวัดรัดรอบร่างใหญ่ กระชากร่างตนขึ้นลง นางรุ่มร้อนไปทั้งกายกดเอวควบร่างอย่างรวดเร็ว มารสาวร้องออกมาราวทรมาน มันช่างใหญ่โตกว่าที่จำได้ซะอีก ร่องสวาทอมแท่งยาวสุดโค่นและกระชากออกแทบหลุดก่อนนางจะกดพรวดแทงมันใส่ในร่างเข้ามาเรื่อยๆ

พริบตาร่างใหญ่ก็เป็นฝาายจัดการคุมเกมบ้างราขามารใช้มือจับร่างเล็ก กระชากขึ้นลงลำควยแบบไม่ยั้ง รุนแรงราวกับจะฆ่ามารสาวให้ตายคาที่ จอมมารบดขยี้สวาทมารค้างคาวสาวครู่เดียวนางก็ทนไม่ไหว
"ซี้ดดดดดด อาาาาาาาา เราจะถึงแล้วววววววววววววววว"
"อะ อ้า อ้า อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา"
น้ำสวาทปริมาณมหาศาลทะลักชุ่มแท่งยาวนองไปถึงพื้น ร้าวมารสาวกระเด้งร่อนเป็นวงกลมแต่ราชามารยังไม่เสร็จมันบีบเค้นเต้าของนางต่อแล้วจับปีศาจสาวขึ้นซอยหีในท่าลิงอุ้มแตง ลำควยใหญ่กำลังทะลวงเข้าออกโพรงมดลูกไม่มีหยุด นางมารกระตุกด้วยความเสียวและร่อนเอวสู้ขารัดร่างสูงใหญ่ราวกับกลัวจอมมารหนีหายไปมือก็ถูกใช้เค้นไปทำสองเต้าอย่างสนุกมือทั้งบีบทั้งขยี้ตามปรารถนา
"อ้ะ อ้ะ อาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา"
เสียวววววววววววววฃววววววว โอ้วววววววววววววววววววววววว"
นางมารเสียวแทบลืมหายใจ รสรักที่นางต้องรอนานนับพันๆปี วันนี้นางตั้งใจจะไม่หยุดจนกว่าจะพอใจ
"เสียวเหรอ ข้าทำให้เจ้าได้มากกว่านี้อีกนะยอดรัก"
ราชามารกระเด้าแรงและถี่ขึ้นจนในที่สุด
น้ำกามลำเอ็นใหญ่ ถูกปล่อยเข้าไปในมดลูกของมารสาวพร้อมกับเสียงหวีดร้องของหล่อน
ราชามารดึงแกนกายออกโยนนางลงที่พื้นก่อนจะหันกลับไปนั่งที่บังลังก์ นางมารหอบหายใจไม่นานก็คลานมาอมแท่งแกนกายที่ชี้อยู่อย่างหิวโหย นั้นเป็นสัญญาณว่านางพร้อมแล้วสำหรับรอบถัดไป
"เจ้าต้องคาดไม่ถึงกับท่าใหม่ของข้าแน่ เนลีเดีย"
จอมมารร้ายจะสร้างร่างแยกด้วยไอมารขึ้นมาอีกตน ร่างหนึ่งจดลำลึงค์เข้าไปที่โพรงทวาร อีกร่างจดลำควยเข้าไปที่โพรงหี
แล้วอัดเข้าไปพร้อมกัน มือของร่างจริงจับสองแขนของปีศาจสาว มือของจอมมารร่างแยกจับน้ำอกทั้งสอง และบีบเคล้นจนเป็นสีแดงก่ำและเริ่มกระแทกพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง

ขณะที่นางปีศาจค้างคาวทรงเสน่ห์พาสวามีของนางไปปลดปล่อยความเครียดด้านหลัง
ในห้องโถงหน้าบัลลังก์สีดำ เหล่าขุนนางขุนศึกในห้องต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกหายใจได้อย่างโล่งคอขึ้น
โทสะแห่งจอมมารนั้นน่าหวาดหวั่นไม่เว้นแม้มวลอสูรด้วยกันเอง
เคราะห์ดีรอบนี้มีคนมาห้ามทัน ไม่งั้นจอมมารอาจระบายโทสะกับกระดูกหรือกระโหลกพวกมันแทน ให้ราชาไประบายโทสะกับร่างอันเย้ายวนใจด้านหลังย่อมดีกว่าเยอะ เสียงครวญครางอย่างร่านสวาทของราชินีค้างคาวบ่งบอกถึงความระอุดุเดือดของการระบายโทสะดฝได้ดี นางหวีดร้องรอบแล้วรอบเล่าแต่ละบ่งบอกถึงความสุขที่ล้นทะลัก ปีศาจบางตนถึงกับเอ็นแข็งคับเป้ากางเกงบางเผ่าบางจำพวกที่ไม่สวมเสื้อผ้าก็เห็นท่อนเอ็นชี้ขึ้นเป็นลำโด่เด่ขึ้นมา

แต่พริบตาต่อมาเมื่อพวกมันรับรู้ถึงขุมพลังที่พึ่งมาถึง พวกมันก็ต่างยืนสำรวมเป็นระเบียบจัดแถวอย่างเรียบร้อย ตัวที่กำหนัดวงุ่นงานรีบกดท่อนเอ็นตนลง

ดรุณณีในอาภรณ์ทำจากเกล็ดสัตว์เลื้อยคลานคาดเดินเข้ามาอย่างสุภาพแม้เรียบร้อย แต่แม้จะแต่งกายมิดชิดก็ยังไม่อาจปกปิดสัดส่วนอันยั่วเย้าภายใต้ชุดได้
แต่ปีศาจทุกตัวไม่มีแม้ใครจะกล้าสบตามอง แม้นางจะงดงามราวธิดาจอมเทพก็ตาม วงหน้าเรียวนางนิดจมูกหน่อยน่ารักน่าเอ็นดูราวกับหญิงสูงศักดิ์ ท่าเดินอ่อนหวานนุ่มนวลเห็นได้ชัดว่าผ่านการอบรมกิริยาเป็นอย่างดี

เมื่อนางเดินผ่านโถงจนไปหยุดหน้าบัลลังก์ก็หันไปเอ่ยถาม
“ท่านราชาซอมบี้ บิดาเราไปไหนเสีย?”
ราชาซอมบี้ได้แต่เหงื่อตก วันนี้ไม่ใช่วันของศพแท้ๆ

พริบตานั้นเสียงครางอย่างสุขสมของนางค้างคาวก็หวีดมาจากห้องด้านหลัง อสูรตนหนึ่งทนความกำหนัดไม่ไหวท่อนเอ็นชี้หราออกมาใส่หน้าสตรีนางน้อยผู้นั้น แต่เรื่องที่ร้ายกว่าคือมันเป็นมนุษย์หมาป่าซึ่งไม่สวมเสื้อผ้า ท่อนเอ็นยาวอวบเต็มไปด้วยขนรุงรังชี้หน้าหญิงสาวกระตุกหงึกๆ

เหล่าปีศาจตนอื่นหน้าซีดลนลานพากันถอยออกมาจากหมาป่าผู้โชคร้ายตัวนั้น
สาวน้อยคนที่ดูบอบบางแววตาเปลี่ยนเป็นดวงตาคล้ายงูก่อนตวาดก้องพร้อมพลังที่แผ่ออกไปบรรยายรอบข้างกดดันหนาแน่นเจ้ามนุษย์หมาป่าร่างยักษ์พยามส่งเสียงหงิงๆราวลูกหมาน้อยเพื่อจะขออธิบายแต่อีกฝ่ายก็ตวาดพร้อมกับฟาดมือใส่
“เจ้าถือดียังไงมาทำเรื่องบัดสีต่อหน้าข้า ริเวียร่าธิดาแห่งจอมปีศาจและราชีนีแห่งเหล่างูบรรพกาลกอร์กอน โทษของเจ้าคือตาย!!!”

ไวกว่าอสูรตนใดจะมองทันร่างอสูรหมาป่ากระเด็ดปลิวกระแทกเสาหินหลายต้นไปจนสุดทางของห้องโถ่ง ผิวหนังที่ศาสตร์ธรรมดาไม่ระคายกลับมีแผลถึงตายอยู่ทั่วตัว หยาดโลหิตไหลออกมาราวบ่อโลหิต กลิ่นคาวเลือดละคุ้นไปทั่วห้องลมหายใจของมันรวยระริน ริเวียร่าหันมือที่ยังมีไอพลังลอยกรุ่นไปทางร่างที่นอนทรมานใกล้สิ้นลมมองมันด้วยสายตาอำมหิตก่อนก้อนพลังสีเหลืองปนดำจะลอยขึ้นรอบนี้นางใส่พลังมากกว่าเดิม แต่ก่อนนางจะสังหารมันมือที่สวมเกราะสีดำก็กดมือนางลงเป็นเชิงห้ามปราม

“ท่านพ่อ!!!”
นางหันกลับไปกอดร่างในชุดเกราะแน่นก่อนจะกันไปคำนับปีศาจค้างคาว
“ท่านป้า ท่านพ่อลูกขออภัยที่รบกวนเวลา”

จอมปีศาจมองร่างใกล้ตายของมนุษย์หมาป่าก็จะส่ายหัวน้อยๆ
“อีกแล้วเหรอลูก รอบนี้ข้อหาอะไรละ หมาน้อยตัวนี้ไปทำอะไรให้เจ้าขัดใจเข้าละ”

หญิงสาวชี้ไปที่ร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่แล้วจึงรีบฟ้อง
“มันกระทำบัดสี มันกล้าใช้ท่อนเอ็นอัปลักษณ์ชี้หน้าลูก ลูกเลยตบสั่งสอนไปทีแต่ไม่ตาย ท่านพ่อต้องจัดการให้ลูกนะ”

“เอามันไปขัง อย่าให้รกหูรกตา!!!  พ่อจัดการให้แล้วลูก ทีนี้เจ้ามาจากวังทำไมหรือมารดาเจ้ามีปัญหาอะไร มารดาเจ้ามีอะไรทุกข์ร้อนรึเปล่า”
จอมมารสั่งการให้ทุกคนออกไปก่อนและจูงมือพาลูกมันมานั่งตักบนบังลังก์และถามไถ่

“เปล่าเจ้าค่ะท่านพ่อ แม่ข้าได้ข่าวว่าท่านบาดเจ็บท่านแม่เลยให้ข้านำสารมาแจ้งและยังฝากให้ลูกเรียนท่านพ่อว่าให้พักฟื้นเต็มที่ การศึกกับเหล่ามดปลวกมนุษย์งี่เง่านั้นท่านแม่ได้จัดการตามแผนแล้ว รายละเอียดทั้งหมดอยู่ใน….เออลูกเก็บไว้ไหนนะ”

นางรื้อของครู่ใหญ่ก่อนหยิบกระโหลกศีรษะมนุษย์ออกมา กระโหลกสีขาวมีอักขระสีแดงจารสลักอยู่ทั่ว ในดวงตามีลูกแก้วสีดำลอยอยู่
“นี้เพคะท่านพ่อ ท่านแม่ลงแผนการทุกอย่างไว้หมดแล้ว
แม่งูน้อยกระโดดดึ๋งลงมาจากตักพระบิดาและคุกเข่าชูสารลับขึ้นเหนือหัวถวายแด่ราชามาร

“มารดาเจ้า ยังช่วยงานข้าได้เช่นเคยดังกาลก่อน ข้าคงต้องไปหานางบ้างแล้ว”
จอมปีศาจรับกระโหลกแบะลูบหัวบุตรสาวตนเบาๆ
“ท่านพ่อก็บอกแบบนี้ตลอดละ เอาจริงๆก็มัวแต่หลงท่านป้าเนดีเรียจนไม่ไปไหน”
จอมมารอึกอักตอบคำถามไม่ถูก โบราณว่าลูกสาวคือของแสลงของบิดาเป็นความจริงแน่แท้ ไม่เว้นแม้จอมมาร

ก่อนจอมปีศาจจะพยักหน้าให้เนดีเรียนางจึงเดินมากอดวิซ่าไว้
“โธ่หลานรัก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว มานี้มาเราไปคุยกันตามภาษาสตรีเถอะป้ามีอะไรให้เจ้าดูเยอะเลย อย่าพึ่งกวนท่านพ่อเจ้าเลยหลานรัก”
ก่อนนางจะโอบตัววิซ่าพาเดินออกไปอีกทาง

จอมมารโบกมือไล่ให้เหล่าอสูรในห้องออกไปให้หมดก่อนโยนกระโหลกลงที่พื้นห้องก่อนจะร่ายเวทย์เปิดดูข้อมูลที่ส่งมา ลูกแก้วสีดำหมุนคว้างสบายเป็นไอลอยไปฉาบที่อักขระก่อนจะอ้าปากฉายแผนภาพหลายแผ่นและแผนที่ต่างๆ แสดงทั้งแผนการและรายละเอียดยุทธวิถีที่ควรใช้ จุดอ่อนของศัตรู ลำดับขั้นตอนอัตตรากำลังพล เรียบได้ว่าภาพตรงหน้ามันเป็นแผนพิฆาตแผนดินได้เลยด้วยซ้ำ

“เยื่ยมยอด แผนการนี้ช่างไร้ที่ติ ท่านคิดเช่นข้ามั้ย จอมเวทย์แห่งแห่งความตาย ทาลัส”
จอมมารหันไปมองในมุมมืดของห้อง ก่อนร่างในชุดคลุมจะโผล่ขึ้นมาจากเงามืด
ใบหน้าในชุดคลุมเหี่ยวชรา ซีดราวกับเป็นซากศพที่ตายมาแล้วหลายไปร้อยปี ถือไม้เท้าสีดำทมิฬมีเพียงกลิ่นอายความตายแผ่ออกจากตัว ร่างที่ดูขี้โรคอ่อนแรงกลับผงกหัวให้จอมมารเป็นเชิงคาราวะ

“หากท่านยังต้องการ ความสามารถของนักเวทย์ชราไร้กำลังวังชาเช่นข้า ข้าเองก็คงเสียมารยาทแสดงปัญญาอันน้อยนิดแล้ว การวางแผนโจมตีนางจัดการได้ไร้ที่ติแล้ว แต่นางกลับพลาดไปคือจำนวนมนุษย์ในหลายร้อยปีพวกมันขยายจำนวนหลายสิบเท่า ข้าว่านางประเมินจำนวนทหารผิดพลาดไปหลายจุด อันอาจกระทบกระเทือนถึงแผนการได้ ฝ่าบาทต้องเรียนตามตรงว่ายิ่งแผนดีเพียงมันก็ยิ่งละเอียดอ่อนมากตามขึ้นไป หากแผนผิดพลาดเสียจุดหนึ่งอาจกระทบเป็นคลื่นจนทัพเราพังทลายได้”

จอมมารบีบที่วางแขนจนแหลกละเอียด
“ท่านหาว่าข้าจะพ่ายแพ้อีกครั้งเพราะ แค่เหล่ามนุษย์ที่มีเพิ่มมากขึ้น มดปลวกเช่นมันข้ามิเห็นค่า เผ่าจักรกล เผ่าเอลฟ์แห่งหุบเขา พวกมันเท่านั้นที่ทำให้ข้าต้องลงมือเอง หากเป็นผู้อื่นไม่ใข่ท่าน ข้าคงสังหารท่านทิ้งไปแล้ว!!!”

จอมเวทย์เฒ่าผงกหัวลงก่อนจะพูดต่อ
“หากตาแก่คนนี้พูดอะไรผิดไปบ้างก็อภัยด้วยเถิด แต่ข้าต้องแจ้งว่านอกจากจำนวนแล้ววิทยาการเวทย์มนต์มันก็ล้ำหน้าขึ้นมากหากท่านไม่ระวัง เราอาจเสียหายมากกว่านี้ สตรีเกราะขาวที่เป็นสาเหตุของอาการบาดเจ็บของท่านก็น่าพิสูจน์เรื่องนี้ได้”

ราวกับจุดไฟเผาโรงงานทำระเบิด จอมมารคำรามอย่างโกรธเกี้ยวด้วยโทสะอันสุดจะระงับได้ ดาบสีดำปรากฎในมือตวัดใส่ชายชราทันทีคลื่นพลังราวจะผ่าวังให้แหลกเป็นเสี่ยงพุ่งตรงมา แต่ชายชราที่ดูเหมือนเดินยังไม่มีแรงจะเดินกลับกางวงเวทย์ขึ้นกั้นพลังดาบ และสิ่งที่น่าตกใจคือคนที่กระเด็นกลับคือจอมมารเสียเอง การโจมตีถูกดูดซับไปจนหมดสิ้น
“ข้าขออภัยเถิด หากวาจาข้าทำให้ท่านมีโทสะแต่ข้าพูดความจริง หากท่านไม่เชื่อข้าหรือข้าพูดผิดตาเฒ่าผู้นี้จะมารับคมดาบของท่าน ในวันที่ท่านฟื้นพลังพอจะเรียกมหาดาบอสูรออกมาได้มิใช้ดาบมารธรรมดาเช่นนี้”

ร่างชรามองเจ้าเหนือหัวตนก่อนจะก้มคุกเข่าคำนับก่อนจะเดินออกไป
“ช้าก่อน ท่านพูดถูกข้าคงประเมินมันต่ำไป ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”

แม้จะเป็นคนเจ้าโทสะจนวู่วาม แต่มันก็ไม่ใช่มารที่ยอมให้อคติบดบังปัญญา จอมเวทย์ดำแห่งนรกหันกลับมาและกล่าวย้ำกับราชาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฝ่าบาทข้าจะขอร้องท่านว่านอกจากรักษาตัวแล้วขอท่านจงอย่าออกศึกอีกจนกว่าจะครบ 50 วัน พลังท่านจึงมากพอจะพิชิตเหล่าจอมราชาทั้ง 6 แบบต่อตัวต่อได้ พวกมันแต่ละคนช่างร้ายกาจ พลังไม่ห่างจากราชาจักรกลเท่าใด ข้าน้อยทูลลา”

ก่อนร่างชราจะจมลงในเงามืดหายไป
จอมมารคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มันตั้งใจมั่นว่าหากตนพร้อมเมื่อใดเหล่ามนุษย์จะต้องถูกเข่นฆ่าจนสิ้น

ฝั่งสตรีทั้งสองก็เดินออกมาที่ห้องนอนส่วนตัวและนั่งพูดคุยกัน แรกๆก็นำเครื่องประดับของสะสมมาอวดกันตามวิสัยสตรีล่วงเลยมาหลายชั่วโมงจนมาถึงเรื่องการศึก
“ท่านป้า ข้าได้ยินมาว่าท่านพ่อบาดเจ็บจากฝีมือสตรีชาวมนุษย์เป็นความจริงเหรอคะ?”
เนลิเดียพยักหน้าเบาๆ

“งั้นข่าวที่กองหน้ากล้าตายของท่านลุงมังกรดำ หายสาปสูญไปหลายสิบกองก็คงไม่ใช้การสื่อสารขัดข้องจริงๆด้วย”
นางงูน้อยทำหน้ามุ้ยเพราะนึกขึนทหารหลายสิบนายที่ตายอย่างไร้ค่า
“วิซ่าหลานรัก เจ้าเกรงกลัวอะไรรึ?”
“ข้าแค่หวั่นวิตก ถึงกองกำลังมนุษย์ที่เริ่มรวมกลุ่มกันบุกเข้ามาหรือรวมกันตั้งจุดสกัดเส้นทางทัพของพวกเราได้แล้ว นั้นทำให้เกิดการปะทะมันจะทำให้เราล้มตาย”
“โถ่แม่งูน้อยของป้า เราแค่รอให้ครบร้อยวันท่านพ่อของเจ้าก็ไร้ผู้ต่อกรแล้ว อย่าวิตกไปเลย นี่มันคือการเสียสละ”
“แต่นั้นก็อาจทำให้มีใครที่ข้ารู้จักต้องตายอีก ข้าไม่ชอบเลยเจ้าค่ะ”

นางค้างคาวลุกขึ้นมาลูบหัวเด็กสาว
“พวกมันฝ่าน้องชายข้ามามิได้หรอก และล้วนต้องตายตกไปหมดสิ้นค่อยดูสิ ข้าคิดออกแล้วหากจบศึกข้าจะขออะไรให้ดีเลนน้องชายข้า ขอเจ้ามาเป็นคู่มันดีกว่า”
“ท่านป้า นี้ท่านคิดอะไรกัน ข้าคงไม่เหมาะสมหรอก สตรีนางอื่นงดงามกว่าข้าก็มีอีกมาก”

เนดีเรียมองนางงูตัวน้อยอย่างพินิจ ก็จะพบว่าเด็กน้อยในวันวานมิใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว ทั้งรูปร่างอก เอว หรือความงดงามก็ล้วนไร้ที่ติ แต่เสียอย่างเดียวไร้ซึ่งจริตสตรีเช่นเดียวกับมารดานางที่วันๆคร่ำเคร่งกับงานเพียงอย่างเดียว ก่อนจะนึกภาพในใจว่าหากน้องตนได้นางมาครอง
ไอ้ผีดูดเลือดตนนั้นคงจะพอใจเป็นแน่แท้ บุตรของนางหลานของตนจะเป็นเผ่าอะไรกันนะนางค้างคาวมารอมยิ้มและเริ่มจินตนาการ


ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

*

ออฟไลน์ dawdom

  • Veteran Member
  • ******
  • 1516
  • 2
    • ดูรายละเอียด
Re: ทะยานสู่โลกมืด ตอนที่ 2
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 17, 2021, 09:32:42 am »
สนุกดีครับ อ่านจบแบบงง ๆ

*

ออฟไลน์ DEVIL WORLD

  • Junior Member
  • ***
  • 307
  • 439
  • อ่อนหัด แต่ดันอยากเขียนนิยาย
    • ดูรายละเอียด
Re: ทะยานสู่โลกมืด ตอนที่ 2
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 08:48:17 am »
อ่านจนจบครับ  ตอนนี้ยังยังไม่เฉยรึป่าว ว่า เฟนเทียร์ ตายรึยัง  มีแต่ข่าว  แต่ราชาปีศาลก็ op ไม่น้อย ตบ1ใน10 นักรบที่เก่งที่สุดแบบง่ายดาย
เจ็บกว่าตัวสำรอง ก็คือตัวสำรองของตัวสำรอง

 

ช่องทางแจ้งข่าวเผื่อโดนปิด ติดตามไว้นะ