ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านที่ทำให้ต้องรอนาน ช่วงนี้มีงานเข้าเยอะพอสมควร เลยมีเวลามาแต่งต่อไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่รับรองว่ายังไม่ทิ้งไปไหนกลางทางแน่นอน
เพราะอย่างที่เคยบอกว่า เรื่องของหลิว เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้นเอง ของจริงกำลังจะเริ่มต้น หรือเปล่านะ?
งั้นไปติดตามกันต่อเลยดีกว่า.
--------------------------------------------
พิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 12
ลำแสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามากระทบกับดวงตาของสุขุมอย่างจังจนเกิดภาพพร่ามัวไปชั่วขณะ ทำเอาเขาต้องชะลอความเร็วรถลงและค่อย ๆ ปล่อยให้มันเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งสติแล้วพยายามทำตัวและสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด เพื่อขับรถฝ่าด่านตรวจแอลกอฮอล์ที่ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยมาตั้งบนถนนแห่งนี้ สุขุมลดกระจกลงและยิ้มแย้มให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จ้องมองเขาอย่างไม่กระพิบตาเพื่อเสาะหาพิรุธ ชายในชุดเครื่องแบบกวาดสายตาสอดส่องเข้ามาในรถจนทำให้สุขุมเริ่มเกิดความหวั่นไหวพลางจิตใจก็สั่นรัว
“จอดรถข้างทางด้วยครับ” แล้วสิ่งที่สุขุมไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้น เมื่อเขาดันถูกตำรวจสั่งให้นำรถไปจอดชิดข้างทางบริเวณด้านหลังด่านที่ซึ่งมีตำรวจอีกหลายนายยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว
[โถ่เว้ย!! ทำไมต้องมาโดนวันนี้ด้วยว่ะ ซวยจริง ๆ เลยโว้ยยย] สุขุมได้แต่บ่นตัวเองซ้ำ ๆ อยู่ในใจว่าทำไมตำรวจเฮงซวยต้องมาตั้งด่านในวันที่เขาจะได้เผด็จศึกสวาท ดูเหมือนแผนการที่เขาเตรียมมาทั้งหมดมีสัญญาณว่าจะพังทลายลงแล้ว
“มีอะไรหรอครับ คุณตำรวจ” ทันทีที่สุขุมจอดรถเทียบข้างทาง เขาก็ทำใจดีสู้เสือ เอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ เพื่อกลบเกลื่อนความมึนเมาของตนเอง
“หน้าแดง ๆ นี่ดื่มมาหรือเปล่า?” แม้จะเป็นคำถามปกติที่ตำรวจมักจะใช้ถามเวลาตั้งด่าน แต่ในตอนนี้มันช่างดูน่ากลัวสำหรับสุขุมยิ่งนัก
“ปะ ปะ เปล่าครับ” สุขุมรนจนตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก
“แน่ใจนะ!!”
“ครับผม” สุขุมตอบกลับพร้อมทั้งยิ้มให้กับตำรวจที่กำลังจ้องมองเขาเหมือนจะจับความผิดปกติ แล้วสายตาที่เฉียบแหลมของเจ้าหน้าที่ในชุดสีกากีก็เหลือบเห็นหญิงสาวหุ่นอรชรนอนหลับคอพับไม่ได้สติคล้ายกับคนถูกมอมยา
“อ๋อ นั่นแฟนผมเองครับ เขาไม่ค่อยสบายผมเลยจะรีบพากลับไปส่งบ้าน” สุขุมรีบชิงตอบแก้ตัวเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของตำรวจ และได้แต่ลุ้นว่ามันจะเชื่อในคำโกหกของเขาและยอมปล่อยเขาไป
“ลงมาจากรถ แล้วเตรียมใบขับขี่มาด้วย” สุขุมถึงกับใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงแต่จะไม่ปล่อยเขาไปแล้ว กลับบอกให้เขาลงจากรถและทำท่าจะตรวจสอบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในสถานการณ์ที่คับขันเยี่ยงนี้ ดูเหมือนสุขุมจะหมดหนทางและกำลังเข้าตาจน เจ้านายสาวที่ถูกเขาหลอกล่อจนหลงติดกับตามแผนทุกประการคงจะหลุดมือเขาไปอีกครั้ง
.
.
.
ติ๊ด..ติ๊ด……..ติ๊ด..ติ๊ด……..ติ๊ด..ติ๊ด เสียงเรียกเข้าแบบคลาสิคดังขึ้น จนชไมพรที่นั่งดูละครหลังข่าวอยู่นั้นต้องผละตัวลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ม่ายสาวที่ใบหน้าอ่อนกว่าวัยมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เลขหมายอันไม่คุ้นตาโทรเข้ามาหาในยามวิกาลเยี่ยงนี้ อะไรบางอย่างทำให้ชไมพรรู้สึกสังหรณ์ใจจนต้องกดรับสาย ด้วยเกรงว่าอาจเกิดเหตุร้ายกับลูกสาวของตน
“รับช้าจังเลยแม่!!” แม้หมายเลขโทรศัพท์จะเป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก แต่เสียงที่เปล่งออกมาจากคู่สายนั้น ทำเอาเธอคลายความกังวลลงไปเป็นปลิดทิ้งเพราะนั่นคือเสียงของมินตรา ลูกสาวคนเล็กของเธอนั่นเอง
“แม่กำลังดูทีวีอยู่น่ะ แล้วนี่เอาเบอร์ใครโทรเข้ามาล่ะลูก”
“เบอร์ของก้อยน่ะแม่ พอดีเครื่องของหนูแบตหมดไปล่ะ”
“โอเค เดี๋ยวแม่จะได้เซฟเบอร์เอาไว้ แล้วนี่อยู่ไหนแล้วล่ะ?”
“หนูกินข้าวกันเสร็จแล้ว กำลังจะกลับบ้านแล้วค่ะ แล้วพี่มายถึงบ้านหรือยังคะ?”
“ยังเลยลูก วันนี้มายเขาก็ไปทานข้าวกับเพื่อนที่ทำงานน่ะ”
“ดูซิ พี่มายเอาแต่บ่นว่าหนูชอบกลับบ้านดึก ตัวเองก็เหมือนกันแหละ ชิ!!”
“ไม่ต้องไปว่าพี่เขาเลย เขาไม่ได้ไปบ่อยเหมือนเราซะหน่อย”
“ดูสิ แม่เข้าข้างพี่มายอีกแล้ว หนูน้อยใจแล้วนะ”
“แม่ก็แค่พูดเรื่องจริงเฉย ๆ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านล่ะ ขับรถกันดีดีนะลูก”
“ค่ะแม่ แล้วเจอกันค่ะ”
แล้วทั้งคู่ก็วางสายกันไป
.
.
.
บนถนนหนทางที่รถราเริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเวลาดึกมากขึ้น สุขุมขับรถมุ่งหน้าผ่านไปด้วยความเร็วสูงโดยมีสีหน้าแววตาที่ไม่สู้ดีนัก เพราะเขาเสียเงินไปร่วมหมื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบื้องหน้าทำท่าทีขึงขัง แต่พอถูกล่อด้วยเงินตรา คำพูดคำจาก็ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้เงินที่เสียไปจะมากพอตัว แต่ทันทีที่เขาเหลือบมองไปยังที่นั่งข้างคนขับโดยยังมีเจ้านายสาวแสนสวยนอนหลับใหลไม่ได้สติก็กลับมาทำให้เขามีจิตใจเบิกบานสำราญอุราได้อีกครั้ง
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน