คุยกันก่อนอ่าน สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เ็นเป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้นะครับ
Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 31
หลังจากกล่อมสาวสวยร่างกระทัดรัดให้เข้านอนอย่างหน่ำใจเจษฎาก็ออกมานั่งรับลมสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงของห้องพัก ตั้งแต่ออกจากคุกมาเขาก็เจอแต่ปัญหาวุ่นวายมากมาย เพียงแต่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าในบรรดาเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นจะมีเรื่องผู้หญิงรวมอยู่ด้วย เดิมทีเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้แม้แต่ตอนที่ยังมีหน้าที่การงานการเงินมั่นคงก็ไม่เคยคิดที่จะมีผู้หญิงหลายๆ คนพร้อมกัน แม้แต่ตอนนี้เขาจะมีผู้หญิงติดพันธ์ถึงสามคนเพราะสถานการณ์พาไปก็ตามเขาก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเจ้าชู้อยู่ดี หรือนี้อาจจะเป็นเพราะอาการข้างเคียงที่นักโทษชราบอกกับเขาก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่มีน้ำหนักพอจะมายืนยัน
ถึงการที่มีผู้หญิงมาพัวพันพร้อมกันหลายคนจะทำรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย แต่ก็สร้างปัญหาให้จนคิดไม่ออกว่าจะการยังไงกับความสัมพันธ์กับพวกเธอเหล่านั้นดี ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว แถมอาการปวดตัวก็เริ่มที่จะกลับมาเล่นงานอีกแล้ว เจษฎาอัดควันบุหรี่เข้าปอดไปชุดใหญ่ ก่อนจะปล่อยควันออกมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ สายตามองท้องฟ้าไร้แสงดาว ที่มืดมนพอๆ กับเส้นทางที่เขากำลังจะก้าวเข้าไปในอนาคต
โดยเฉพาะเรื่องที่เจณิตาตีตัวออกห่างจากกำนันประเสริฐ ในเรื่องนี่เขาเองคงมีส่วนด้วยไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้ามีการสืบสาวราวเรื่องก็คงหนีไม่พ้นความผผิดฐานเป็นกิ๊ก และกำนันประเสริฐก็คงจะทำการสืบเป็นแน่ เพราะผู้ชายส่วนใหญ่คงไม่มีใครชอบให้ผู้หญิงของตัวเองไปยุ่งกับชายอื่น เขาเองก็คงต้องเตรียมรับมือกับความโกรธเกรี้ยวนี้ไว้ด้วย ยังไม่นับเรื่องที่เขาเป็นปฏิปักกับกำนันผู้ทรงอิทธิพลอยู่ก่อนแล้ว
คิดไปคิดมาเจษฎาต่อสายหาอ๊อดเพราะตอนนี้เขารู้แล้วเกวลีกับอ๊อดพักอยู่ด้วยกะนเพื่อจะประเมินสถานการณ์ “คุณปลาเป็นยังไงบ้าง”
“เธอดูเครียดๆ ครับ” อ๊อดรายงานเสียงเบามองหญิงสาวที่นั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงหน้าบังกะโล
“มีวี่แววว่าจะกลับบ้านไหม”
“น่าจะยังโกรธพ่อเธออยู่นะครับ ไม่น่าจะเข้าบ้านเร็วๆ นี้แน่”
“อืมเข้าใจแล้ว งั้นฝากจับตาดูด้วยนะ”
“ครับพี่”
หลังจากวางสายเขาก็ยืนขึ้นมองออกไปนอกระเบียง ตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดไปไกลให้มากความ เจษฎาจัดการปรับเปลี่ยนคิดแผนดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อมูลบางอย่างที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาหลังจากพบกับลุงอดีตนักโทษชรา เขานั่งคิดอยู่นานหมดบุหรี่ไปหลายมวนก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแลวเข้านอน
……….……….……….……….………
“พวกมึงนี่นะ ลูกกูหายไปทั้งคนยังเสือกเอาเวลาไปมีเรื่องกับอื่น แถมโดนกระทืบกลับมาอีก เจริญ! เจริญแล้วกูมีลูกน้องแบบนี้” กำนันสะเสริฐโวยวายแต่เช้า จนเสียงด่าดังออกมาจากห้องทำงานจนได้ยินไปทั่วค่ายมวย ทั้งลูกน้องทั้งนักมวยที่อยู่ในค่ายต่างก็หน้าเสีย กลัวว่ากำนันประเสริฐจะเอาความฉุนเฉียวมาลงกับตัวเองไปตามๆ กัน
“ขอโทษครับกำนัน ผมผิดเองครับ” ไอ้รถถังออกหน้ารับความโกรธแทนน้องๆ ที่ไปด้วยกัน ยังไงเสียเขาก็ติดตามกำนันผู้ทรงอิทธิพลมานาน ก็พอจะมีผลงานช่วยให้กำนันเห็นใจไม่เอาโทษได้บ้าง
“ไปๆ ไปตามหาลูกกู ถ้าลูกกูเป็นอะไรไปพวกมึงเตรียมตัวได้เลย กูไม่เอาไว้แน่ ส่วนไอ้ถังมึงอยู่ก่อนกูมีเรื่องจะคุยด้วย” กำนันปรเสริฐส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายกับความไม่เอาไหนของพวกลูกน้อง ลำพังไปมีเรื่องจนเจ็บตัวก็ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่ปล่อยปะละเลยไม่สนใจความปลอดภัยของคนครอบครัวเขา เป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้
“ครับกำนัน” ไอ้รถถังรับคำแล้วหันไปโบกมือไล่ให้พวกน้องๆ รีบออกไปก่อนที่กำนันจะเปลี่ยนใจ
“มึงไปมีเรื่องกับใครมาวะ” กำนันอดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีใครกล้ามาลูบคมเขา ลูกน้องเขาทั้งหมดถ้าไม่ใช่นักมวยก็อดีตนักมวย ยังไม่นับที่พวกมันพกอาวุธปืนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และยังมีเขาคอยดูแลหนุุนหลังชนิดว่าถ้ามีเรื่องกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เจ้าหน้าที่พวกนั้นยังต้องไว้หน้าหลีกทางให้เสียด้วยซ้ำ ขนาดเสี่ยกวงที่มีอำนาจใกล้เคียงกันก็ยังชนตรงๆ ไม่ได้ แต่นี่ถูกเล่นงานกลับมาจนสภาพแต่ละคนดูไม่ได้ ไม่เจ็บหนักก็เพ้อบ้าๆ บอๆ
“ไอ้หมอผีคนนั้นนั่นแหละครับ...” ไอ้รถถังสารภาพเสียงอ่อย
“มันมีพวกด้วยเหรอวะพวกมึงเจ็บกันมาระนาวเลย”
“...คะ...คนเดียว...ครับ” ไอ้รถถังอ้ำอึ่งตอบออกมาเสียงอ้อมแอ้ม
“เฮ้ย พวกยกขโยงกันไปสิบโดนคนเดียวเล่นงานมาเนี้ยนะ” กำนันประเสริฐตกใจจนเกือบตกเก้าอี้ เมื่อครั้งลูกน้องของเขาถูกเล่นงานมาก่อนหน้านี้ยังคิดว่าพวกนั้นแค่ติดประมาท แต่คราวนี้มือขวาคนสนิทของเขาไปด้วยตัวเองกลับได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน ตัวเขาคงจะดูเบาฝีมือของจอมขมังเวทย์รายนี้ไม่ได้เสียแล้ว
“ไอ้หมอผีนั้นของจริงนะกำนัน เตะต่อยมันไปเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นอะไร ยิงก็ไม่เข้า แรงก็เยอะอย่างกับช้าง แถมเรียกกุมารได้ด้วย” ไอ้รถถังร่ายยาวสิ่งมันเจอบวกกับที่พวกลูกน้องเล่าให้ฟังด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่แฝงไปได้วยความหวาดกลัว
“...ชิบหายแล้ว ปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ มึงไปกับกู” กำนันประเสริฐขมวดคิ้วจนเกือบจะชนกัน ในหัวคิดหาทางรับมืออย่างเร่งด่วน
“ไปไหนครับ”
“ไปหาอาจารย์กู”
“แล้วกำนันจะไปหาอาจารย์ทำไมครับ” ไอ้รถถังถามอีก
“ก็เด็กที่ร้านมันบอกว่าช่วงนี้หนูเจนิสไปหาไอ้หมอผีนั้นบ่อยๆ เมื่อวานก็ไปต่างจังหวัดด้วยกัน กูก็คิดว่ามันน่าจะเป่าหูอะไรให้หนูเจนิสมาขอเลิกกับกู กูก็เลยสั่งให้คนไปจับตัวมันมาว่าจะจัดการให้มันจบๆ แต่ถ้ามันมีของดีอย่างที่มึงว่าจริง กูก็คงต้องไปเอาของดีมาติดตัวไว้ก่อนเผื่อต้องปะทะกับมัน”
……….……….……….……….………
“ขอโทษนะครับทำธุระนานไปหน่อย” เจษฎากลับมาจากการไปเข้าห้องน้ำที่ปั้มน้ำมันขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับ เตรียมตัวออกรถพาเจณิตากลับบ้าน หลังจากที่เขาพาหญิงสาวไปแวะกินแวะเที่ยว ให้ได้ผ่อนคลายจากความเครียดที่กำลังมีปัญหากับเพื่อนสนิท
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างฝืนๆ ถึงเวลาที่อยู่กับเจษฎาจะทำให้เธอสบายใจ และหยุดคิดถึงปัญหาไปได้บ้าง แต่เวลาอยู่คนเดียวก็อกคิดมากไม่ได้
เจษฎาออกรถจากปั้มน้ำมันที่แวะเข้ามาจอดอยู่พักใหญ่ขับไปตามทางเรื่อยๆ จนท้องท้องฟ้าเริ่มมืดลงเล็กน้อย แต่รถรายังคงหนาแน่นบนถนนสายนี้
“ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ ที่อุตสาห์เสียเวลามาช่วยเหลือหนู” หญิงสาวชวนคุย ประทับใจในความมีเมตตาของจอมขมังเวทย์
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผิดที่ผมด้วยซ้ำที่ช่วยได้แค่นี้”
“แค่นี้ก็ยังดีค่ะ อย่างน้อยก็ช่วยให้หนูได้คุยกับปลา ถ้าอาจารย์ไม่ไปด้วยไม่รู้ว่าปลาจะยอมเจอหนูรึเปล่ายังไม่รู้เลย”
เจษฎาเงียบมองหน้าหญิงสาวโปรยยิ้มให้อย่างคนอบอุ่น สายตาเหลือบมองกระจกหลังก็จับสิ่งผิดปกติได้บางอย่าง เจษฎาสังเกตุเห็นรถกระบะสีดำสี่ประตูยกสูงที่ขับตามเขาตั้งแต่ก่อนเข้าปั้มน้ำมัน และขับตามเขาออกมาทั้งที่เขาใช้เวลาในปั้มค่อนข้างนาน
“จับดีๆ นะครับ” เจษฎาเตือนเสียงเข้มก่อนจะตบเกียร์กระทืบคันเร่งรถเก๋งของเจณิตาพุ่งทะยานไปด้านหน้าความเร็วรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วขับอย่างฉวัดเฉวียน มุดเปลี่ยนเลนซ้ายที่ขวาที จนในที่สุดกระบะปริศนาก็เปิดเผยตัว เร่งเครื่องและขับไล่ล่าตามเขามาติดๆ จนหลุดมาถึงช่วงที่การจารจรเริ่มเบาบาง รถสองคันต่างหาช่องชิงจังหวะ ฝ่ายหนึ่งต้องการปะทะให้รถหยุด อีกฝ่ายก็หลบหลีกเอาตัวรอด
“เกิดอะไรขึ้นค่ะอาจารย์” เจณิตาถามอย่างแตกตื่น และตกใจกับการขับรถน่าหวาดเสียวของเจษฎา
“เรากำลังโดนไล่ตามนะครับคุณหนู” เจษฎาตอบเสียงเข้ม
“ว๊าย...แล้วเราจะทำไงดีค่ะ หรือว่าจะเป็นคนของกำนัน หนูขอโทษนะคะที่ทำอาจาย์เดือดร้อน” หญิงสาวอุทานเมื่อเจษฎาหลบรถคันหน้าได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจะละล่ำละลักขอโทษขอโพย
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ เดี๋ยวให้ผมสลัดมันทิ้งไปก่อน” เจษฎาบอกสถานการณ์ให้หญิงสาวได้รู้ตัวและเตรียมรับมือ ส่วนเขาก็เพ่งสามาธิทั้งหมดไปกับการควบคุมรถ
“ค่ะ...” หญิงสาวตอบรับเสียงเบาเมื่อเห็นหน้าจริงจังของเจษฎาสองมือจับที่ผักแขนแน่น หรี่ตาลงไม่กล้ามองภาพที่วิ่งผ่านรถด้วยความเร็ว
ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน รถกระบะสีดำก็ขับขึ้นมาตีคู่เบียดเข้าใส่ เจษฎาหักพ่วงมาลัยหลบได้ทันก่อนจะคืนพวงมาลัยไม่ให้รถเสียหลัก เมื่อเจษฎาเห็นว่าถนนด้านหน้าเริ่มโล่งก็เร่งความเร็วขึ้นไป กระบะคันใหญ่ยังตามไม่ลดละก่อนจะเร่งจนสุดกำลังเครื่องยนต์ จนกันชนหน้ากระแทกเข้าใส่ท้ายรถเก๋งของเจณิตาอย่างจัง เก๋งคันเล็กหมุนเคว้ง เจษฎาใช้สติและความสามารถทั้งหมดที่มีประคองให้รถหยุดได้โดยปลอดภัย แต่ก็ทำให้คนบนรถกระบะได้โอกาสจอดรถปิดทางแล้วเดินลงมาพร้อมกับจ่อปืนเข้าหารถเก๋ง
“คุณหนูอยู่ในรถนะครับอย่าออกไป”
เจษฎาเดินลงจากรถพร้อมกับชูมือสองข้างให้เห็นว่าไม่มีอาวุธแล้วยืนรอจนชายฉกรรจ์ท่าทางดุดันเดินเข้ามาใกล้ กอ่นที่มันจะชี้บอกด้วยกระบอกปืน “ไปขึ้นรถแล้วอย่าทำตัวมีปัญญหา”
เจษฎายอมขึ้นรถไปแต่โดยดี เพราะถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาอาจจะทำให้เจณิตาที่อยู่ใกล้ๆ โดนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ
……….……….……….……….………
ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมหรูระดับห้าดาวถูกเปิดเป็นเลานจ์สำหรับลูกค้าชั้นพิเศษ เสี่ยวีรชัยนัดลูกน้องคนสนิทมาปรึกษาวางแผนจัดการเจษฎา ซึ่งก็มีทศพลติดส้อยห้อยตามไอ้ยักษ์มาด้วย
“ทุกคนได้ข้อมูลที่ธิช่าส่งให้แล้วใช่ไหม ใครมีมีวิธีอะไรดีก็เสนอมาหน่อยสิ” เสี่ยวีรชัยประกาศเสร็จก็ดื่มด่ำกับไวน์ราคาแพง
“เท่าที่ดูข้อมูลของคุณธิช่า ไอ้เจษมันทำตัวเป็นศัตรูกับผัวใหม่ของเมียมัน แสดงว่าของคงไม่ได้อยู่กับมันไม่อย่างนัั้นมันคงหอบของหนีไปไกลแล้ว เพราะอย่างนั้นเราไม่ต้องสนใจมันก็ได้ ตรงไปเล่นงานเมียเก่ามันเลยดีกว่า” ชายหัวโล้นร่างท้วมวัยสี่สิบปี ที่มักจะตามติดเสี่ยวีรชัยเหมือนเงาตามตัว ชื่อว่าฤทธิ ออกความเห็น
“ฉันไม่เห็นด้วย ตอนนี้เมียเก่ามันเป็นเมียผู้มีอิทธิพล ที่นั้นเป็นถิ่นของมันขืนเราบุ่มบ่ามทำอะไรไม่คิด แทนที่จะทำงานสำเร็จ จะกลายเป็นเสร็จพวกมันแทน” กันธิชาแย้งเสียงแข็ง
“ผมว่าเริ่มจัดการที่เมียมันก่อนเลยก็ดี” ไอ้ยักษ์พูดยิ้มๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าความเห็นขอมันยังไงเสี่ยวีรชัยก็คงไม่ได้ใส่ใจ แต่การได้ขัดใจกันธช่าต่างหากที่มันต้องการ
“แล้วมึงคิดยังไง ไอ้ทศ” เสี่ยวีรชัยหันไปถามตัวหมากสำคัญที่รู้ภูมิหลังของเป้าหมาย และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เมื่อต้องการ
ทศพลมองซ้ายมองขวาดูสีหน้าคนร่วมโต๊ะ โดยเฉพาะไอ้ยักษ์ที่ทำหน้าดุเหมือนจะเตือนให้เขาคิดให้ดีก่อนพูด สำหรับเขาที่อุตสาห์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะชนะใจสาวสวยฐานะมั่นคงอย่างอริสา ก็หวังว่าจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายบนกองทรัพย์สินที่พ่อแม่ของเธอจะทิ้งไว้ยามที่ตายจาก แต่ทุกอย่างกลับพังทลายเพราะเจษฎา เพราะอย่างนั้นสองผัวเมียนี้จะเล่นงานใครก่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเพียงได้ทำลายชีวิตของพวกมันทั้งคู่ก็สาแก่ใจเขาแล้ว ปัญหาตอนนี้ก็คือจะเลือกเข้าข้างใครดีเพื่อที่จะได้มีที่ยืนอยู่ในสายตาเสี่ยวีรชัยเพื่ออนาคตต่อไปของเขา
“ผมเห็นด้วยกับพี่ยักษ์ครับ” ทศพลเอาใจไอ้ยักษ์ไว้ก่อนเพราะยังไงตอนนี้ก็ยังต้องอาศัยมันอยู่ และมันเองก็เป็นพวกเลือดร้อนถ้าไปขัดใจมันซึ่งๆ หน้าก็เหมือนเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
“อืม...งั้นไอ้ยักษ์มึงไปจัดดการเลยละกัน” เสี่ยวีรชัยยิ้มเจ้าเล่ห์ยกแก้วชี้ไปที่ไอ้ยักษ์ การกระทำของเสี่ยวีรชัยทำให้ธิช่างุนงง และสร้างความประหลาดใจให้ไอ้ยักษ์
“เสี่ยค่ะ…”
กันธิช่าจะแย้งแต่ถูกเสี่ยวีรชัยห้ามไว้ก่อนพร้อมกับให้เหตุผลว่าให้คนอื่นได้มีโอกาสสร้างผลงานบ้าง จากนั้นเสี่ยวีรชัยก็กลับออกไปก่อนเพราะมีธุระกับภรรยาที่บ้าน
……….……….……….……….………
เจษฎาถูกจับสวมถุงผ้าสีดำคลุมศรีษะและมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกเส้นใหญ่ หลังจากที่ถูกนําตัวขึ้นรถไปโดยไมรู้เหนือใต้ เขาไม่ได้พยายามดิ้นลนให้หลุดออกจากพันธนาการ เจษฎานั่งนิ่งสนิทแทบจะไม่ต้องเสียเวลาเดา ในหัวสมองผุดชื่อคนบงการขึ้นมาได้แทบจะทันที เขาคาการณ์ไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้คงรู้ถึงหูเจ้าพ่อใหญ่แน่นอน เพียงแต่กำนันประเสริฐก็ลงมือได้รวดเร็วเหลือเกิน
คนที่มีอิทธิพลอํานาจระดับเจ้าพ่อและกล้าทำเรื่องไม่เกรงกลัวกฏหมาย เมื่อคิดว่าคนทั่วไปตกอยู่ในกํามือคนแบบนี้ ก็คงจะเจอเรื่องโชคร้ายมากกว่าดี โอกาสรอดมีน้อยนิด โดยเฉพาะคนที่ไปยุ่งกับผู้หญิงของกำนัน
ชายหน้าเข้มถูกพามายังสถานที่แห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกนำตัวลงจากรถแล้วถอดถุงผ้าดําคลุมศีรษะออก ซึ่งมันไม่ได้ช่วยให้มองเห็นอะไรรอบตัวชัดกว่าเดิมเพราะฟ้าก็มืดแล้ว แต่ก็มีจุดสังเกตุเป็นต้นมะม่วงมากมายสุดลูกหูลูกตา สถานที่นี่น่าจะเป็นสวนมะม่วงแบบเดาได้ไม่ยาก และน่าจะอยู่ไกลจากชุมชนพอสมควรเพราะที่นี่ค่อนข้างเงียบ แสงสว่างหนึ่งเดียวในพื้นที่ก็คือไฟหน้ารถที่เขาโดยสารมา
แว่วเสียงแมลงราตรีหลากชนิดดังระงมไกล เจษฎษที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ตามใจชอบถูกลากไปโยนทิ้งที่ลานโล่งเต็มไปด้วยปลอกกระสุนปืนและมีเนินดินเป็นทางยาวอยู่ห่างออกไป ด้านหน้าเขามีรถกระบะคันใหญ่จอดอยู่หนึ่งคัน
“กำนัน ตอนนี้น่าจะออกมาคุยกันได้แล้วนะ” เจษฎาทำใจดีสู้เสือส่งสียงพูดเรียกขวัญตัวเอง
ไม่มีเสียงตอบเหมือนอีกฝายตั้งใจลองเชิงดูจิตใจ ความมั่นคงทางอารมณ์เขา
“มึงเป็นพวกของกำนันใช่ไหม..กูรู้นะ...บอกเจ้านายมึงให้ออกมาเถอะ” จบคําพูด เจษฎาก็ตาพร่า แสงไฟสว่างจากรถกระปะตรงถูกเปิดจงใจฉายเขาใบหน้าเขา
ชายร่างอวบใหญ่เหมือนหมีก้าวเดินลงมารถกระบะที่เพิ่งเปิดไฟ ตรงเข้าไปหาเจษฎาที่นั่งคุกเข่าอยู่ช้าๆ ด้วยท่าทางหน้าเกรงขาม ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าของชายหน้าเข้ม
“อึ้ย...” เจษฎาอุทานเบือนหนาหลบมือใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่หน้า แต่หลบไม่พ้นมือที่แข็งแรงปานคีมเหล็กของกำนันประเสริฐจับใบหน้าเขาได้อย่างง่ายดายแล้วให้บิดหันไปสู้กับแสงไฟหน้ารถ
“ไงมึง แน่ไม่ใช่เหรอ” สิ้นเสียงดุ หลังมือหนาๆ ก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าของชายหน้าเข้มจนหน้าสะบัด
เจษฎาตั้งหลักได้หันกลับมามองตาขว้าง ดวงตาไม่มีแววความสิ้นหวัง แม้จะถูกห้อมล้อมไปด้วยอันตรายที่หมายจะทำร้ายเขา
“มึงจะเอายังไง” เจษฎากัดฟันพูด
“เดี๋ยวกูให้พวกเด็กๆ มันเล่นกับมึงสักหน่อยก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน” กำนันทรงอิทธิพลตบหน้าหมอผีจอมขมังเวทย์เบาๆ สองสามครั้งแล้วเดินออกมาให้ลูกหลายคนเข้ามายืนทำหน้าที่ระบายแค้นแทน
“ตุบ” เท้าใหญ่พุ่งมาจากใครไม่อาจทราบได้ กระทุงเข้าที่ท้องน้อยของเจษฎาหนึ่งครั้ง ความรุนแรงทำให้เจ็บเสียดเสียจนพูดไมออก ก่อนที่จะตามมาอีกหลายเท้าจากคนหลายคนที่เข้ามายืนล้อมแล้วป้อนอาหารเย็นให้เจษฎาจนจุกไปถึงคอหอย เสียงเท้ากะทบเนื้อดังขึ้นระคนไปกับเสียงร้องของเจษฎาไปทั่วบริเวณ
“มึงทำดีมากที่จับมันมาได้ ไอ้ถัง ไอ้พงษ์ ไอ้โบ้ พาคนไปตั้งเยอะยังทำอะไรมันไม่ได้ แต่มึงไปกันแค่สองคนก็จับมันได้แล้ว เดี๋ยวกูคงต้องหางานดีๆ ให้มึงทำซะหน่อยแล้ว จะได้ใช้ความสามารถของมึงได้เต็มทีหน่อย ดีไหม”
“ขอบคุณครับนาย” หัวหน้าทีมจับกุมยกมือไหว้ปะหลกๆ ยิ้มแห้งๆเมื่อมองไปที่ชายร่างเตี้ยตันคนสนิทของกำนันที่ยืนดูดบุหรี่อยู่ข้างรถ ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่ชอบใจ
……….……….……….……….……….
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน