คุยกันก่อนอ่าน สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เ็นเป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้นะครับ
Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 26
รถเอสยูคันใหญ่วีสีขาวแบร์นด์ดังจากญี่ปุ่นแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยไม้สักหลังใหญ่ในตอนใกล้มืดด้วยความเร็ว ก่อนที่วิศวัทผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับรีบกุรีกุจอลงมาเปิดประตูให้นายหญิงของบ้านอย่างรีบร้อน ณัฐฐาเดินลงมาจากรถโดยยื่นมือข้างหนึ่งให้ลูกน้องหนุ่มช่วยให้เธอยืนทรงตัว โดยมืออีกข้างหนึ่งก็กุมไปที่ศรีษะเหมือนคนกำลังปวดหัว ลูกน้องหนุ่มประคองร่างนายหญิงที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเดินโงนเงนตรงไปที่บันไดขึ้นบ้าน
เกวลีที่นั่งเล่นมือถืออยู่กับน้องสาวที่ชุดม้านั่งที่ใต้ถุนบ้านเห็นภาพบาดตาระหว่างแม่เลี้ยงกับชายหนุ่มที่เธอแอบชอบเดินประคองกันมาจนเหมือนกำลังกอดกันกลม ก็อดไม่ได้ที่จะทักออกไปด้วยความหมั่นไส้ “เดินเองไม่ได้รึไง ถึงกับต้องโอบกันมาเลยเหรอ”
“ฉันไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับเธอหรอกนะ ไปให้พ้นเลย” ณัฐฐาที่กำลังปวดหัวเหนือนกับว่าสมองจะระเบิดออกมานอกกระโหลกตวาดใส่อย่างหัวเสียแต่เสียงที่ออกมากลับเบาจนเหมือนกระซิบ
“สภาพดูไม่ได้เลยนะ เมาแต่หัววันเลยรึยังไง” เกวลียิ่งเห็นท่าทีที่ทรมานของแม่เลี้ยงเธอยิ่งชอบใจจนต้องเดินไปยืนขวางทางไม่ให้เธอขึ้นบ้านและไม่หยุดที่จะเสียดสี
“ไม่ใช่นะครับ นายหญิงไปทำงานจนไม่สบายต่างหาก” วิศวัทรีบออกตัวแทนเพราะอาการของนายหญิงของเขาเริ่มจะดูไม่ดีแล้ว เขาอยากจะรีบพาเธอไปพักให้เร็วที่สุด
“ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ” เกวลีเบะปากจนคว่ำคล้ายกับนางร้ายในละครหลังข่าวพร้อมกับค้อนควับใส่หน้าของชายหนุ่ม
“ไม่ต้องไปสนใจ พาฉันขึ้นไปพักได้แล้ว” ณัฐฐาใช้มือผลักใส่ลูกเลี้ยงแต่ด้วยความที่ร่างกายอ่อนแรงก็ไม่ได้ทำให้เธอขยับออกจากจุดที่ยืนอยู่ จนวิศวัทต้องประคองร่างเนื้อแน่นของนายหญิงเดินอ้อมตัวเกวลีเพื่อไปขึ้นบันได
“หน่อย…” เกวลีเห็นสภาพณัฐฐาไม่สู้ดีนัก ก็เลยยอมปล่อยให้แม่เลี้ยงได้ขึ้นไปพักแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายยังมองตามตาขวาง จนไปสังเกตุเห็นบางอย่างที่ข้อมือของแม่เลี้ยง
...นั้นมันเหมือนกับของที่อาจารย์บอกเลยนี่นา ที่แท้ก็เป็นแกนี่เอง… เกวลีฉุกคิดขึ้นมาขณะที่คนทั้งคู่ค่อยๆ เดินขึ้นบันได
“พี่ปลาเป็นอะไร ยืนนิ่งเลย” ธันย์ชนกเดินเข้ามาทักพี่สาวพร้อมกับจ้องหน้าด้วยดวงตาใสกลมโตน่ารักของเธอ
“ไม่มีอะไร เราก็เข้าบ้านกันเถอะ” เกงลีตอบกลับเสียงห้วนแล้วเดินขึ้นบ้านไป
……….……….……….……….……….
“แกร๊กๆ” เสียงของโซ่ที่ถูกลากไปกับพื้นขณะที่หญิงสาวร่างเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงไปที่ประตูห้องก่อนจะใช้มือเล็กๆ ของเธอทุบไปรัวๆ สลับกับปาดน้ำตาเองที่กำลังไหลลงมาที่แก้มใส่ๆ
“ฮือออ...พี่ทศปล่อยดิวออกไปนะ ปล่อยดิวออกไปเดี๋ยวนี้” อริสาตะโกนออกไปด้วยเสียงแหบแห้งปนสะอึกสะอื้น หลังจากที่เธอวนเวียนเรียกร้องหาอิสรภาพจากสามีมาตลอดสามวัน แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากประตูที่กั้นเธอกับโลกภายนอก
อริสาพาร่างเหนื่อยอ่อนเกือบจะไร้แรงใจกลับมานั่งที่เตียง ยังดีที่ทศพลยังมีความเป็นคนอยู่บ้างที่ใช้โซ่เส้นยาวมากพอที่จะทำเธอเดินไปเข้าห้องน้ำได้ ไม่อย่างนั้นห้องนอนคงจะเลอะเทอะจนเธออยู่ไม่ได้ แต่เพียงเท่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอหายจากอาการประสาทเสียหรือรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย
“ข้าวเช้ามาแล้ว ทานบนเตียงเลยไหม จะได้เหมือนตอนที่เราไปเที่ยวกันไง” ทศพลเปิดประตูเข้ามายิ้มกว้างหน้าบานในมือถือถาดโละสี่เหลี่ยมที่ใส่อาหารสำเร็จรูปที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อและแก้วเครื่องดื่ม เดินตรงเข้ามาหาสาวสวยที่อยู่ในชุดนอนแบบสายเดี่ยวประโปรงผ้าซาตินแต่งลายลูกไม้สีฟ้าที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
อริสาที่โกรธอยู่แล้วยิ่งเห็นทศพลทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกจนปล่อยตัวตามอารมณ์ปัดไปที่มือของสามีอย่างแรง จนถาดโลหะกระเด็นออกจากมือของตกลงกระทบพื้นเสียงดังข้าวของที่นำมาก็ตกกระจัดกระจายเต็มพื้น
“อ้าว...ไม่ชอบกับข้าวพวกนี้เหรอ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวออกไปซื้อให้ใม่อยากกินอะไรละ” พูดจบทศพลก็ก้มลงเก็บทำความสะอาดอาหารที่ตกกระจายเต็มพื้นใส่ถาด
“พี่ทศเลิกบ้าได้แล้ว ถอดโซ่ให้ดิวเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวโวยวายพร้อมกับคว้าหยิบโซ่ขึ้นมายื่นใส่หน้าของผู้เป็นสามี
“ไม่ได้หรอก ถ้าพี่ปล่อยเธอไปเดี๋ยวเธอก็หนีไปหาไอ้เจษอีกนะสิ” ทศพลทำเป็นเมินไม่สนใจความร้อนรนของภรรยาสาว ยังเก็บข้าวของต่อเหมือนเสียงของภรรยาไม่มีความสำคัญ แต่ก็ยังไม่ลืมที่ตอกย้ำถึงสาเหตุของการกระทำของเขา
“พี่ทศเป็นอะไรไป ทำไมถึงทำตัวร้ายกาจได้ขนาดนี้”
เมื่ออริสามองย้อนกลับไปอดีต ตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกันมาทุกสิ่งทีเขาแสดงออกมานั้นล้วนเป็นการกระทำในแบบสุภาพบุรุษ เขาไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่เธอต่อให้เป็นเวลาที่กำลังทะเลาะกัน แต่ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องของเจษฎาขึ้นมาทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนิสัยใจคอ ทั้งคำพูดคำจา ทั้งการกระทำ ล้วนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนเธอสับสันไม่รู้ว่าตัวตนก่อนหน้านี้หรือช่วงนี้ แบบไหนคือตัวตนจริงๆ ของเขากันแน่
“ก็เพราะใครละ ไม่ใช่เพราะดิวเหรอ” ทศพลที่แกล้งทำเหมือนปกติสุดท้ายก็อดไม่ไหวต้องเสียงดังสวนกลับไปบ้าง
“ดิวก็บอกแล้วไงว่ามันไม่มีอะไร” หญิงสาวพยายามแก้ตัวถึงจะรู้ว่าที่พูดนั้นมันไม่จริงแต่ยังไงเสียในสภาพที่ถูกกักขังไว้แบบนี้ก็ต้องหาทางเอาตัวให้รอดออกไปก่อนแล้วเรื่องที่ว่าจะเป็นยังไงไว้ค่อยคิดกันทีหลัง
“อย่ามาโกหก ไม่มีอะไรเธอจะไปหามันทำไม แล้วทำไมไม่บอกพี่ว่ามันอยู่ที่นั้น แล้วจะให้พี่เชื่อได้ยังไงว่าไม่มีอะไร วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ คงติดใจละสิที่มันใหญ่มากใช่ไหม หรือว่าพี่เอาไม่ถึงใจ” ทศพลเดือดดาลร่ายยาาวเป็นชุด เมื่อภาพบาดตาที่เคยเกิดขึ้นมาในห้องนี้หวนกลับเข้ามาในความคิดประกอบกับคำพูดที่ขัดกับการกระทำของภรรยาสาว
“มันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นซะหน่อย” หญิงสาวยืนยันคำ
“อย่ามาตอแหล ชอบมากนักใช่ไหมไอ้ใหญ่ๆ เนี้ย ถึงมีพี่เป็นผัวคนเดียวไม่ได้ ก็ได้ถ้าดิวชอบ พี่จะหามาให้ใหญ่ๆ เลย แล้วก็หลายอันด้วย” อารมณ์โกรธของทศพลเริ่มบังตาจนความคิดเตลิดไปไกล ตั้งใจจะสั่งสอนภรรยารักให้หลาบจำ
“พี่ทศ พี่จะทำอะไรอีก ไม่เอานะ อย่าให้มันแย่ไปกว่านี้เลย” หญิงสาวหน้าตาตื่นไม่รู้ผู้เป็นสามีจะมาไม้ไหน แล้วจะทำจริงหรือแค่พูดประชด
“มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว คอยดูพี่จะจัดให้เธอจนลืมไอ้เจษไปเลย” พูดจบทศพลก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครบางคน
“ไม่นะ ไม่เอา อย่าทำนะ” อริสาปรีเข้าไปหาสามีพยายามจะขัดขวางสิ่งที่เขากำลังทำด้วยการยื่อแย่งโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะถูกเขาผลักร่างจนล้มลงไปบนเตียง
“ปัง” ทศพลเดินหนีออกมาจากห้องก่อนจะกระแทกปิดประตูเสียงดังสนั่น เสียงนั้นมันดังพอที่จะทำให้หัวใจของหญิงสาวแตกสลายได้เลยที่เดียว
……….……….……….……….……….
ในห้องทำงานกว้างขวางโอ่โถงของเสี่ยพิพัทธ์ ชายหน้าเข้มแต่กายด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนยาวติดกระดุมทุกเม็ดกับกางเกงสแล็คสีเข้มนั่งหน้าเครียดเหงื่อแตกทั้งที่ในห้องอากาศเย็นรอคอยการมาของเจ้าบ้าน ระหว่างนั้นเขามองข้าวของที่ใช้ประดับประประดาและคิดอะไรไปต่างๆ นานา เจษฎาเข้ามานั่งในห้องได้ราวครึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากที่ถูกเรียกตัวมาพบตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่อยากพบเขาจะมาสักที
“เป็นไงบ้างอาจารย์รอนานไหม ขอบใจมากนะที่เมื่อวานมาดุแลอานุ่นให้ คงลำบากน่าดู” เสี่ยพิพัทธ์เดินหน้าตาขึงขังเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงทักทายดังลั่น
“ผะ...ผมขอโทษครับ อย่าทำอะไรผมเลย...” เจษฎาสะดุ้งตัวขึ้นมายืนพร้อมกับหันไปหาที่มาขอเสียงแล้วยกขึ้นไหว้ประหลกๆ เหมือนคนเพิ่งไปก่อเรื่องร้ายแรงไม่น่าให้อภัยมา ซึ่งก็เป็นผลจากเรื่องเมื่อเย็นวานนั้นเอง
“มาขอโทษอั๊วเรื่องอะไร เป็นอะไรมากรึเปล่า” เสี่ยพิพัทธ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งพร้อมกับอมยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นอาการประหลาดของอาจารย์จอมอาคม
เจษฎาหันหันขวาทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้สติก่อนจะเรียบเรียงคำพูดแก้ตัวไปแบบลนลาน “อ้าว...เอออออ...ไม่มีอะไรครับเสี่ย ผมเห็นภาพนิมิตนะครับ”
“นิตมิตอะไร เล่าให้อั๊วฟังมั้งสิ” เสี่ยพิพัทธ์ให้ความสนใจขึ้นมาในทันที
“เอิ่มตอนนี้มันยังไม่ค่อยชัด เอาไว้ชัดกว่านี้ค่อยว่ากันละกันนะครับ”
“เอางั้นก็ได้ แต่ว่าเรื่องนั้นคอยคุยกันที่หลัง นั่งก่อนสิ” เสี่ยพิพัทธ์เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานก่อนจะผายมือให้เจษฎาทำตาม
“รู้ข่าวแล้วใช่ไหม” เสี่ยร่างเล็กนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ดูมีอำนาจ พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ครับ พอได้ยินมาบ้าง” ชายหน้าเข้มรับคำเข้าใจได้ทันที
“อั๊วก็ไม่รู้ว่าพวกมันทำยังไงนะ ข่าวมันถึงได้เงียบขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อั๊วลงทุนไปตั้งเยอะ” เสี่ยพิพัทธ์ทำหน้าคิดไม่ตก ไม่คิดว่าแผนที่เขาวางไว้อย่างดีตั้งใจจะให้เป็นข่าวบุกจับบ่อนครั้งใหญ่เพื่อใช้เล่นงานคูแข่งจะส่งผลลัพท์ออกมากลายเป็นการจับวงพนันเล็กๆ ที่ลูกจ้างแอบเล่นกันไม่กี่คนอย่างน่าฉงน ทั้งที่เขายัดเงินให้ทั้งนักข่าวและตำรวจไว้ก่อนแล้วแต่กลับไม่มีใครทำตามที่รับปากไว้เลย
“สงสัยว่ามันจะมีของดีมั้งครับ” เจษฎาออกความเห็นติดตลกแต่ก็สอดคล้องกับบทบาทที่เขาสวมไว้เพื่อหลอกใช้เสี่ยร่างเล็ก แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีไหน เพราะน่าจะเป็นวิธีเดียวกับที่เขาใช้จัดการเรื่องต่างๆ ในตอนที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ ซึ่งปัญหาทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นมากเมื่อมีของสิ่งนั้นอยู่ในมือ
“อั๊วก็คิดอย่างนั้น อย่างน้อยช่วงนี้มันคงทำอะไรโฉ่งฉ่างเหมือนคร่าวก่อนไม่ได้แล้ว แต่อั๊วก็โดนพวกเจ้าหน้าที่ปรามมาเหมือนกันน่าจะเพราะไอ้กำนันมันยัดเงิน ตอนนี้พวกนั้นคงกลับมาเปิดบ่อนไม่ได้สักพัก รายได้มันหายไปแค่นั้นคงยังไม่สะเทือนเท่าไหร่ อั๊วเลยอยากจะให้อาจารย์ช่วยไปจัดการคนคนหนึ่งให้หน่อย”เสี่ยพิพัทธ์ร่ายยาว
“ใครครับ” เจษฎาถามขึ้นทันควันด้วยใบหน้าที่สงสัย
เสี่ยพิพัทธ์ยื่นซองเอกสารให้เจษฎา ก่อนจะยื่นข้อเสนอออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไอ้นี่เป็นกระเป๋าเงินใบหนึ่งของไอ้กำนัน ถ้าจัดการมันได้ก็ตัดกำลังมันได้บางส่วน รายละเอียดผมเตรียมไว้หมดแล้ว เอาไปคิดดูก่อนก็ได้นะ อั๊วไม่อยากบังคับอาจารย์”
“ก็ได้ครับ ไว้ผมตัดสินใจได้จะรีบติดต่อมานะครับ”
“อืม เอาตามนั้นอั๊วมีธุระแค่นี้แหละ เราคนกันเองอาจารย์กลับก่อนได้เลยอั๊วไม่ส่งนะ”
“...ครับ”
……….……….……….……….……….
“อาจารย์ หยุดก่อน” สุธิภาขโยกเขยกกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาแบบขัดๆ แม้จะเคลื่อนไหวไม่สะดวกจากบาดแผลที่ของสงวน แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่สดใส เธอเข้ามาหาเจษฎาด้วยความดีใจและคิดถึงทั้งที่เพิ่งจะผ่านการใช้เวลาอยู่กันมาเมื่อวานนี้นี่เอง แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกเหมือนไม่ได้เจออาจารย์อาคมมานาน
“หายดีแล้วเหรอครับคุณนุ่น” เจษฎาถามเสียงเบาด้วยความเป็นห่วงหลังจากเห็นท่าเดินประหลาด เพราะกลัวคนในบ้านจะสังเกตุเห็นความผิดปกติ แล้วยังมองไปรอบๆ ว่ามีใครอยู่ในบริเวณบ้างรึเปล่า
“ยังเจ็บอยู่เลย ใครใช้ให้เอามาใหญ่ละ” สาวหมวยกระซิบตอบอย่างทะเล้นด้วยเสียงห้าวที่ไม่เข้ากับใบหน้าหวานๆ
“ผมขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณที่คุณหนูไม่ได้ฟ้องเสี่ยมากเลยนะครับ”
“จะมาขอโทษหรือขอบคุณอะไรค่ะ ก็นุ่นเต็มใจที่จะทำเอง ไม่ต้องเก็บไปคิดหรอกค่ะ” สาวหมวยยังยิ้มหวาน เธอยินดีที่จะมอบครั้งแรกให้กับอาจารย์อาคมด้วยความเต็มใจ และไม่ได้คิดว่าจะผูกมัดเขาด้วยเรื่องนี้แต่อย่างใด
“เอิ่ม..แล้วคุณดิวไม่อยู่เหรอครับ” เจษฎาอ้ำอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะถามหาอริสาที่ปกติมักจะมาสังเกตุการณ์เวลาที่เขามาบ้านหลังนี้ แต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“เอาแต่ถามหาพี่ดิว ใจร้ายจังเลยนะ” สาวหมวยทำแก้มป๋องมองเขาตาขวาง เหมือนจะบอกให้รู้ว่าคำถามนั้นช่างไม่เหมาะกับกาลเทศะ
“คือ…” เจษฎาจนใจหาข้ออ้างได้ไม่ทันจนต้องใช้ความเงียบให้ทำงานแทน
“...พี่ดิวกลับไปหาพี่ทศแล้ว” สุธิภาเห็นเจษฎาเงียบไปก็อมยิ้มออกมา อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเขาแคร์ความรู้สึกเธออยู่บ้าง ก่อนจะรีบตอบเรื่องที่ชายหน้าเข้มอยากรู้เพราะอาจจะทำให้เลิกสนใจในตัวพี่สาวที่มีสามีแล้วของเธอได้บ้าง
“หา...แต่ก็ดีแล้วครับ หวังว่าจะคืนดีกันได้” เจษฎาแกล้งยิ้มทำเป็นเห็นด้วยกับการะทำของอริสา ทว่าในใจรู้ดีว่าถ้าทศพลคืนดีกันมันจะอาจจะสร้างปัญหาให้เขาถ้าสองคนนั้นร่วมมือกันมาแฉเรื่องของเขา
“นุ่นก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะดีกันไหม แต่ตั้งแต่กลับไปก็ไม่ติดต่อมาเลย แถมโทรไปก็ไม่รับสงสัยจะสวีทกันอยู่” สุธิภาเห็นหน้าฝืนยิ้มของเจษฎาก็ได้ทีรีบสุ่มไฟเข้าไปอีก
“.......” เจษฎาเงียบไปทำหน้าปั้นยาก ไม่สามารถทำความเข้าใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอยู่ในอกของตัวเองได้
สุธิภาเห็นว่าแกล้งเจษฎาพอแล้วก้ขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูของชายหน้าเข้มพร้อมกับลูบไปที่หน้าขาของเขาเบาๆ “...ว่าแต่เมื่อไหร่นุ่นจะได้เจออาจารย์อีกละคะ”
“คือ…” ชายหน้าเข้มผงะถอยออกมาเมื่อได้ยินคำพูดน่าตกใจ พร้อมกับมองไปที่สาวสวยหน้าหมวยไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดกล้าทำขนาดนี้
“นุ่นแค่หยอกเล่นหรอก ไปพักดีกว่าเจ็บแผลไม่รู้ใครทำ” สาวหมวยยิ้มทะเล้นอีกครั้งชอบใจปฏิกริยาตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเดินกลับห้อง
“คุณหนู…” เจษฎาเป่าปากทำสีหน้าโล่งใจอย่างเขินๆ มองสุธิภาเดินออกไปพร้อมกับลอยยิ้มและเสียงหัวเราะคิกคัก ก่อนที่เขาจะส่ายหัวให้กับความน่ารักขี้เล่นของสาวหมวยแล้วออกจากบ้านไป
……….……….……….……….……….
ที่ห้องทำงานของอ๊อดเจ้าของห้องนั่งหน้าเครียดหลังจากที่ได้อ่านเอกสารในซองที่เจษฎานำกลับมาจากบ้านของเสี่ยผู้กว้างขวางในฟื้นที่เมื่อช่วงเย็นเย็น
“ไอ้เสี่ยนั้นมันคิดอะไรอยู่ถึงใช้พี่ไปทำเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้” อ๊อดหัวเสียเล็กน้อยหลังจากได้รับรู้ถึงข้อเรียกร้องที่เจษฎาได้รับมา เพราะเป้าหมายที่ผู้สั่งการต้องการให้ไปจัดการเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดที่มีประวัติการทำเรื่องเลวร้ายมามากมายนับไม่ถ้วน
“ที่จริงเสี่ยกวงมันจะทำเองก็คงทำได้แหละ แต่ที่มันสั่งพี่คงอยากให้มือพี่เปื้อนเหมือนกัน จะได้ร่วมหัวจมท้ายได้สนิทใจมากขึ้นละมั้ง” เจษฎาอ่านเกมส์ออกได้อย่างไม่ยากเพราะเข้าเองก็ไม่ได้วางใจเสี่ยพิพัทธ์มากนัก
“แล้วพี่ก็ยังจะทำงั้นเหรอ” อ๊อดพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเพราะเรื่องที่เจษฎากำลังทำมันเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ก็คงต้องทำแหละ มาขนาดนี้แล้ว แต่ถ้าอ๊อดจะไม่ช่วยพี่ก็เข้าใจนะแล้วก็ไม่โกรธด้วย” เจษฎายิ้มอย่างใจดียังไงซะอ๊อดก็เป็นหนึ่งคนสำคัญสำหรับเขาที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากพาอ๊อดมาเสี่ยงด้วยสักเท่าไหร่
“ยังไงผมก็ไม่ทิ้งพี่อยู่แล้ว” อ๊อดยิ้มตอบก่อนจะหันไปอ่านเอกสารส่วนที่เหลือต่อเพื่อจัดระเบียบข้อมูลให้พร้อมสำหรับการใช้งาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ข้อมูลที่เสี่ยให้มาก็ละเอียดมากเลยนะ ไปเอามาได้ยังไง”
“สงสัยจะมีสายเป็นคนใกล้ชิดกำนันน่าดู แต่เรื่องนี้เอาไว้ทำทีหลังได้ ช่วยหาตรวจสอบเรื่องของดิวให้พี่หน่อยสิ” เจษฎาพักเรื่องที่เสี่ยไว้วานไว้ก่อน เนื่องจากเขาติดใจกับคำพูดของสุธิภาที่พูดกับเขาก่อนหน้านี้จนทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องของอริสา
“เรื่องคุณดิวคงไม่มีข้อมูลอะไรหรอกผมไม่ได้ฝังโปรแกรมไว้ แต่ถ้าเป็นเรื่องไอ้ทศละมีเยอะเลย” อ๊อดพูดพร้อมกับเปิดโปรแกรมจำลองหน้าจอมือถือของทศพลขึ้นมา
“โอเค เอาเรื่องไอ้ทศก็ได้” เจษฎาพยักหน้าเพราะเรื่องที่เขาสงสัยนั้นเกี่ยวกับคนทั้งคู่อย่างแน่นอน
“อืม...ช่วงนี้ไอ้ทศมันทำตัวแปลกๆ มันติดต่อกับคนที่เหมือนพวกนักเลงหรืออะไรประมาณนั้น ผมลองสืบดูก็เลยรู้ว่าเป็นพวกลูกน้องเสี่ยวีรชัย เนี้ยเมื่อเช้ามันก็ส่งข้อความแปลกๆ ไปหา อ่านดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” อ๊อดพูดออกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลขณะที่ดูข้อมูล ก่อนจะกวักมือเรียกให้เจษฎาเข้ามาดูใกล้ๆ พร้อมกับชี้ให้ดูที่จอมอนิเตอร์ที่มีข้อความสนทนายาวเป็นผืด มีการพูดคุยกันในหลายเรื่องๆ มีทั้งเรื่องเหล้า เรื่องผู้หญิง เรื่องยา และที่สำคัญที่สุดสำหรับเจษฎาก็คือข้อความที่ทศพลเรียกให้ลูกน้องของเสี่ยวีรชัยไปหาที่บ้าน ซึ่งจากที่เจษฎาอ่านดูและพิจารณาจากบริบบทก็ทำให้เขาเดาออกได้ทันทีว่าทศพลคิดจะทำไร นั้นให้เขาโกรธจนหน้าแดงแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
“พี่เจษ พี่จะไปไหน” อ๊อดวิ่งตามออกมาติดๆ ก่อนจะตามมาทันขณะที่เจษฎากำลังจะเปิดประตูรถ เขาใช้มือข้างหนึ่งดันประตูไว้ไม่เจษฎาเปิดได้
“หลบไปอ๊อด พี่จะไปจัดการกับไอ้ทศ” ชายหน้าเข้มใช่น้ำเสียงอย่างคนมีอารมณ์โกรธจัด
“ไปแบบนี้มันอันตรายนะพี่ ใจเย็นๆ ก่อน” อ๊อดจับไปที่ไหลของเจษฎา พร้อมกับมองหน้าของเขาด้วยแววตาจริงจัง
“อ๊อดอย่าห้ามพี่” เจษฎาปัดมืออ๊อดออกแล้วเปิดประตูเตรียมจะเข้าไปนั่ง เขาโกรธเกินไปจนแทบจะเหลือความรอบคอบใดๆ ในใจเขาตอนนี้ถ้าบินได้คงบินออกไปแล้ว
“ผมไม่ได้ห้ามพี่ไป แต่พี่เดือดขนาดนี้ผมกลัวพี่จะไปไม่ถึงบ้านมันนะสิ มาเดี๋ยวผมขับเองดีกว่า” อ๊อดคว้าแขนเจษฎาไว้ ในเมื่อห้ามเขาไม่ได้แล้วก็คงจะต้องไปด้วยเพื่อจะได้ช่วยเตือนสติเขาไม่ให้ทำอะไรร้ายแรง
“พวกอาจารย์จะไปไหนกันเหรอครับ” ปิยะพงษ์ที่เพิ่งกลับมาจากตลาดพอดีร้องทักด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะจอดรถใกล้ๆ กับคนทั้งคู่
เจษฎาหันไปมองอ๊อดเหมือนต้องการจะขอความเห็นซึ่งอ๊อดก็เข้าใจได้โดยทันที อ๊อดใช้เวลาไตร่ตรองอยู่เพียงไม่นานก็ได้คำตอบให้เจษฎา “พาเปี๊ยกไปด้วยเถอะพี่ ครั้งนี้เราจำเป็นต้องใช้คน”
“อืม เอาตามที่อ๊อดว่าละกัน” เจษฎาพยักหน้าไปพรางโบกมือเรียกปิยะพงษ์ให้เข้ามาหา
“ว่าแต่บอกก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหน” เปี๊ยกถามย้ำขึ้นมาแบบซื่อๆ ขณะเปิดประตูหลัง
“เอาไว้ไปคุยกันบนรถ รีบไปก่อน” เจษฎาเร่ง
“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาอุปกรณ์ก่อน” อ๊อดเตือนเพราะไม่อยากบุกเข้าไปมือเปล่า
……….……….……….……….……….
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน