สางแค้นตอนนี้ไม่มีบทเสียวนะครับ
twintower
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่สนามยิงปืน แคนที่กำลังใช้ ปืนกล็อก17เล็งไปที่เป้าวงกลมที่ห่างออกไป 25 เมตร และยิงไปทีละนัด จนครบ 5 นัด ทุกนัดนั้นเข้าตรงกลางเป้าอย่างแม่นยำ แล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ช่องยิงปืนข้างๆ อีกฝ่ายหันมามองแล้วยิ้มให้ก่อนจะยก ซิกซาวเออร์พี320 ขึ้นมายิงบ้างจนครบ 5นัด ซึ่งทุกนัดนั้นเกาะกลุ่มตรงกลางเป้าเช่นเดียวกัน
“ผมว่ายังไงก็เสมอกันครับหมอ”
แคนบอกไปยังหญิงสาวขณะถอดที่ป้องกันหูที่ครอบอยู่ออก เหมือนกับอีกฝ่ายที่ทำแบบเดียวกัน
“อ้อมก็ว่าแบบนั้นละคะ ระยะ 25เมตร สำหรับพวกที่เล่นปืนถ้าได้ฝึกยิงบ่อยๆแบบอ้อม มันก็ไม่ยากเท่าไหร่คะ แต่อ้อมรู้ดีว่ายังไงก็สู้ผู้การไม่ได้อยู่ดีคะ”
หมออ้อมนั้นพูดไม่หมด ใจจริงเธอหมายถึงพวกเป้าเคลื่อนที่และยิ่งถ้ามีความกดดันเรื่องความเป็นความตายมาด้วยแล้วมืออาชีพอย่างแคนต้องทำได้ดีกว่าเธออย่างแน่นอน ทั้งคู่มาเจอกันที่สนามยิงปืนโดยไม่บังเอิญ เพราะฝ่ายหญิงนั้นพยายามมาดักรอแคนอยู่หลายครั้งแล้วที่สนามยิงปืนแห่งนี้ เพราะเธอไปถามเจ้าหน้าที่ของสนามยิงปืนที่บอกว่าแคนมายิงปืนที่นี่เป็นประจำ หลังจากวันนั้นที่เจอกันที่ร้านเพชร ที่ทำให้เธอพอจะรู้เรื่องของแคนมากขึ้นจากตูนรวมถึงฐาที่มาใช้บริการที่คลีนิคเธอ หมออ้อมยอมรับว่าเธอนั้นสนใจในตัวของแคนมาก เธอถึงกับลงทุนชวนเพื่อนมาที่สนามยิงปืนนี้บ่อยครั้งเพื่อหวังจะได้เจอแคนแต่ที่ผ่านๆมา เธอผิดหวังตลอดเพราะไม่เจอกับแคน จนมาวันนี้เธอกับเพื่อนๆมากันนานแล้วจนจะพากันกลับ หมออ้อมพยายามซ่อนความผิดหวัง แต่ขณะที่เธอกำลังเตรียมจะเก็บปืน แคนนั้นโผล่มาดี หมออ้อมจึงรีบเดินไปทัก
“สวัสดีคะผู้การ”
“สวัสดีครับหมอ”
อีกฝ่ายตอบรับด้วยสีหน้าปกติแต่คนที่เข้าไปทักแทบจะระงับความดีใจไว้ไม่อยู่ พอแคนทำท่าจะขอตัวไปซ้อมยิงปืน หมออ้อมจึงฉวยโอกาส ขอดูการยิงปืนของแคนเพื่อเทียบกับตนเองเหมือนเป็นการขอประลองกลายๆ โดยเพื่อนๆเธอนั้นยืนเชียร์อยู่ไม่ห่างออกไปนัก แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้หมออ้อมนั้นอิ่มเอมใจอย่างมากและก่อนที่เธอจะกลับ หมออ้อมได้ขอเบอร์ของแคนโดยอ้างว่าเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องยิงปืน ซึ่งแคนไม่ปฏิเสธ พอได้เบอร์จากแคนเธอรีบยิงเบอร์ของเธอไปให้แคนทันที และมันเป็นเบอร์ส่วนตัวที่มีคนรู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ก่อนที่หมออ้อมกับเพื่อนจะกลับ ระหว่างเดินไปที่รถ เธอถามไปที่เพื่อนๆของเธอ
“เมื่อกี้เชียร์ใคร”
“ไม่มีใครเชียร์แกหรอกย่ะ พวกฉันเชียร์ผู้การรูปหล่อคนนั้น”
“ไอ้พวกนี้ ทำไมเป็นคนแบบนี้”
“แต่แกก็ยิงแม่นสูสีกับเขานะ”
“ไม่หรอก ถ้ายิงต่อไปฉันแพ้แน่ ประสบการณ์ ความนิ่งมันต่างกันเยอะ”
เธอบอกเพื่อนๆไปด้วยรอยยิ้ม รอคอยมาหลายครั้งแม้วันนี้จะได้คุยกันไม่มากเท่าไหร่แต่อย่างน้อยก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของชายหนุ่มที่สนใจมาแล้ว ส่วนแคนนั้นซ้อมยิงปืนอยู่โดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมา แต่มีสายตาของหญิงสาว 2คู่ที่มองมาอย่างสนใจและจ้องมองมาตั้งแต่ที่แคนเดินเข้ามาแล้ว พอช่วงจังหวะที่แคนเลื่อนเป้ากระสุนเพื่อมาเปลี่ยน หญิงสาวคนหนึ่งได้พูดขึ้น
“ไปมุก”
นุ่มนิ่มบอกมาที่บอดี้การ์ด มุกดาเดินนำเจ้านายสาวสวยไปที่แคน
“สวัดดีคะผู้การแคน ไม่แน่ใจว่าผู้การการจะจำได้ไหม”
มุกดาเริ่มทักทายแคนก่อน แคนหันมามองเหมือนจะทบทวนความจำก่อนจะตอบ
“จำได้ครับ หมวดมุกดานี่เองสบายดีนะครับ แล้วนี่มาซ้อมเหมือนกันหรือครับ”
“ใช่คะ แล้วพอดีเจ้านายของมุกอยากจะหัดยิงปืนด้วยคะ ตอนนี้มุกออกมาทำงานเอกชนแล้วคะผู้การ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เชียงราย”
“อ้อครับ”
แคนมองไปที่ผู้หญิงสาวหน้าตาสวย ที่ยืนข้างๆมุกดาดีที่แว่นกันสะเก็ดที่แคนสวมนั้นใช้กันแดดได้ด้วย ทำให้ไม่เห็นแววตาของแคน
“คุณประภัสสรหรือคุณนุ่มนิ่มคะ เป็นเจ้านายของมุกเอง”
นุ่มนิ่มเป็นฝ่ายทักแคนก่อน แคนตอบกลับด้วยมารยาท ทั้งคู่ทักทายกันชั่วครู่ก่อนที่นนุ่มนิ่มจะบอกกับแคนก่อนที่เธอจะกลับว่า
“ถ้าผู้การขึ้นไปเชียงรายแล้วมีเวลาว่างนิ่มอยากจะเชิญไปทานข้าวที่บ้านนะคะ มีเรื่องที่อยากคุยด้วยหลายเรื่องคะ”
แคนยิ้มรับแทนคำตอบ พร้อมนึกในใจว่าลูกสาวกำนันน้อมคนเล็กตัวจริงสวยกว่าในรูป เหมือนกับอีกฝ่ายที่มาเจอตัวผู้ชายที่ตนเองแอบหลงรูปมานานแบบใกล้ๆก็แทบจะเก็บอาการไม่อยู่เพราะเห็นใกล้ๆทำให้เห็นความหล่อของแคน ที่เธอยอมรับว่าเธอชอบผู้ชายที่หล่อแบบนี้ ระหว่างเดินไปที่รถ หญิงสาวได้หันมาถามบอดี้การ์ดสาว
“คิดว่าเขาพอจะเดาออกไหมว่าทำไมนิ่มถึงมาเจอกับเขาได้”
อีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมตอบ
“ไม่หรอกคะ”
นุ่มนิ่มยิ้มๆ เธอมั่นใจว่าแคนต้องรู้ว่าเธอคือใคร เธอนั้นตัดสินใจเองที่จะมาพบกับแคนหลังจากที่เธอกลับจากอเมริกา ตอนนี้ฝ่ายเธอดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปแล้ว ตอนที่เธออยู่อเมริกา ขบวนขนยาเสพติด 2 ขบวน ที่เป็นขบวนหลอกและขบวนขนจริง ถูกฆ่าทิ้งทั้ง 2 ขบวน เรื่องคนที่ตายเธอไม่สนใจ แต่มูลค่าความเสียหายของตัวสินค้าและเงินนั้นมันสูงพอสมควร ตอนนี้ประพาสกับทีมงานกำลังวางแผนใหม่อีกครั้งและพยายามหารอยรั่วให้ได้ แต่ยังหาจุดไม่เจอ และเธอสั่งให้ประพาสวางแผนตอบโต้อย่างรุนแรงอีกครั้งด้วย จากที่เธอเคยสั่งให้บัญชาไปสืบดูว่าแคนนั้นอยู่ที่ทำงานหรือไม่ แต่ข้อมูลที่ได้มาคือ แคนเข้าออกที่ทำงานตามปกติ มีไม่เข้าอยู่บ้าง แต่ช่วงเวลานั้นบัญชายืนยันไม่ได้ ทำให้เธอยังค้างคาใจเรื่องความสังหรณ์ใจว่าแคนอาจจะมีส่วนในเรื่องนี้
พอเธอกลับมาถึงเมืองไทยเธอตัดสินใจมาพบแคน จากตอนแรกเธอเองก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไร ประพาสกับลิซ่าห้ามเธอแล้วพอรู้ว่าเธอจะมาพบกับแคน แต่เธอยืนยัน โดยอ้างว่าจะลองดูทีท่าของแคนเท่านั้น เพื่อแผนที่เธอวางไว้ ทั้งๆที่เธอเองก็ยังนึกไม่ออกว่าจะใช้เรื่องอะไร แต่นุ่มนิ่มรู้ดีว่าลึกๆในใจของเธอต้องการอะไร ในเมื่อความต้องการอยู่เหนือเหตุผลทั้งหมด เธอจึงตัดสินใจมาพบผู้ชายที่เธอหลงรูป ตามข้อมูลที่ได้มาแคนมักจะมาซ้อมยิงปืนที่นี่ ทำให้วันนี้เธอจึงลองเสี่ยงโดยชวนมุกดามาเพื่อดักรอและแคนมาจริงๆ ในสายตาของผู้หญิงด้วยกันเธอรู้ว่าผู้หญิงคนที่ยิงปืนแข่งกับแคนนั้นให้ความสนใจในตัวแคนอย่างมาก ทำให้เธอเกิดความหึงขึ้นมาโดยทีเธอไม่รู้ตัว แต่ระว่างที่นั่งรถมาสนามยิงปืนเธอนั้นพอจะคิดหนทางอะไรบางอย่างออกที่มาพบแคน เธอจึงเอ่ยปากชวนแคนไปพบเธอที่บ้านในเชียงราย
ส่วนแคนนั้นยังเดาไม่ออกว่าทำไมจู่ๆลูกสาวคนเล็กกำนันน้อมถึงมาพบตน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่และที่สะดุดใจคือทำไมต้องมีบอดี้การ์ดด้วย จะว่าเป็นแฟชั่นของพวกมีเงินก็มีทางเป็นไปได้แต่แคนไม่ปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอนหลังจากวันที่ทีม B จัดการกับขบวนขนยาเสพติดที่เป็นขบวนหลอกผ่านมา 2อาทิตย์เศษๆ ซึ่งเป็นเวลาก่อนหน้าวันนี้5วัน แคนได้รับข่าวจากลุงพุดว่าจะมีการขนเฮโรอีนมาทางเรือขึ้นที่ภูเก็ตอีกครั้งแกได้ข่าวมาจากคนในพื้นที่ ซึ่งแคนได้วางแผนทันที และแคนพร้อมหน่วยพิเศษที่เลือกมาเฉพาะพวกทหารเรือกับนาวิกโยธินเดินทางที่ภูเก็ต ในช่วงดึกคืนนั้นสภาพอากาศเป็นใจคลื่นลมไม่แรงมากนักและฟ้าเปิดตามคำพยากรณ์อากาศ แคนได้นำเรือประมงลำหนึ่งที่ทางกองทัพเรือจัดหาให้ไปลอยลำรอคอยอยู่ไม่ห่างจากน่านน้ำพม่าเท่าไหร่ จนเรือประมงที่เป็นเป้าหมายวิ่งมาจากทางน่านน้ำพม่าโดยมี UAV ที่คอยบินวนเวียนอยู่ได้ส่งภาพมายังเรือลำที่แคนกับพวกคอยอยู่ทำเป็นวิ่งลากอวนตามปกติ จนเรือประมงลำน้ำวิ่งเข้าเขตน่านน้ำไทย ภาพที่แคนเห็นจากจอคอมพิวเตอร์บนเรือประมงลำนั้นมีการติดอาวุธเป็นปืนกลหนักอยู่ทางหัวเรือพร้อมคนบนเรือที่มีอาวุธปืนกลมือกันแทบทุกคน แคนจึงตัดสินใจทันทีว่าจะไม่เข้าปะทะ
“นางนวลจากพิราบ1 ทางผมเห็นภาพแล้ว ทางผมจะไม่เข้าปะทะคุณจัดการได้เลย”
“รับทราบ”
อีกฝ่ายตอบมาสั้นๆ และไม่นานนักภาพที่แคนเห็นเรือประมงลำนั้นมีแสงวาบขึ้นมาที่หน้าจอ พร้อมกับเสียงระเบิดและประกายไฟสีส้มจากสายตาของอีกหลายคนที่มองผ่านกล้องส่องทางไกล
“พิราบ 1 ออนทาเก็ต ที่เหลือคุณเข้าไปตรวจสอบอีกที ทางผมยังไม่เห็นอะไรมากนัก”
“รับทราบ”
แคนตอบรับก่อนจะสั่งให้คนขับนำเรือเข้าไปที่เป้าหมายทันที คืนนี้แคนได้ของเล่นใหม่โจเซฟส่งมาให้ทางทีมพิเศษ ปกติจะใช้โดรนแบบไม่ติดอาวุธแต่ครั้งนี้เป็น UAV แบบ MQ-9 ที่ติดอาวุธได้และจรวดนำวิถีแบบ Hellfire ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ประมาณ 10 นาทีแคนได้เข้าถึงเป้าหมายที่ตอนนี้มีประกายไฟกระจายเป็นหย่อมๆ เรือลำนั้นแหลกละเอียด เศษซากเรือกระจายไปทั่วพร้อมกับซากศพ
“พิราบ 1 มีคนรอดตาย”
เสียงจากพันจ่าโทสมคิดตะโกนบอกแคน
“เอามันขึ้นมา ตรวจดูให้ทั่วว่ามีอีกหรือเปล่า”
แคนสั่งการไป ส่วนทีมงานใช้สปอต์ไลท์และไฟฉายขนาดใหญ่ในมือส่องหา จนเจอคนที่ยังไม่ตายอีก 2 คน มีคนหนึ่งอาการสาหัส ทันทีที่ขึ้นมาบนเรือ ท้องแขนด้านซ้ายของทั้ง 3 คนถูกตรวจสอบทันที แต่ทุกคนไม่มีรอยสัก เรือวิ่งวนอยู่ครู่หนึ่งและเก็บเฮโรอีนที่ลอยอยู่ในน้ำมาบางส่วน พอไม่เห็นคนที่รอดตายอีกแคนสั่งให้เรือวิ่งกลับเข้าฝั่งและแคนเดินไปตรงหน้าของ 2คน ที่ตัวเปียกโชกมีบาดแผลตามตัวพอสมควรและถูกจับนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเรือ
“มีใครพูดไทยได้บ้าง”
“ผมครับ”
เสียงสั่นๆมาจากคนที่นั่งด้านขวา แคนยื่นห่อที่เก็บมาได้ในมือให้มันดู
“ที่พวกมึงขนนี่สูตรพิเศษ หรือธรรมดา”
ในมือของแคนคือห่อพลาสติกที่ภายในมีผงสีขาวเต็มถุงหน้าถุงคือตราพระจันทร์ครึ่งดวง จากสภาพของห่อที่เก็บได้จากน้ำทะเลนั้นมีการซีลมาอย่างดี น้ำไม่สามารถซึมเข้าไปได้
“พี่พูดเรื่องอะไรครับ”
ห่อเฮโรอีนในมือแคนฟาดไปที่หน้ามันทันที
“กูถามดีๆ อย่ามากวนตีนกู ตอบกูมา ครั้งนี้กูยังปราณีถ้ามึงไม่พูดเหมือนพวกมึงหลายตัวที่ถูกจับก่อนหน้านี้ กูจะให้มึงแดกน้ำทะเล ตรงนี้กฎหมายทำอะไรพวกกูไม่ได้ ตัวกูเป็นกฎหมาย”
คำขู่ของแคนมันได้ผล ไอ้คนที่ถูกตบรีบตอบทันที
“สูตรพิเศษทั้งหมดครับ”
“จะขนไปที่ไหน”
“ขนไปขึ้นที่ภูเก็ตครับ จะมีคนมารับปลายทางจะขนไปสหรัฐครับ”
“กี่กิโล”
“70ครับพี่”
“คำสั่งให้พวกมึงขนไปที่ท่าเรือหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับพี่ จะมีเรือเร็วมารับก่อนจะถึงฝั่งครับ”
“แล้วมึงรู้หรือเปล่าว่าจะขนไปอเมริกาด้วยวิธีไหน”
“รายละเอียดผมไม่ทราบครับ แค่รู้ว่าจะไปขนพักกับพวกมาเฟียที่ภูเก็ตก่อนแล้วทางนั้นจะขนไปเองครับ ผมมีหน้าที่มาส่งเท่านั้นครับ”
“แล้วมึงผ่านพวกพม่ามาได้ยังไง”
“เราจ่ายเงินให้ทหารพม่าครับ และพวกนั้นช่วยก็คุ้มกันให้พวกเราจนมาถึงท่าเรือครับ”
“ใครเป็นคนติดต่อพวกพม่า”
คราวนี้มันเงียบ แคนไม่รอและไม่ถามซ้ำ แคนพยักหน้าไปยังทีมงาน ร่างของมันถูกจับกดให้นอนหงายบนพื้นเรือพร้อมเอาผ้ามาคลุมหน้า น้ำทะเลถูกตักมาราดหน้าทันที มันสำลักไม่หยุดหลังจากน้ำทะเลหมดถัง แคนหันไปมองอีกคนที่มองมาด้วยความหวาดกลัวแล้วจิกหัวไอ้คนที่นอนให้ลุกขึ้น
“บอกกูมาถ้าไม่บอกกูเอาหนักกว่าเดิม”
คราวนี้มันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวก่อนจะรีบตอบเสียงสั่นๆพร้อมกับการสำลัก
“นายใหญ่ครับ ชื่อประพาส”
“นายมึงคือไอ้ประพาส งั้นแปลว่ามึงรู้จักกูสิ และพวกมึง3 ตัวไม่มีรอยสักแปลว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มล่าง”
“ครับพวกผมรู้จักผู้การดี”
มันตอบทั้งๆที่มันแปลกใจว่าแคนรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แคนสอบถามมันอีกร่วม 10 นาทีพร้อมอีกคนที่รอดที่เป็นคนพม่าที่ดูหวาดกลัวมากและยอมพูดอย่างง่ายดายหลังจากโดนขู่จากพันจ่าโทสมคิดที่พูดพม่าได้คล่องแคล่วบอกกับมันว่าจะถูกทำแบบเดียวกับเพื่อน ข้อมูลนั้นตรงกันจนแคนได้ข้อมูลที่พอใจ คราวนี้พวกที่ขนยาไม่มีใครเสพยาแองเจิลมา พอสอบสวนเรียบร้อยแคนพยักหน้าอีกครั้ง คนที่ยืนคุมตัวอยู่ด้านหลังมันทั้ง 2 คนใช้ปืนพกจ่อยิงที่หัวมันทั้งคู่ทันที ส่วนไอ้คนที่บาดเจ็บสาหัสนั้นตายไปก่อนหน้านี้แล้ว ศพมันทั้ง 3 ศพโดนทิ้งลงทะเล ข้อมูลเรื่องเฮโรอีนที่แคนได้มาก่อนหน้านี้มันตรงกันเพราะถ้าสังเกตดีๆ แบบธรรมดาตรงปลายเสี้ยวพระจันทร์ด้านบนจะมีจุดสีน้ำเงินเล็กๆ ที่ต้องดูดีๆ ส่วนถ้าเป็นแบบสูตรพิเศษจะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งดวงตามปกติ นี่เป็นข้อมูลที่ได้จากจ่าจันทลา
การขนยาครั้งนี้เพราะเป็นคำสั่งของนุ่มนิ่มตั้งแต่อยู่ที่สหรัฐ ประพาสได้พยามยามขอเลื่อนไปก่อนเพราะแผนที่วางไว้ไม่รัดกุม แต่ทางลูกค้าไม่ยอมรอ นุ่มนิ่มจึงเร่งให้ประพาสหาวิธีซึ่งครั้งนี้ประพาสได้วางแผนอย่างรัดกุมที่สุดและหาคนที่มีฝีมือในกลุ่ม Aและ B รวมถึงจ้างพวกว้าแดงมาช่วยคุ้มครองด้วย ซึ่งการขนเฮโรอีนครั้งนี้มีคนรู้ไม่กี่คน แต่มาพลาดตรงที่ลูกน้องมาเฟียที่จะคอยรับเฮโรอีนมาพักที่ภูเก็ต เกิดเมาและไปพูดมากในผับแห่งหนึ่ง ทำให้พรรคพวกของลุงพุดที่เป็นเจ้าของผับแห่งนั้นรีบแจ้งมาที่ลุงพุด เพราะก่อนหน้านี้แกขอให้ช่วยดูว่าถ้ามีข่าวเรื่องขนยาเสพติดช่วยแจ้งแกด้วย พอเรื่องไปถึงแคนกับธงรบทำให้ธงกับทีมงานได้วางแผนขึ้นมา ในคืนที่มีการขนยามีตำรวจ ปส.และตำรวจในจังหวัดปูพรมตรวจค้นแหล่งทำกินของพวกมาเฟียทั่วภูเก็ตเพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย
เพราะก่อนหน้านั้น 2 วัน ลูกน้องของมาเฟียที่เผลอหลุดปากถูกตำรวจอุ้มไปสอบที่เซฟเฮ้าส์ก่อนทำให้ทุกคนเข้าใจว่าที่มีการปูพรมตรวจค้นหาสิ่งที่ผิดกฎหมายเพราะลูกน้องของมาเฟียถูกตำรวจจับไปรีดข้อมูล แต่จริงๆมันเป็นการอำพรางเป้าหมายที่แท้จริงที่อยู่กลางทะเล และมันทำให้ประพาสนั้นเข้าใจไปว่าพวกขนยาที่ถูกฆ่ากลางทะเลเพราะตำรวจอาจจะได้ข่าวจากบรรดาพวกลูกน้องของมาเฟียที่ถูกจับ มันเป็นเรื่องบังเอิญและเป็นผลพลอยได้ของทางตำรวจ เพราะหลังจากนั้นทางธงรบให้มีการปล่อยข่าวให้เป็นข่าวลือว่า มีทหารเรือปะทะกับพวกค้ายากลางทะเลและพวกค้ายาต่อสู้ทำให้เรือขนยาถูกจมและคนที่มากับเรือนั้นตายหมด เรื่องนี้ทำให้ประพาสเชื่อว่าเป็นความจริง มันเป็นเหตุให้นุ่มนิ่มโมโหมากและให้วางแผนเพื่อตอบโต้ทางการให้หนักกว่าเก่า
หลังจากที่นุ่มนิ่มมาเจอกับแคนอีก 1 อาทิตย์ต่อมาในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนในฝั่งพม่า ห่างจากอำเภอแม่สายประมาณ 3 กิโล แคนกับทีม A กำลังดักซุ่มรอขบวนขนยาเสพติด และฟังรายงานจากโดรน
“พิราบ 1ข้างหลังห่างจากพวกมันประมาณ 20 เมตร มีกลุ่มใหญ่ตามมาอีกประมาณ 50 คน”
แคนมองไปยังภาพที่ปรากฏบนจอไอแพด และเห็นแบบเดียวกับที่ได้รับรายงาน กลุ่มที่ขนยานั้นมีประมาณ 15 คน แต่ด้านหลังมีกองกำลังติดอาวุธตามมาอีกประมาณ 50 คน ภาพจากโดรนนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน แคนบอกไปที่หมวดสิทธิชัย
“บอกให้พิราบ 4กับ 7ให้ถอนตัวไปที่จุดนัดพบ กำชับไปด้วยนะว่าให้ระวังด้วย”
พิราบ 2รับคำสั่งก่อนจะสั่งการไปยังทีมอีก 2คนที่เฝ้าดักรอดูพวกขบวนขนยา ส่วนแคนสั่งไปยังทีมงานที่ซุ่มอยู่ไม่ห่างออกไป
“จากพิราบ 1 ถึงทีม A ให้ทุกคนถอยไปที่จุดรวมพล ให้ระวังอย่าให้เกิดเสียง”
ทุกคนค่อยๆถอนตัวจากจุดที่ซุ่มอยู่ แคนนั้นเคลื่อนที่เป็นคนสุดท้าย พร้อมกับดูไอแพดตลอดซึ่งโครนนั้นบินวนตามกลุ่มใหญ่นั้นตลอดตามคำสั่งของแคนเพื่อดูว่าพวกมันจะไปที่ไหน จนถึงจุดรวมพลที่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1 กิโล พันจ่าโทสมคิดที่ไปซุ่มดักรอดูขบวนขนยาได้รายงานกับแคนว่า ดูแล้วน่าจะเป็นขบวนหลอกเพราะมีหีบห่อใหญ่มาแค่ห่อเดียวเท่านั้นและดูจะไม่มีน้ำหนักมากอย่างที่ได้รับข่าวมาว่ามีการขนเฮโรอีนประมาณ 50 กิโล
“แล้วเห็นไอ้พวกที่ตามมาหรือเปล่า”
“จากจุดที่ผมซุ่มดูอยู่ไม่เห็นครับผู้การ”
แคนเม้มปากและพยักหน้าส่วนหมวดสิทธิชัยได้เสริมขึ้น
“เท่ากับว่าครั้งนี้มันกะเล่นงานเราอย่างหนักเลยนะครับผู้การ มีขบวนใหญ่แอบตามมา ดีที่เรายังมีโดรนบินคอยดูให้ไม่อย่างนั้นเราเละแน่ มันคงรอให้พวกเราโจมตีแล้วตลบหลังเรา”
“ใช่มันคงกะเอาคืนแน่นอน เราก็เผลอไปฮุบข่าวนี้ แต่ก็ดีอย่างที่หมวดบอกที่เราเห็นการเคลื่อนไหวของพวกมัน”
“จะเอายังไงต่อไปดีครับผู้การ”
“ผมให้โดรนบินตามดูว่ามันไปที่ไหน”
แคนบอกปิดท้ายก่อนจะสั่งถอนกำลังเข้าเขตไทย หลังจากนั้นขบวนขนยากลุ่มนั้นมีเพียง 3คนเท่านั้นที่ลักลอบเข้าฝั่งไทยส่วนที่เหลือพร้อมทีมคุ้มกันที่ติดตามมานั้นวกกลับเข้าพม่าเหมือนเดิม ทางตำรวจได้ติดตามพวกที่ลอบเข้าไทย ซึ่งทั้ง 3คนได้เดินทางมาพักที่เชียงใหม่ 1 คืนก่อนจะนั่งรถไฟเที่ยวเช้าเข้ากรุงเทพ และจากรายชื่อที่ซื้อตั๋วมีอยู่ 1คนที่มีหมายจับเรื่องค้ายาบ้าอยู่ ตำรวจรถไฟได้เข้าจับกุมหลังจากที่รถไฟออกจากสถานีลำปางแต่ทั้ง 3 คน รู้ตัวก่อนและชักปืนขึ้นมาพร้อมขู่ว่าขนระเบิดมาด้วย ถ้าตำรวจเข้ามาจะกดระเบิดที่อยู่ในกระเป๋า ก่อนจะสั่งให้ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานี จนไปถึงพื้นที่ห่างไกลชุมชน มันทั้ง 3 คน สั่งให้ขบวนรถหยุดและจับตัวผู้โดยสาร 2 คน ไปที่ตู้โดยสารแรกและจับคนในตู้โดยสารนั้นเป็นตัวประกันทั้งหมด
ต่อมาทางตำรวจได้ตัดสินใจตัดตู้โดยสารที่เหลือและใช้หัวจักรรถไฟลากกลับไปที่ลำปางโดยปล่อยให้เหลือแต่หัวรถจักรกับตู้โดยสารอีก 1ตู้ พร้อมกับการเจรจาให้ปล่อยตัวประกันประมาณ 20 คน แต่คนร้ายไม่ยอมตอบ มีการเตรียมหน่วย นปพ.ของจังหวัด เผื่อใช้ในการชิงตัวประกัน มีการรายงานสถานการณ์จับตัวประกันไปถึง ผบ.ตร. ก่อนที่จะรายงานไปยังรองนายก ผบ.ตร.ได้ต่อสายไปถึงแคน พอรู้ว่าแคนกับทีมตอนนี้อยู่ที่เชียงใหม่กำลังเดินทางกลับกรุงเทพ จึงขอให้ทีมของแคนเข้ามาช่วยสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ ก่อนที่ผบ.ตร.จะรายงานไปยังท่านรองนายก
“ทำไมให้ทีมพิเศษไปด้วยละ”
“ทีมของแคนตามพวกนี้ตั้งแต่อยู่ที่ฝั่งพม่าแล้วครับและตอนนี้อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุเท่าไหร่ ผมเลยอยากให้ช่วยเสริม นปพ. ก่อนอรินทราชจะขึ้นไปถึงครับ และดูมันแปลกๆด้วยครับ มันต้องมีอะไรมากกว่าจับตัวประกันพร้อมยึดตู้รถไฟ”
ผบ.ตร.บอกกับรองนายกด้วยความมั่นใจ ส่วนแคนกับทีมต่างเปลี่ยนเส้นทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งบริเวณนั้นอยู่ห่างจากชุมชนพอสมควร และมีการประสานงานกับทางตำรวจท้องที่แล้วโดยแจ้งว่ามีหน่วยปฏิบัติการพิเศษของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากลมาฝึกซ้อมที่เชียงใหม่ ทางผู้ใหญ่เลยขอให้มาเป็นกำลังเสริม แคนกับพวกตรวจดูพื้นที่ก่อนและได้ภาพจากโดรนของตำรวจ แคนกับพันจ่าโทสมคิดเลือกเนินแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจุดที่รถไฟจอดประมาณ700 เมตรเป็นจุดซุ่มดู แต่ต้องเดินเท้าฝ่าดงหญ้าไปร่วม 2 กิโล มีแคนกับพันจ่าโทสมคิดและสิบเอกปรีชาทหารจากหน่วยสงครามพิเศษรวม 3 คนที่จะเข้าไปยังจุดที่ซุ่มส่วนที่เหลือคอยเป็นกำลังเสริมทั้ง 3 คนต่างสวมชุดพรางตัวสำหรับซุ่มยิงที่ดูรุงรังพอสมควรก่อนจะพากันเคลื่อนตัว โดยหมวดสิทธิชัยคุมกำลังเสริมอยู่
แคนกับพวกใช้เวลาเดินเข้าไปเกือบ 1ชั่วโมง เพราะสภาพพื้นที่นั้นต้องไต่ขึ้นสูงและไต่ลงมาทำให้ลำบอกพอสมควร ก่อนแคนจะไปจุดหมายถึงได้รับรายงานว่ามีการปล่อยตัวประกันออกมาบางส่วนแล้ว ตอนนั้นเป็นเวลาช่วงบ่าย พอแคนไปถึงจุดหมายที่กำหนดไว้ ทั้ง 3 คนต่างใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่รถไฟ รอบข้างที่เว้นระยะออกมาพอสมควรมีกำลังของเจ้าหน้าที่ล้อมรอบไปหมดแล้ว แคนจึงวิทยุไปสอบถามที่หมวดสิทธิชัย
“พิราบ 2 จาก พิราบ 1 มีอะไรคืบหน้าบ้าง”
“ไม่มีครับ ทางตำรวจกำลังเจรจาอยู่แต่ตอนนี้มันไม่ตอบอะไรเลย”
“มีอะไรคืบหน้าแจ้งมาที่ผมทันที”
“รับทราบ”
แคนประทับปืน M-24 ขึ้นมาพร้อมส่องไปยังรอบๆ เช่นเดียวกับพันจาโทสมคิด ส่วนสิบเอกปรีชาใช้กล้องส่องทางไกลคอยดูเหตุการณ์เช่นกัน จนผ่านไปเกือบชั่วโมง พันจาโทสมคิดได้บอกแคน
“ผู้การมีการเคลื่อนไหว ทางขวามือด้านล่างของเราห่างไปประมาณ 400 เมตร”
แคนนั้นอยู่ตรงจุดเนินที่สูงกว่ามองลงไปด้านล่างตามที่จ่าสมคิดบอก จากกล้องที่ส่องนั้นเห็นคน 3 คนที่แต่งตัวด้วยชุดซุ่มยิงคล้ายๆกับพวกแคนแต่ที่ต่างคือทุกคนนั้นสวมหมวกปีกสายพราง ทั้ง 3คนต่างค่อยๆเดินย่องเข้ามาในมือจะเห็นปืนแบบ M-16 A2 และที่สำคัญมีคนหนึ่งถือเครื่องยิงจรวดแบบ M-72 มาด้วย
“ผู้การพวกนั้นมี M-72 มาด้วย”
สิบเอกปรีชาทหารจากศูนย์สงครามพิเศษบอกแคนทันที แคนจึงวิทยุสอบถามไปที่หมวดสิทธิชัย
“พิราบ 2 คุณช่วยตรวจสอบด้วยว่ามีคนของหน่วยไหนเข้ามาใกล้ที่ผมอยู่”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมาที่แคน
“พิราบ 1 รอบรัศมีคุณระยะ 500 เมตรไม่มีหน่วยไหนอยู่เลยตามคำขอที่เราแจ้งไว้ครับ”
เสียงจากร้อยโทสิทธิชัยดังผ่านหูฟังวิทยุของทั้ง 3 คน แคนตอบรับไปสั้นๆ และหันปากกระบอกปืนพร้อมปรับศูนย์เล็งไปยัง 3 คนนั้นทันที ที่ตอนนี้กำลังหมอบและจ้องมองไปยังรถไฟโดยหารู้ไม่ว่าเหนือพวกมันขึ้นไปมีคน 3 คน จ้องมองมันอยู่และแคนบอกไปว่า
“ตรวจดูรอบๆด้วย จุดที่ตำรวจซุ่มอยู่เรารู้แล้วถ้าใครเห็นมีจุดไหนผิดสังเกตุแจ้งผมด้วยรอดูท่าทีพวกมันก่อน”
จากการตรวจสอบของแคนและทีมงานนั้นตรวจไม่พบอะไรที่ผิดปกติ แคนจึงได้แบ่งเป้าหมายกับจ่าสมคิดแล้วว่าใครจะยิงคนไหนและไม่นานนักหลังจากที่ 1 ใน 3ที่ดูเป็นเหมือนเป็นหัวหน้าขยับตัวถอยมาพร้อมถอดหมวกที่สวมออกขณะกำลังใช้โทรศัพท์อยู่ พันจ่าโทสมคิดที่มองผ่านกล้องเล็งได้อุทานขึ้นว่า
“ไอ้สมโภชน์ ผู้การครับคนที่โทรศัพท์อยู่เป็นอดีตรีคอนครับชื่อพันจ่าโทสมโภชน์ มันเป็นพลซุ่มยิงแต่ถูกไล่ออกเพราะไปขนยาเสพติด ผมรู้จักมันดี มันเป็นรุ่นพี่ผมตอนเป็นนักเรียนจ่า”
พอได้ยินสิ่งที่พันจ่าโทสมคิดรายงานแคนตัดสินใจทันที
“ลมเป็นยังไงบ้าง”
แคนถามไปที่สิบเอกปรีชาที่คอยดูเครื่องวัดลมในมืออยู่ก่อนจะได้รับคำตอบ
“ลมสงบครับ”
แคนนั้นรอจนมันคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วสั่งยิงทันที
“ยิง”
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน