พูดคุยก่อนอ่าน : มาแล้ว ๆ กับตอนที่ 5 ของคุณหนูแพรวพรรณ ภาค 2 นะครับ นี่จะเป็นตอนสุดท้ายที่ผมจะอัพลงที่นี่ ส่วนตอนที่เหลือผมคงต้องให้ทุกคนไปอ่านกันในฉบับบนดินแล้วล่ะครับ
ตอนนี้จะมีฉากย้อนอดีตของหลวงบูรพาเสพภักดี ต้นตระกูลจารุศิริการกุลและมีศักดิ์เป็นทวดของหมอพลอยนะครับ หากจำกันได้ ผมเคยบอกว่าตระกูลนี้เป็นตระกูลต้องคำสาปว่า ลูกหลาน โดยเฉพาะสาว ๆ ของตระกูลนี้จะต้องเป็นเมียคนแก่
ตอนนี้ไม่ฉากเลิฟซีนอะไรนะครับ เน้นเรื่องราวและสตอรี่มากกว่า###########################
ความเดิมจากตอนที่แล้ว...//two-hitchhikers.ru/eroticasearch/index.php?topic=247136.0สองวันต่อมา เทิดศักดิ์ยืนกวาดเศษใบไม้และกิ่งไม้ตรงลานพื้นหินอ่อนติดกับสวนดอกไม้หลังบ้านจารุศิริการกุล วันนี้ท่านวิทยาได้สั่งให้คนงานนำต้นอัญชันมาปลูกเพิ่มเติมที่หลังบ้านด้วย
เมื่อวันก่อน ท่านวิทยาได้ไหว้วานให้ตาเทิดเตรียมพรวนดินเอาไว้ เพื่อที่จะได้นำต้นอัญชันที่เตรียมไว้มาลง เพราะคุณหญิงพนิดาผู้เป็นภรรยานึกอยากปลูกต้นดอกอัญชัน และอยากทดลองทำน้ำอัญชันเอาไว้ดื่มและขายในอนาคต
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ไอ้เทิด เดี๋ยวข้ามีงานให้เอ็งทำ”
“งานอะไรครับนาย?” ไอ้เทิดถาม
“คือแพรเมียข้าอยากให้ข้าปลูกต้นอัญชัน เธออยากทดลองทำน้ำอัญชันเอาไว้ดื่มเอง แล้วถ้าเกิดมันเข้าท่าก็คิดอยากต่อยอดทำน้ำอัญชันขาย เดี๋ยวเอ็งช่วยเคลียร์พื้นที่ให้ด้วยนะ ตรงนั้นน่ะ เอาจอบหรือเอาเสียมพรวนดินให้มันร่วน ๆ หน่อยนะ”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเคลียร์พื้นที่ให้” เทิดศักดิ์เหลือบไปมองพื้นที่ว่างตรงสวนดอกไม้หลังบ้าน ก็หันกลับมาตอบตกลง
“ดีมาก…” ท่านวิทยายิ้ม “เดี๋ยวฝากด้วย ข้าต้องออกไปทำธุระต่อ”
ในสายตาของไอ้เทิด ท่านวิทยาเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจที่มีความสามารถ ความจริงมันก็ควรเป็นเช่นนั่น เพราะท่านวิทยาคือผู้ปกครองลูกน้องและพนักงานภายในอาณาจักรจารุศิริการกุลเกือบร้อยชีวิต
หลังจากที่ท่านกษิเดชผู้เป็นพ่อเสียชีวิต ท่านวิทยาก็ก้าวขึ้นมาปกครองอาณาจักรจารุศิริการกุล พัฒนาและต่อยอดจนทำให้ตระกูลแห่งนี้มั่งมีไปด้วยชื่อเสียงเกียรติยศและเงินทอง และทำให้เหล่าบรรดาลูกน้องบริวารได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ท่านวิทยาแม้เป็นคนจริงจัง ดุดัน แต่ก็มีแง่มุมอ่อนโยน โดยเฉพาะลูกน้องที่ขยัน ซื่อสัตย์ ท่านวิทยาจะให้ความเมตตาเป็นพิเศษ ซึ่งอาจนับรวมถึงไอ้เทิด ที่ได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นคนสวนของบ้านจารุศิริการกุล และขึ้นตรงต่อท่านวิทยา ไม่ต้องฟังคำสั่งจากใครในบริษัทอีกต่อไป
พอท่านวิทยาเดินจากไป ตาเทิดก็เดินถือจอบไปพรวนดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนำต้นอัญชันที่ซื้อมาปลูกตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่เอาไว้ ระหว่างที่กำลังถือจอบขุดดินพรวนดินให้ร่วนซุยอยู่นั้น ปลายคมจอบก็ไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างดังเพล้งเข้า
“เฮ้ย!!! อะไรวะ!!” เทิดศักดิ์ชะเง้อหน้ามองด้วยความตกใจ ก็พบกับเศษซากหม้อดินเผาฝังอยู่ใต้ดิน ด้วยความตกใจ มันก็เลยทิ้งจอบ แล้วเดินไปดูให้เห็นกับตา “ใครเอาหม้อดินมาฝังไว้ตรงนี้วะ?”
ภาพที่ไอ้เทิดเห็น คือภาพซากหม้อดินโบราณที่ถูกฝังเอาไว้ใต้ดิน ด้วยความแปลกใจ คนสวนคนใหม่ของบ้านจารุศิริการกุลเลยก้มตัวลงไปใช้มือดึงซากหม้อดินนั้นออกมา
“นี่มันอะไรวะเนี่ย!!!” ตาเทิดหยิบเอาซากตุ๊กตาไม้โบราณที่ถูกปักด้วยตะปู เหมือนมีใครบางคนเล่นคุณไสยแล้วเอาของมาฝังไว้ที่สวนดอกไม้หลังบ้านท่านวิทยา แต่เมื่อดูจาสภาพของหม้อดินเผาและซากตุ๊กตาไม้โบราณ ก็ต้องบอกว่าบางทีสิ่งของเหล่านี้อาจถูกนำมาฝังเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
“รีบเอาไปทิ้งดีกว่าว่ะ…” พอเห็นท่าไม่ดี ไอ้เทิดก็เลยหยิบซากหม้อดินโบราณและซากตุ๊กตาไม้โบราณไปทิ้งรวมในกระบุงที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้กิ่งไม้ เพื่อเตรียมนำไปทิ้งในช่วงเย็น ตลอดทั้งวัน ตาเทิดไม่เห็นคุณหนูแพรวพรรณเลย ตั้งแต่คืนวันนั้นที่ได้ร่วมรักกัน ตอนแรกตาเทิดอยากจะเบิ้ลคุณหนูอีกสักดอก แต่คุณหนูปฏิเสธ เพราะง่วง เลยอด หลังจากนั้นก็เลยไม่ได้คุยกับคุณหนูแพรวพรรณอีก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายอาจรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ทำมันอาจจะผิดอยู่ก็ได้
พอไปถามขวัญฤทัย คนใช้ของบ้านบอกว่าวันนี้คุณหนูแพรวพรรณไม่อยู่บ้าน เพราะเธอไปทำธุระส่วนตัวที่ตัวเมืองชลบุรี กว่าจะกลับบ้านก็เกือบเย็น
หลังจากขุดดินและเอาขยะไปทิ้งเสร็จ เทิดศักดิ์ก็เดินกลับไปที่ห้องในช่วงเย็น เพื่ออาบน้ำแต่งตัว สูบบุหรี่แล้วดูโทรทัศน์ไปตามเรื่องแก้เซ็งจนถึงเวลาสองทุ่ม ก็เริ่มรู้สึกง่วงนอน จึงเผลอหลับไป และในคืนนั้น ไอ้เทิดก็ได้ฝันถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้
……………………………
“คุณหลวงกลับมาแล้ว!!! คุณหลวงพาคณะท่านผู้ตรวจการจากพระนครมาด้วย ไปเตรียมน้ำเตรียมท่ามาเร็ว!!!” เสียงคนใช้ภายในบ้านเรือนไทยของหลวงบูรพาเสพภักดีดังขึ้น เพื่อเป็นสัญญาณให้เตรียมตัวนำน้ำท่ามาเสิร์ฟให้หลวงบูรพาเสพภักดี ผู้เป็นเจ้าของเรือนไทยหลังใหญ่เรือนนี้ ที่มาพร้อมกับเพื่อนขุนนางข้าราชการได้ดื่มแก้กระหาย
“เชิญทางนี้ขอรับใต้เท้า…” หลวงบูรพาเสพภักดี เดินขึ้นมาบนเรือนไทย โดยมีผู้สำเร็จราชการจากพระนครพร้อมคณะมาเยี่ยมเยือนคุณหลวงถึงบ้าน
หลวงบูรพาเสพภักดีคนนี้ คือผู้ก่อตั้งตระกูลจารุศิริการกุล ชื่อเดิมคือ ตี๋เล๊ง แซ่โง๊ว ลูกจีนแต๊จิ๋วอพยพที่มีฐานะยากจน แต่ด้วยความใฝ่รู้ใฝ่เรียน เลยทำให้ไอ้ตี๋คนนี้ได้รับเลือกเป็นนักเรียนทุนไปร่ำเรียนต่อที่เมืองนอก ก่อนกลับมารับราชการในกระทรวงมหาดไทย ด้วยการไต่เต้าจากปลัดอำเภอ และสร้างความดีความชอบเรื่อยมาจนได้รับการแต่งตั้งเป็นหลวงบูรพาเสพภักดี ข้าหลวงแห่งมณฑลบูรพา แต่มีชื่อไทยที่ถูกตั้งขึ้นในภายหลังว่า เชิดเกียรติ จารุศิริการกุล
เทิดศักดิ์จำหน้าของหลวงบูรพาเสพภักดีได้เป็นอย่างดี เพราะเวลาที่ท่านวิทยาและพี่น้องในตระกูลจารุศิริการกุลทำบุญใหญ่ให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษในช่วงเทศกาลสำคัญ ก็มักมีภาพของคุณหลวงคนนี้ปรากฏอยู่เป็นประจำ ทุกคนภายในบ้านรู้ดีว่า นี่คือบุรุษผู้สร้างตระกูลจารุศิริการกุลให้ยิ่งใหญ่ในภาคตะวันออกจวบจนถึงปัจจุบัน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ภาพที่ไอ้เทิดเห็น คือภาพของหลวงบูรพาเสพภักดีในชุดข้าราชการไทยโบราณกำลังพูดคุยคณะผู้สำเร็จราชการด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งไอ้เทิดไม่สามารถรับรู้ได้ว่าข้าราชการกลุ่มนี้กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องอะไร จนกระทั่งคณะผู้สำเร็จราชการได้ลุกขึ้นพนมมือลาคุณหลวงผู้เป็นเจ้าบ้าน
“คุณหลวงขอรับ!! คุณหลวงขอรับ!!” แล้วทันใดนั้น คนใช้ภายในบ้านก็เดินขึ้นมารายงานว่ามีแขกมาขอพบ “ไอ้แดงมาขอพบคุณหลวงขอรับ”
“ให้มันขึ้นมา…” หลวงบูรพาเสพภักดีที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้หยิบกาน้ำชาลายมังกรที่สั่งตรงมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เทใส่จอกดื่มแก้กระหาย ชุดโต๊ะและเก้าอี้ไม้แกะสลักนำเข้าจากมลายู ก่อนหยิบไปป์ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาขึ้นมาโรยยาเส้นแล้วจุดด้วยก้านไม้ขีดไฟ
“คุณหลวงขอรับ…” แล้วคนใช้ของหลวงบูรพาเสพภักดีก็นำตัวไอ้แดง หนุ่มใหญ่ผิวดำแดงขึ้นมาภายในบ้านพร้อมกับเมียและลูกสาว เพื่อมาขอเจรจาผ่อนผันหนี้สินที่ครอบครัวค้างชำระคุณหลวงผู้มากบารมีคนนี้ “ไอ้แดงกับครอบครัวมาแล้วครับ”
“สวัสดีขอรับคุณหลวง…” ไอ้แดงนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้คุณหลวงที่นั่งไข้วห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้สักนำเข้าจากมลายู
“มีอะไรรึไอ้แดง นังอิ่ม…” หลวงบูรพาเสพภักดีคาบไปป์ขึ้นมาสูบเพื่อแสดงถึงอำนาจบารมีที่เหลือกว่าอีกฝ่าย ก่อนเหลือบไปเห็นอีดาวเรือง ลูกสาวของไอ้แดงและนังอิ่ม ที่กำลังโตเป็นสาว “พวกเอ็งสามคนมีธุระอะไรถึงมาหาข้าถึงเรือน?”
“ไหว้คุณหลวงท่านซิอีดาวเรือง…” ไอ้แดงหันไปดุใส่ลูกสาววัยขบเผาะ ที่ตนและภรรยาพามาส่งตัวรับใช้หลวงบูรพาเสพภักดี หลังจากที่ไม่สามารถหาเงินมาชดใช้หนี้สินที่ได้หยิบยืมตามกำหนดการไว้ได้ “จากนี้ไปเอ็งต้องฝากตัวรับใช้คุณหลวงนะ!!”
“สวัสดีค่ะคุณหลวง…” อีดาวเรืองเด็กสาวน้อยวัยขบเผาะ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มไว้ผมทรงดอกกระพุ่ม ก้มลงกราบไหว้หลวงบูรพาเสพภักดีด้วยท่าทางนอบน้อม เพื่อหวังฝากเนื้อฝากตัวรับใช้ข้าหลวงใหญ่แห่งมณฑลบูรพาผู้เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัว
“ลูกสาวเอ็งน่ารักดีนะ ไอ้แดง นังอิ่ม…” หลวงบูรพาเสพภักดีทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องใจ เมื่อได้เห็นดรุณีแรกรุ่นอย่างอีดาวเรืองที่ก้มหน้าก้มตาทำท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเนียมอายอยู่ตรงหน้า “ดาวเรือง? ปีนี้เอ็งอายุเท่าไร?’
“16 เจ้าค่ะคุณหลวง…” แม่ดาวเรืองตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ระหว่างนี้ เอ็งต้องอยู่ที่เรือนของข้า คอยทำงานบ้านงานเรือน ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย เพราะบ้านข้ามีเสบียงกรังพร้อมสรรพ ขอแค่เอ็งทำตัวให้ดี รับใช้ข้าด้วยความซื่อสัตย์ แล้วข้าจะดูแลเอ็งเป็นอย่างดี เอ็งทำได้หรือไม่? ดาวเรือง…”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ค่ะคุณหลวง…” สาวน้อยผมทรงดอกกระพุ่มตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ท่ามกลางรอยยิ้มของหลวงบูรพาเสพภักดี ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้ประตูดิน กล่าวกันว่าคนใช้สาว ๆ ภายในบ้านล้วนตกเป็นเมียของคุณหลวงบ้ากามรายนี้แทบทั้งสิ้น
นี่ยังไม่รวมถึง เหล่าบรรดาชาวบ้านตาสีตาสาที่โชคร้าย เป็นหนี้หลวงบูรพาเสพภักดีแล้วไม่มีปัญญาจ่ายเบี้ยชำระหนี้ ถ้าบ้านไหนมีลูกสาว ก็ต้องพาลูกสาวมาให้คุณหลวงบ้ากามดูตัว ถ้าเกิดคุณหลวงพึงพอใจ ลูกสาวคนนั้นก็จะโดนนำตัวมาใช้ผัดผ่อนแทนหนี้สินในระยะเวลาที่กำหนดไว้
ไอ้เทิดพอเดาเรื่องราวทุกอย่างในความฝันออกว่าอะไรเป็นอะไร เพราะท่านวิทยาเองก็เคยเล่าว่าหลวงบูรพาเสพภักดีต้นตระกูลนั้นเป็นคนเก่ง แต่ก็เป็นคนเจ้าชู้ประตูดินมาก ซึ่งนับว่าโชคดีที่ลูกหลานของคุณหลวงมีชื่อในยุคหลังไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นอีกต่อไป ท่านกษิเดชผู้เป็นลูกชายก็เป็นคนดี รักเดียวใจเดียว หรือแม้กระทั่งรุ่นหลานอย่างท่านวิทยาและผู้พันบี ก็ล้วนเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียเรื่องผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
“แม่ดาวเรืองของพี่…ฮืออออ” แล้วทันใดนั้น เสียงร้องไห้ของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้น เทิดศักดิ์หันไปมอง ก็พบเห็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ ใส่เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาก๊วยสีดำ สวมรองเท้าแตะเก่า ๆ ยืนแอบอยู่หลังต้นไม้หน้าบ้านเรือนไทยของหลวงจารุศิริการกุล
“ไอ้น้องชาย เอ็งเป็นใครวะ?” ไอ้เทิดคิดในใจ ก่อนหันไปมองชายหนุ่มลึกลับคนนั้น
“ไอ้หลวงบูรพา มันแย่งคนรักของกระผมไป!!” ชายหนุ่มปริศนาคนนั้นทำหน้าโกรธทั้งน้ำตา “มันแย่งแม่ดาวเรืองของผมไป!!! มันกับผมจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!! อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!!!”
……………………………
“เฮือก!!! กูฝันไปเหรอวะ!!” แล้วไอ้เทิดก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืด ก่อนหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาแล้วเดินเปิดประตูหลังบ้านหยิบไฟแช็คที่วางบนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบ แล้วนึกถึงภาพความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวัน
ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงฝันอะไรแบบนี้เนี่ย? ไอ้เทิดคิด มันคือลางบอกเหตุอะไรหรือเปล่า? มันเกี่ยวข้องกับการพบเจอหม้อดินโบราณและตุ๊กตาไม้โบราณที่สวนหลังบ้านหรือไม่?
“กูฝันอะไรของกูวะ?” เทิดศักดิ์พ่นควันสีขาวออกมาจากปาก “ฝันแปลก ๆ กูชักสงสัยละว่าบ้านนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างผิดปกติเลย”
เทิดศักดิ์ขยี้ก้นบุหรี่ ก่อนกลับเข้าห้องเดินไปหยิบผ้าขาวม้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกไปกินข้าวเช้าและทำงานในสวนดอกไม้หลังบ้านจารุศิริการกุลตามที่ได้รับมอบหมายไว้
……………………………
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เทิดศักดิ์ก็เดินเข้ามาภายในห้องครัวของบ้านจารุศิริการกุล เพื่อหาข้าวเช้ากิน
“วันนี้มีอะไรให้กินบ้างจ๊ะขวัญ?” เทิดศักดิ์เอ่ยปากถามขวัญฤทัย คนรับใช้ภายในบ้านหลังใหญ่ของท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดา
“แกงส้มดอกแค ไข่เจียวหมูสับคะพี่เทิด” ขวัญฤทัยยิ้ม “ถ้าพี่เทิดหิว พี่เทิดไปตักข้าวได้เลยค่ะ”
“จ๊ะ…” เทิดศักดิ์ยิ้ม ก่อนเดินไปหยิบจานที่วางไว้ในตู้มาตักข้าว ระหว่างที่กำลังตักข้าว ตาเทิดก็เหลือบไปเห็นคนใช้สองคนกำลังถือถาดกับข้าวมื้อเช้าสำหรับท่านวิทยา คุณหญิงพนิดาและคุณหนูแพรวพรรณ ซึ่งเมนูอาหารบนถาดนั้นเป็นอาหารที่ถูกทำอย่างประณีตและละเมียดละไมกว่าอาหารที่คนรับใช้ภายในบ้านได้กินกัน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เพราะกับข้าวสำหรับคนใช้ภายในบ้านจารุศิริการกุลก็ถือว่าอิ่มอร่อย เพราะคนใช้ของบ้านหลังนี้ทำกับข้าวเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยหรือฝรั่ง
หลังจากกินข้าวเสร็จ เทิดศักดิ์ก็เดินไปทำงานที่สวนดอกไม้หลังบ้านจารุศิริการกุล ระหว่างที่กำลังกวาดเศษใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมาบนพื้นหินอ่อน ทันใดนั้น รถกระบะของคนงานจากสวนจารุศิริการกุลก็แล่นมาจอดตรงทางเข้าหน้าบ้านท่านวิทยา คุณหญิงพนิดา และลูกสาวคนเล็กอย่างแพรวพรรณเดินออกมาต้อนรับคนงานที่กำลังขนกระถางต้นดอกอัญชันลงมาจากกระบะท้ายรถ
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย จะให้พวกผมขนกระถางต้นอัญชันไปไว้ที่ไหนครับ?”
“ตามข้ามาเลยพวกเอ็ง ทางนี้ ๆ” ว่าแล้วท่านวิทยาผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เดินนำหน้าคนงานไปที่สวนดอกไม้หลังบ้านจารุศิริการกุล โดยมีคุณหญิงพนิดาและน้องแพรวเดินตามไปด้วย
ตัดมาทางฝั่งของเทิดศักดิ์ที่กำลังยืนกวาดเศษใบไม้และกิ่งไม้อยู่ ก็เหลือบไปเห็นเจ้านายผู้ชายและผู้หญิง คุณหนูแพรว และคนงานที่สวนจารุศิริการกุลเดินถือกระถางต้นอัญชันตามมาติด ๆ
“เอามาส่งแล้วเหรอ?” เทิดศักดิ์เอ่ยปากทักทายคนงานรุ่นน้องที่กำลังขนกระถางต้นอัญชันมาปลูกที่บ้านของท่านวิทยา “ยังมีอีกเยอะไหม?”
“ไม่เยอะหรอกพี่เทิด” คนสวนจากบ้านจารุศิริการกุลตอบ ก่อนนำกระถางต้นอัญชันไปวางในสวนดอกไม้ ขณะเดียวกัน ไอ้เทิดก็ไม่อยากเอาเปรียบรุ่นน้อง เลยเดินกลับไปที่รถกระบะเพื่อยกกระถางต้นอัญชันลงมาจากรถกระบะ
ระหว่างที่เดินกลับมา สามคนพ่อแม่ลูกแห่งบ้านจารุศิริการกุลกำลังยืนคุยกันอยู่ ไอ้เทิดชำเลืองมองคุณหนูแพรวพรรณ ภาพความสัมพันธ์ลึกซึ้งเมื่อสองวันก่อนยังตราตรึง เพียงแต่ คุณหนูคนเล็กของบ้านกลับทำท่าทีหมางเมิน เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่เมื่อค่ำคืนนั้น คุณหนูแพรวพรรณยังพร่ำพรอดคำว่ารักอยู่เลย…
“น้าเทิดขา…ซี้ดดดด…แพรวเสียวจังเลยค่ะ!!”
“เสียวมากไหมครับคุณหนู?”
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“เสียวมากเลยค่ะ…อูยยยยย!!!” ภาพคุณหนูแพรวพรรณนอนทอดกายทอดใจให้ตาเทิดได้เชยชมกายสาวของเธอฉายซ้ำเข้ามาในห้วงความทรงจำที่แสนหวานของเมื่อคืนวาน เทิดศักดิ์แม้ไม่ได้เรียนสูง แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าเพราะอะไร คุณหนูคนสวยถึงมีท่าทีเฉยชาแบบนั้น ก็เพราะยังมีท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาที่ยืนอยู่เคียงข้าง ไอ้เทิดช่วยรุ่นน้องปลูกต้นอัญชันไป ก็แอบชำเลืองมองคุณหนูแพรวพรรณไป ลูกสาวคนเล็กของท่านวิทยาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นราวกับว่าคนอย่างไอ้เทิดไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
“ไอ้เทิด ทุกคน เดี๋ยวฝากที่เหลือด้วยนะ ข้าจะพาเมียข้ากับลูกสาวข้าไปข้างนอก”
“ครับนาย!!” เทิดศักดิ์และลูกน้องอีกสองคนขานรับเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่ท่านวิทยา คุณหญิงพนิดา และคุณหนูแพรวพรรณจะเดินจากไป
“พี่เทิด? มาอยู่ที่บ้านคุณผู้ชายเป็นยังไงบ้าง?”คนสวนรุ่นน้องเอ่ยปากถามไอ้เทิดที่เป็นรุ่นพี่ด้วยความสนใจ “ชีวิตความเป็นอยู่โอเคดีไหม?”
“ก็เรื่อย ๆ ว่ะพวกเอ็ง” เทิดศักดิ์ตอบ
“เฮ้ย!!! พี่เทิด ถามหน่อยซิ!!” คนงานรุ่นน้องเอ่ยปากถาม ระหว่างเอาต้นอัญชันใส่หลุมที่ถูกขุดเอาไว้
“ถามอะไรวะ?” คนสวนรุ่นพี่ร่นคิ้วด้วยความสงสัย
“พี่ได้เจอผีลุงเกริกบ้างป่ะวะ?” คนงานรุ่นน้องถามไปตามตรง ทำเอาเทิดศักดิ์หันไปมองตาขวาง “ถามจริง”
“มาถามอะไรแบบนี้วะพวกเอ็ง?” เทิดมองรุ่นน้องด้วยความสงสัย
“คือวันก่อนพวกผมฝันเห็นลุงเกริกว่ะพี่เทิด” คนสวนรุ่นน้องตอบ “ผมฝันเห็นลุงเกริกกำลังปลูกดอกไม้ของแกอยู่ดี ๆ แล้วแกก็ล้มฟุบไป ผมเลยเข้าไปช่วย แล้วรู้ไหม? ว่าแกพูดว่าอะไร?”
“พูดว่าอะไรวะ?” เทิดศักดิ์ถาม
“แกบอกว่า ฝากมาบอกพี่เทิดด้วยว่า ดูแลสวนดอกไม้แทนแกด้วย” คนสวนรุ่นน้องตอบ
 
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ...
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน