“มันมีด่านได้ยังไงวะ”
เสียงบ่นของดาบณรงค์ที่ขับรถกระบะทะเบียนตราโล่ ในช่วงเวลากลางวันบนเส้นทางจากเชียงรายจะมุ่งไปเชียงใหม่ ดาบณรงค์ขับรถตามรถคันหน้าไปเรื่อยๆจนถึงด่านตรวจ ดาบโชว์บัตรประจำตัวที่คล้องคออยู่ให้ตำรวจประจำด่านเห็น แต่ตำรวจนั้นโบกให้ดาบณรงค์ขับรถไปจอดที่ไหล่ทาง
“อะไรของมันวะ”
ดาบณรงค์บ่นออกมาขณะขับรถไปจอดที่ไหล่ทางและมีตำรวจนายหนึ่งเดินมาหาที่รถ พอเห็นว่ามียศที่สูงกว่าดาบณรงค์จึงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพหลังจากเปิดกระจกรถและยื่นบัตรประจำตัวให้อีกฝ่ายดู
“มีอะไรหรือครับผู้กอง ผมกำลังจะไปทำธุระเชียงใหม่”
อีกฝ่ายรับบัตรมาดูก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“ดาบณรงค์ใช่ไหมครับ”
“ครับผู้กอง”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญดาบไปพบผู้การด้วยครับ ท่านมีเรื่องจะปรึกษา”
ดาบณรงค์ลงจากรถเดินตามนายตำรวจไปที่รถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ห่างรถคันนั้นใช้ป้ายทะเบียนธรรมดาไม่มีเครื่องหมายใดๆที่ระบุว่าเป็นรถของทางราชการ แต่สายตาของดาบณรงค์ไปสะดุดตากับตำรวจนอกเครื่องแบบ 2-3 คนที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากรถและสวมเสื้อกั๊กที่มีตราของตำรวจสอบสวนกลาง ถึงจะสงสัยว่าผู้การที่เอ่ยถึงนี่คือใครแต่ก่อนที่จะเฉลียวใจ ดาบณรงค์เดินไปถึงประตูหลังของรถคันดังกล่าว ประตูรถถูกเปิดโดยตำรวจนอกเครื่องแบบที่สวมเสื้อกั๊ก พร้อมมองไปในรถและพูดกับดาบสั้นๆ
“เชิญครับ”
มันเหมือนเป็นคำสั่งที่ให้ดาบณรงค์เข้าไปในรถ ทำให้ต้องทำตาม พอเข้าในรถดาบจอมแสบเห็นคนที่นั่งเบาะหลังอีกฝั่งที่มองมาอยู่แล้ว ทำให้ดาบณรงค์นั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ผู้การธงรบ”
ธงรบที่แต่งนอกเครื่องแบบและสวมเสื้อกั๊กที่เหมือนกับตำรวจที่อยู่ด้านนอกได้พูดกับดาบณรงค์
“เชิญนั่งก่อนสิดาบ”
มันช้าไปเสียแล้วเพราะในมือของธงนั้นถือปืนพกจ้องมาที่ดาบพร้อมกับตำรวจอีกคนที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับที่ถือปืนจ้องมาที่ดาบเช่นกัน ทำให้ดาบจอมแสบต้องทำตามและก่อนที่จะพูดอะไรธงสั่งให้ดาบณรงค์เขยิบเข้ามาใกล้ๆและตำรวจคนที่เปิดประตูได้เข้ามานั่งประกบพร้อมก้มลงมาสวมกุญแจมือให้ดาบณรงค์ทันทีแล้วปิดประตู
“อย่าทำอะไรโง่ๆนะดาบ อยู่นิ่งๆ”
ธงบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดาบณรงค์ถูกตำรวจที่นั่งประกบค้นตัวทันทีและดาบณรงค์พึ่งเห็นว่าตำรวจคนนั้นสวมถุงมือยางไว้ก่อนแล้ว ปืนพกขนาด.45 ถูกดึงออกจากเอว ตามด้วยปืนขนาด.32ที่คาดอยู่ที่ข้อเท้า ปืนทั้ง 2กระบอกพร้อมด้วยซองกระสุนสำรองถูกใส่ลงถุงพลาสติกซิปล็อคแล้วส่งให้ตำรวจที่นั่งด้านหน้าทันที ตามด้วยโทรศัพท์มือถือ 2เครื่อง ที่ถูกนำไปใส่ถุงซิปล็อกเหมือนกับปืน ส่วนวิทยุสื่อสารนั้นดาบณรงค์วางไว้บนเบาะในรถที่ขับมา
“นี่มันอะไรกันครับผู้การ”
ดาบณรงค์ถามด้วยเสียงที่สั่นๆ ส่วนธงรบเก็บปืนใส่ซองก่อนถึงจะตอบ
“นั่งเงียบๆไปก่อนเถอะดาบ อย่าพูดอะไรมากนัก ดาบดูรถคันที่ดาบมาขับให้ดีนะ ว่ายังไม่ใครทำอะไรกับรถ ไม่ต้องห่วงนะดาบรถคันนี้ติดกล้องหน้ารถ เราจะบันทึกภาพได้ตลอดทางว่าไม่มีใครไปเกี่ยวข้องอะไรกับรถคันนั้น ออกรถได้”
ประโยคหลังธงสั่งไปที่ตำรวจที่นั่งด้านหน้าที่ยกวิทยุขึ้นมาสั่งการตามคำสั่งของธง ส่วนดาบณรงค์มองไปด้านหน้า เห็นรถคันที่ตนเองขับมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปขับแทน และรถเก๋งคันที่นั่งเคลื่อนตามไปติดๆ โดยมีรถกระบะอีกคันปิดท้าย ส่วนดาบณรงค์นั้นหวั่นใจอย่างยิ่ง เพราะรู้ว่าในรถที่ขับมามีอะไรมาด้วย แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาและไม่กล้าที่จะทำอะไรนอกจากนั่งเงียบตลอดทาง จนเวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งในตัวจังหวัดเชียงใหม่ที่อยู่ห่างไกลจากชุมชนพอสมควรและมีรั้วรอบขอบชิดอย่างดี ดาบณรงค์รู้ดีว่าบ้านหลังนี้เป็นเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งของทางตำรวจ หลังจากที่รถเข้าไปจอดในลานจอดหน้าบ้านที่มีตำรวจนอกเครื่องแบบ4-5คนนั้นยืนรออยู่ ดาบณรงค์ที่ยังถูกสวมกุญแจมือถูกนำมาที่รถที่ขับมา
“ดาบไม่ต้องกังวลนะว่าจะมีอะไรซ่อนเงื่อนแบบที่ดาบเคยทำ ทางผมบันทึกภาพทั้งภาพนิ่งและถ่ายวีดีโอไว้ตลอด”
ธงรบบอกไปที่ดาบณรงค์พร้อมชี้ไปที่กล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือตำรวจ2-3 คน ก่อนจะพยักหน้าให้ตำรวจเข้าตรวจค้นรถกระบะที่ดาบณรงค์ขับมา และไม่นานนักตำรวจที่ค้นรถได้เรียกธงรบ
“ผู้การครับเชิญทางนี้ครับ”
ธงเดินไปที่รถพร้อมกับดาบณรงค์ที่ถูกตำรวจที่นั่งประกบมาดันหลังให้เดินตาม ประตูแคปที่ถูกเปิดออกทำให้เห็นเบาะนั่งถูกเปิดออกภายใต้เบาะนั้นมีห่อพลาสติกใสที่ภายในบรรจุผงสีขาวรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลายห่อวางเรียงกันอยู่ และบนห่อมีตราพระจันทร์ครึ่งดวงที่ไม่มีจุดสีน้ำเงินเล็กๆ แสดงว่าเป็นเฮโรอีนสูตรพิเศษ เจ้าหน้าที่ได้หยิบขึ้นมาห่อหนึ่งและใช้เข็มเจาะถุงเพื่อเอาเฮโรอีนจำนวนหนึ่งมาตรวจสอบกับน้ำยาทันที และใช้เวลาไม่นานนักทำให้ยืนยันได้ว่าสิ่งที่ดาบณรงค์ขนมาคือเฮโรอีนอย่างแน่นอน ธงหันมามองดาบจอมแสบที่ตอนนี้หน้าถอดสี แล้วสั่งไปที่ลูกน้อง
“เอาเข้าไปในห้อง”
ดาบณรงค์ถูกนำเข้าไปในบ้านทันที ตำรวจพาดาบณรงค์เข้าไปอยู่ในห้องที่มีโต๊ะแบบพับได้ 1 ตัว และเก้าอี้พลาสติกเพียง 2 ตัว ดาบจอมแสบถูกนำไปนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินออกจากห้องโดยปล่อยดาบณรงค์อยู่คนเดียว ไม่นานนักมีตำรวจนำน้ำเปล่ามาให้ 1ขวดโดยวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไป ดาบณรงค์นั่งอยู่ในห้องด้วยความหวาดหวั่นใจอย่างมากแต่ไม่กล้าที่จะส่งเสียงโวยวาย ผ่านไปชั่วโมงเศษๆ ธงรบเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องตามด้วยเจ้าหน้าที่อีก 2-3 นาย ที่นำกล้องวีดีโอ 2ตัว พร้อมขาตั้งมาวางที่มุมห้อง และเครื่องบันทึกเสียงมาวางบนโต๊ะ ธงรบรอให้เจ้าหน้าที่จัดการติดตั้งจนเรียบร้อยและเดินออกไปจากห้องทุกคน จึงเดินมาที่โต๊ะ พร้อมโยนซองสีน้ำตาล 4-5 ซองที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งด้านตรงข้ามดาบจอมแสบ
“รู้จักผมดีใช่ไหมดาบ”
“ครับท่าน”
“เอาละผมไม่พูดมากนะ ตอนนี้ดาบโดนข้อหาขนเฮโรอีนหนัก 7 กิโลครึ่ง แถมขนมากับรถของทางราชการด้วย”
“ผู้การครับผมอธิบายได้”
“อธิบายอะไรละ”
ธงพูดจบ พร้อมหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมา 1ซองนำภาพถ่ายที่อยู่ในซองออกมา 4 รูป เป็นภาพขนาดใหญ่ ธงโยนรูปเหล่าลงตรงหน้าดาบณรงค์
“ดูภาพพวกนี้ก่อนแล้วกันดาบ”
ดาบณรงค์ใช้มือทั้งสองที่ถูกสวมกุญแจมือหยิบภาพเหล่านั้นขึ้นมาดู มันเป็นภาพของช่วงสายวันนี้ที่ดาบณรงค์ขับรถเข้าไปที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง อู่ซ่อมรถแห่งนี้เป็นจุดพักเฮโรอีนที่ขนมาจากหมู่บ้านตะวันลับจำนวน 20 กิโล และจะนำส่งไปที่เชียงใหม่เพื่อส่งต่อมาที่กรุงเทพฯโดยวิธีการทยอยขนออกไปโดยดาบณรงค์กำกับดูแลมาตลอดและตัวดาบเองเป็นคนขนชุดสุดท้ายออกจากอู่ซ่อมรถแห่งนี้ ในภาพมีตั้งแต่ตอนที่ดาบขับรถเข้าและขับรถออก
“ดาบจะสู้คดีก็ได้นะ ตามกฎหมาย จะมาหาว่าพวกผมยัดยาไม่ได้ เพราะเราบันทึกภาพมาตลอดตั้งแต่ตอนที่ดาบโดนจับจนมาถึงที่นี่”
“ผมๆๆ ทำไปเพราะเตรียมจะล่อซื้อครับผู้การ”
ดาบณรงค์ตอบด้วยเสียงที่ตะกุกตะกัก
“ทำไมต้องโกหกด้วยละดาบ โทษมันจะหนักขึ้นนะ ผมตรวจแล้วไม่มีคำสั่งอะไรออกมาเป็นพิเศษจากชุดปราบยาเสพติดของโรงพักที่ดาบอยู่ทางจังหวัดก็ไม่มี และดาบก็ไม่รายงานอะไรมาด้วย อย่างที่ผมบอก ดาบมีสิทธิที่จะไม่รับสารภาพ แล้วเราจะเอาหลักฐานมาสู้กันในชั้นศาล ดาบจะพูดหรือไม่พูดก็ได้ แต่เดี๋ยวผมจะพาดาบขึ้นคอปเตอร์ไปแถลงข่าวที่กรุงเทพ แล้วเอาดาบไปขังที่กองปราบ เพราะผมดูแล้วดาบเป็นคนที่มีอิทธิพลในท้องที่นี้ แถมดาบเจอข้อหาฆ่าคนตายอีกด้วย”
ธงพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ แต่อีกฝ่ายนั้นเหมือนจะตั้งสติได้แล้ว ได้ย้อนถามกลับมาด้วยท่าทีที่ปกติ
“อะไรกันผู้การจะมายัดข้อหาผมเพิ่มได้ยังไงกันครับ ส่วนเรื่องที่บอกว่าผมขนยานะยังไงผมก็สู้คดีอยู่แล้ว”
ธงยิ้มอย่างเหยียดๆ ก่อนจะหยิบภาพจากซองสีน้ำตาลอีกซองออกมา
“ดาบจำได้ใช่ไหมเมื่อหลายเดือนก่อนที่มีตำรวจ ปส.โดนยิงตายแถวชายแดนใกล้สามเหลี่ยมทองคำแต่หาคนฆ่าไม่ได้ แต่ดาบอย่าลืมสิ หัวกระสุนที่ฝังอยู่ในหัวของตำรวจที่ตายยังอยู่ มันเป็นกระสุนขนาด.32 ภาพแรกนี่หัวกระสุนที่เราได้จากคนตาย”
ธงพูดพร้อมโยนภาพถ่ายลงหน้าดาบณรงค์แล้วพูดต่อทันที
“ส่วนภาพที่ 2,3,4นี่มันเป็นภาพสดๆร้อนๆเลยคือภาพหัวกระสุนที่ยิงออกจากปืนของดาบที่เรายึดมา”
ภาพจากมือธงถูกโยนลงเรียงตามลำดับ แต่อีกฝ่ายนั้นทำท่าทีไม่รับรู้อะไร แถมพูดออกมาด้วยเสียงที่นิ่ง
“ผมอยากสูบบุหรี่ครับ”
“ดาบเลือกจะตายผ่อนส่งหรือไง ผมว่าไม่ต้อง เพราะโทษของดาบนะมันประหาร อย่ามาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ดาบเองก็รู้ว่าสมัยนี้เทคโนโลยีมันทันสมัยขนาดไหน ผมให้คนไปยิงทดสอบจากปืนที่ยึดจากดาบแล้วให้คอมพิวเตอร์มันวิเคราะห์ทันที และมันยืนยันว่ารอยมาร์คกระสุนมันตรงมาจากเกลียวลำกล้องเดียวกัน ดูจากภาพนี้สิดาบ”
ภาพที่ธงโยนไปให้ดาบณรงค์ดูเป็นภาพเชิงซ้อนของหัวกระสุนทั้ง 4 นัดที่แสดงให้เห็นถึงรอยบากที่ตรงกันทั้ง 4นัดแสดงว่าผ่านจากยิงจากปืนกระบอกเดียวกัน
“คนที่เล่นปืนอย่างดาบเองก็ดูออกใช่ไหมว่ามันยิงจากเกลียวลำกล้องของปืนกระเดียวกัน แค่นี้มันก็มัดดาบให้ดิ้นไม่หลุดแล้ว รับรอง 100%ว่าศาลต้องเชื่ออย่างแน่นอน และผมสัญญานะดาบว่า ผมจะขุดคดีเก่าๆของดาบที่ดาบทำมา รับรองว่าจะต้องเจอของเน่าๆที่ดาบซุกไว้เพียบ มันขุดได้ย้อนไปได้เป็นสิบๆปีแน่นอน ดาบอย่าลืมสิว่าพวกที่ถูกดาบยัดคดีแล้วต้องติดคุกนะมีเท่าไหร่ ผมจะเอามาเป็นพยานให้หมดและที่สำคัญ และพวกที่อยู่ในคุกหลายคนคงรอต้อนรับอย่างดีกับเวรกรรมที่ดาบทำไว้กับพวกนั้น”
ธงเว้นระยะไว้ ก่อนจะพูดต่อ
“สมุนของไอ้น้อมที่ยังติดคุกอยู่ หลายคนมันคงดีใจถ้าผมไปเสนอที่จะขอการลดโทษให้พวกมันแลกกับข้อมูลของดาบ ดาบคงรู้ประวัติของผมดีไม่ใช่หรือว่าตอนผมแฝงตัวไปอยู่กับไอ้น้อมปีกว่าๆ ทำไมชื่อของดาบจะไม่หลุดจากปากพวกมันว่าดาบทำอะไรให้ไอ้น้อมบ้าง ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็จับตาดูดาบมาตลอด อย่านึกนะว่าผมมีหลักฐานแค่นี้ ดาบคงรู้จักเพื่อนผมไอ้แคน ดาบคงรู้จักมันสินะ ที่มันสั่งให้ดาบแก้ผ้ายึดพื้นนะ”
ประโยคหลังธงถามไปที่ดาบณรงค์ที่เริ่มเหงื่อแตกทั้งๆที่อุณหภูมิของห้องนั้นเย็นจัดจากแอร์ที่เปิดไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดาบณรงค์นั้นวิตกมาตลอดแต่เก็บเงียบไว้ เพราะกลัวว่าเรื่องของตนเองจะหลุดไปถึงธงตั้งแต่รู้ว่าธงรบเป็นสายตำรวจที่แฝงเข้ามา ถึงจะไม่มีหลักฐานใดๆที่มัดถึงตัว แต่กลัวว่าคนของกำนันจะหลุดปากออกมา แต่แข็งใจตอบธงรบไป
“ครับท่านผมรู้จักผู้การพีรพลครับ”
“นั่นละ ไอ้เฮโรอีนปลอมของดาบที่มันยึดจากดาบได้วันนั้นนะ มันมีทั้งลายนิ้วมือ ทั้ง DNA ของดาบด้วย แค่นี้เราก็เพิ่มคดีให้ดาบได้อีก และมันจะตามมาอีกทวีคูณ และอย่างที่ผมบอกผมเชื่อได้เลยว่าไอ้พวกที่อยู่ในคุกเพราะดาบมันคงรอต้อนรับดาบอย่างดี”
ธงจงใจเว้นระยะเพื่อให้อีกฝ่ายหวาดกลัวมากขึ้นก่อนจะพูดต่อ
“และนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาบขนยาเสพติดเองนี่”
ภาพถ่าย5-6ภาพในซองเอกสารอีกซองถูกหยิบออกมาแล้วร่อนลงไปตรงหน้าดาบจอบแสบ มันเป็นภาพที่ดาบณรงค์แอบขนยาเสพติดก่อนหน้านี้ที่ทางตำรวจแอบบันทึกภาพมาหลายครั้ง ดาบณรงค์หยิบขึ้นมาดูด้วยใบหน้าที่ซีดลงไปอีกแล้วพูดขึ้นว่า
“ผมขอทนายครับผู้การ”
“ดาบได้สิทธินี้อยู่แล้ว แต่อย่าลืมนะว่าหลังจากนี้ ทรัพย์สินต่างๆของดาบจะถูกอายัดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่เชียงราย รวมไปถึงบ้านเมียน้อยของดาบที่เชียงใหม่ด้วย รถ 3คันเงินในธนาคารอีก มีที่ดินอีกนี่ สนุกแน่ดาบผมบอกแล้วผมกัดไม่ปล่อย ถึงจะผ่านมาหลายปีตั้งแต่ได้ยินชื่อของดาบและรอวันที่ดาบพลาดแบบนี้ ผมยอมรับนะว่าที่ผ่านมาดาบฉลาดมากทำอะไรไม่มีร่องรอยแต่มันก็พลาดจนได้ โอเคไปถึงกรุงเทพก่อนแล้วเราจะให้ดาบติดต่อทนายที่นั่น แต่ก่อนที่ดาบจะถึงกรุงเทพ บ้านของดาบคงถูกค้นทุกหลังอย่างแน่นอน ตอนนี้เรากำลังไปขอหมายศาลแล้ว”
ธงทิ้งบอมบ์ชุดใหญ่ทำเอาดาบแสบถึงกับหน้าซีดลงไปอีก จึงพูดกับธงว่า
“ผู้การครับผมขอความกรุณาครับ จะให้ผมทำอะไรก็ได้ อย่าให้ลูกๆผมเดือดร้อน จะให้ผมเป็นสายให้ผมก็ยอมครับ”
มันง่ายกว่าที่ธงคิด เพราะคิดว่าดาบณรงค์คงไม่ยอมง่ายๆ แต่พอเจอหลักฐานที่แน่นหนาที่ทางตำรวจเองตามเก็บข้อมูลมานาน แถมโดนอำว่าเจอ DNA จากของกลางที่แคนยึดไป มันคงสร้างความกลัวให้อีกฝ่ายอย่างมากที่ทำให้รู้ว่ารู้ข้อมูลที่เลวร้ายของเจ้าตัวมาตลอด ธงนั้นพูดต่อพร้อมส่ายหน้า
“ดาบไม่สิทธิอะไรทั้งสิ้น ทั้งหมดอยู่ที่ผมว่าจะทำอะไรต่อ ผมจะเลือกให้ดาบทำอะไรมันอยู่ที่ผมสั่ง ดาบไม่มีสิทธิที่จะเลือก”
“แล้วแต่ผู้การเถอะครับ ชีวิตผมขึ้นกับผู้การแล้ว”
“งั้น ดาบบอกความจริงมาทั้งหมดเกี่ยวกับไอ้ขบวนการนี้ อย่าโกหกผมนะ ถ้าโกหกผมรู้ทันที แล้วดาบจะได้ไปกรุงเทพทันที”
ดาบณรงค์มองไปยังซองสีน้ำตาลอีก2-3ซองที่ยังไม่ถูกเปิดออกมา ดาบณรงค์ก็ไม่รู้ในซองพวกนั้นจะมีภาพหรือเอกสารอะไรอีกบ้าง ดาบณรงค์จึงเริ่มเล่าเรื่องของขบวนการค้ายานี้ ตั้งแต่อดีตทนายความของกำนันน้อมที่ชื่ออดิศรที่ดาบณรงค์เองก็คุ้นเคยได้ติดต่อมาตามด้วยประพาสที่เป็นคนดูแลขบวนการนี้และการติดต่อให้ช่วยหาพื้นที่ตั้งหมู่บ้านตะวันลับ เรื่องของคำรณหรืออุกฤษที่ทำหน้าที่ในการผสมสูตรเฮโรอีนโดยผลิตในสามเหลี่ยมทองคำ การหาคนมาร่วมขบวนการ การฝึกคน เส้นทางการขนยาที่ดาบคอยดูแล ซึ่งข้อมูลนั้นตรงกับที่จ่าจันทลาสารภาพกับแคนมาแล้ว แต่ถือว่าเป็นข้อมูลที่ล้ำค่าโดยเฉพาะรายชื่อของ ระดับหัวหน้าที่รองจากประพาสที่ดาบณรงค์ยอมเปิดเผยหมด แต่ดาบณรงค์ไม่บอกเรื่องนุ่มนิ่ม พอดาบพูดจบ ธงมองไปที่หน้าเหมือนจะกระตุ้นให้พูดต่อ แต่ดาบณรงค์นั้นเงียบ
“แล้วหมวดประพาสเอาเงินทุนมาจากไหน เพราะที่ดาบบอกมันต้องใช้เงินจำนวนมาก”
“ผมไม่ทราบครับผู้การ”
“ผมบอกแล้วอย่าโกหกผมดาบ เราไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว ดาบเตรียมไปกรุงเทพได้”
ธงพูดจบแล้วลุกทันทีขึ้นทำท่าจะเดินออกจากห้อง ทำเอาดาบณรงค์รีบพูด
“ผมบอกแล้วครับ ผู้การได้โปรด ผมกลัวถ้าบอกไปครอบครัวผมจะเป็นอันตราย”
“หนสุดท้ายนะดาบ”
ธงขู่อีกครั้งแต่ยังคงยืนอยู่ไม่ยอมนั่ง ธงยกมือขึ้นมากอดอกแล้วพยักหน้าเตือนให้ดาบณรงค์พูด
“ลูกสาวคนเล็กกำนันน้อมครับ เป็นนายทุน”
“ดาบอย่ามั่ว ลูกสาวไอ้น้อมนะหรือดาบ คนที่ชื่อนุ่มนิ่มนะ เรียนอยู่ที่อังกฤษไม่ใช่หรือ”
ธงบอกไปพร้อมทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“คุณประภัสสรหรือคุณนุ่มนิ่มนี่ละครับ ที่เป็นนายทุน”
ดาบณรงค์รีบพูดออกมาก่อนจะเล่าเรื่องของนุ่มนิ่มให้ธงฟัง รายละเอียดทั้งหมดจากปากของดาบณรงค์ถือเป็นข้อมูลใหม่ที่ทางตำรวจไม่ทราบมาก่อน ทำให้ธงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นที่ฉลาดอย่างมาก ทุกอย่างแนบเนียนมาก เรื่องที่ดาบณรงค์บอกนั้นไม่สามารถที่จะเอาผิดนุ่มนิ่มได้เลย เพราะหลักฐานต่างๆไม่ถึงตัวเธอ จะมีทนายความที่ชื่ออดิศรและประพาสคอยดูแล จนดาบณรงค์บอกเรื่องที่รู้ทั้งหมดให้ธงฟัง
“ผมรู้เท่านี้ครับผู้การ”
“แน่ใจนะว่าเธอทำคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยงข้องทั้งพี่สาวพี่ชายที่บวชเป็นพระ”
“ครับผู้การ เธอเป็นคนบงการเป็นนายทุนคนเดียวครับ ที่ผมไม่กล้าบอกเพราผมกลัวลูกๆผมไม่ปลอดภัย”
ธงไม่สนใจว่าตรงนี้ดาบณรงค์พูดจริงหรือไม่ ธงเอื้อมมือไปหยิบซองอีกซองแล้วหยิบรูปในซอง2-3 ภาพก่อนจะโยนตรงหน้าดาบ
“คนในรูปคือประพาสใช่ไหม”
ดาบณรงค์ก้มดูแล้วพยักหน้าพร้อมพูด
“ใช่ครับ”
“แล้วนี่คือประภัสสรถูกต้องไหมดาบ”
ภาพของนุ่มนิ่ม3-4ภาพถูกหยิบจากอีกซองแล้วร่อนลงไปตรงหน้า ซึ่งบางภาพมีมุกดากับนุ่มนิ่มอยู่ด้วย และภาพสุดท้ายนั้นมีวิฑูรย์อยู่ในภาพด้วย
“ครับผู้การ”
ดาบณรงค์นั้นใจเต้นแรงเพราะคาดไม่ถึงว่าทางตำรวจจะรู้เรื่องของนุ่มนิ่มมาแล้ว การที่ตนเองสารภาพคือการยืนยันเพื่อชี้ตัวผู้บงการไปที่นุ่มนิ่ม
“ภาพสุดท้าย ที่มีผู้ชายเดินตามผู้ชายคนนั้นคือใคร”
ดาบณรงค์รีบเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องวิฑูรย์ทันที ธงฟังจนจบก่อนจะถามต่อ
“ทีนี้ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงสนใจเรื่องของไอ้แคนเพื่อนผมมาก คนในขบวนการนี้รู้จักหน้าผมกับไอ้แคนเป็นอย่างดี มีการติดตามถ่ายภาพ ยิ่งวันที่มีเรื่องชิงตัวประกันกลางกรุงมีการบันทึกภาพไว้ตลอด เรื่องที่เกี่ยวกับผมนะผมรู้ว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงสนใจ ตรงนี้ใครๆก็รู้ว่าที่ไอ้น้อมหายสาบสูญนะผมมีส่วน แต่ไอ้แคน หรือผู้การพีรพลนี่สิทำไมเธอถึงให้ความสนใจ อย่าทำหน้างงว่าทำไมผมถึงรู้เรื่องนี้ บอกมาดาบ”
ดาบณรงค์ถอนหายใจแรงๆเพราะรู้แล้วว่าทางตำรวจนั้นต้องรู้ความเคลื่อนไหวและข้อมูลเกี่ยวกับนุ่มนิ่มมาพอสมควรแล้ว ตนเองปิดบังหรือโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดาบณรงค์จึงบอกถึงสาเหตุที่นุ่มนิ่มให้ความสนใจในตัวของแคน ชื่อของบัญชาที่เธอจ้างให้เป็นนักสืบปรากฎขึ้นมา เรื่องที่เธอข้ามไปฝั่งพม่าเพื่อไปดูจุดที่พ่อเธอถูกฆ่า เรื่องการพบปะของเธอกับพวกกะเหรี่ยงที่เห็นเหตุการณ์ ทำให้เธอสนใจในตัวแคนขึ้นมาเพราะประวัติที่เคยมีปัญหากับพ่อของเธอ การปะทะคารมกันที่โรงพักของแคนกับกำนันน้อม เธอสงสัยว่าแคนมีส่วนร่วมในการฆ่าพ่อของเธอ นุ่มนิ่มจึงสั่งให้ตัวดาบณรงค์และประพาส ช่วยสืบหาข้อมูลของแคนและมีการจ้างนักสืบที่สหรัฐสืบเรื่องของแคนในช่วงที่มาอบรมกับ DEA ถึง 3 ปี บางเรื่องนั้นดาบณรงค์ก็รู้จากประพาสที่เป็นคนใกล้ชิดนุ่มนิ่มและอดิศรที่เล่าให้ฟัง ส่วนธงนั้นฟังด้วยความสงบแต่ภายในใจนั้นไม่สงบตามอาการที่แสดงออก
หรือสาเหตุของเรื่องนี้มันมาจากความแค้นโดยมีผลพลอยได้จากการค้ายาเสพติด บางเรื่องธงเองก็พึ่งรู้ เรื่องสาเหตุการตายของกำนันน้อม การโจมตีของเฮลิคอปเตอร์ กำนันไม่ตายที่โรงงานตามข่าวที่ออก แคนต้องร่วมมือกับหน่วยซีลในการฆ่ากำนันน้อมอย่างแน่นอน ดีไม่ดีคนฆ่ากำนันคือแคน 1ใน 2 ที่พวกกะเหรี่ยงเห็นว่ามีเฮลิคอปเตอร์มารับต้องเป็นแคนอย่างแน่นอน ยิ่งประวัติการทำงานที่ปกปิดของแคนที่ยังสืบไม่ได้มันต้องทำให้นุ่มนิ่มสงสัยว่าแคนจะมีส่วนฆ่าพ่อของเธอ
“ผมบอกหมดแล้วครับผู้การธงรบ ให้ผมสาบานก็ได้”
ดาบณรงค์พูดออกมาหลังจากเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ ธงจึงยิ้มแบบเหี้ยมๆแล้วมองไปที่ดาบณรงค์ที่ตอนนี้เหมือนลูกไก่ในกำมือแล้ว ก่อนที่ธงจะเลื่อนสายตามองไปที่มุมห้องด้านหลังของดาบณรงค์แล้วพยักหน้า มุมนั้นมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ ไม่นานนักประตูห้องถูกเปิดออก มีตำรวจเดินถือแฟ้มใส่เอกสารเข้ามาให้ธงรบแล้วเดินออกไปทันที ธงอ่านเอกสารอย่างคร่าวๆแล้ววางลงตรงดาบณรงค์พร้อมปากกา
“อ่านแล้วเซ็นรับทราบซะ”
ธงสั่งไปที่ดาบณรงค์
ดาบณรงค์ก้มลงอ่านเอกสารแผ่นแรกมันเป็นคำให้การของตนเองทั้งหมด
“ผมต้องเซ็นด้วยหรือครับผู้การ ก็ผมบอกทั้งหมดแล้ว”
“ผมบอกแล้ว ดาบมีสิทธิเลือกหรือไง อ่านให้ละเอียดนะคำให้การหรือคำสารภาพของดาบ แล้วค่อยเซ็นชื่อ ไม่ต้องรีบผมมีเวลาเหลือเฟือ”
มาถึงขั้นนี้แล้วดาบณรงค์ไม่มีทางเลือก จึงจำใจเซ็นชื่อรับสารภาพลงในบันทึกคำให้การ ซึ่งห้องที่อยู่ข้างๆห้องมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่อยู่ในห้อและได้เห็นและได้ยินคำรับสารภาพของดาบณรงค์ทุกถ้อยคำ พร้อมพิมพ์คำให้การแบบคำต่อได้ทันที เอกสารกลับมาอยู่ในมือธงรบที่ตรวจสอบว่าดาบณรงค์เซ็นรับสารภาพถูกต้องหรือไม่
“เอาละดาบต่อไปนี้ไม่ต้องบอกแล้วนะว่าดาบต้องทำอะไรบ้าง ข้อมูลทุกอย่างหลังจากนี้ดาบต้องส่งให้ผมตลอด มีคำสั่งอะไรมาจากไอ้ประพาสมาถึงดาบภายใน 1 ชั่วโมงผมต้องรู้ทันที ดาบรู้อะไรผมต้องรู้ ทุกแผนการไม่ว่าจะเป็นแผนการขนยา หรือแผนการที่มันจะวางกับดักเพื่อฆ่าเจ้าหน้าที่ มันนัดประชุมกันที่ไหน ดาบต้องบอกผมทุกเรื่อง ถ้าดาบบิดพลิ้วโกหกดาบเข้าไปอยู่ในคุกแน่ ถ้าดาบหนี ทรัพย์สินทุกอย่างของดาบจะถูกอายัด ถ้ามีการโอนย้ายทรัพย์สินไปบัญชีหรือชื่อคนอื่น เราก็จะอายัดทันที มีเงินเข้าบัญชีดาบเท่าไหร่ผมไม่สน แต่ถ้ามีเงินโอนออกผมจัดการทันที ถ้าดาบคิดไม่ซื่อจะย้อนรอยเรื่องวันนี้ผมเอาออกสื่อแน่นอน แล้วคิดหรือว่าพอพวกมันรู้มันจะไว้ชีวิตดาบ คนของมันกี่คนที่ต้องตายมาแล้วเหมือนหมาข้างถนนพวกมันไม่เคยคิดที่จะมาสนใจดาบเองก็รู้ดีนี่ มันใช้คนของมันเป็นเหยื่อล่อมาหลายครั้ง อีกอย่างเราจับตาดูดาบทุกย่างก้าวมานานแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้อย่าคิดมาหลอกผม ผมเอาดาบตายแน่”
“ครับผู้การ”
อีกฝ่ายได้แต่รับคำสั้นๆ เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดออกมา ไม่อย่างนั้นมันยิ่งเข้าตัวและดาบณรงค์เองก็ไม่มีทางรู้ว่าอีกห้องที่ดูการสืบสวนผ่านหน้าจอทีวีเครื่องใหญ่อยู่นั้นมีทั้งท่านรองนายกพลตำรวจเอกพิชญ์และผบ.ตร. รวมถึงแคน ทั้งภาพและเสียงนั้นถูกบันทึกมาตลอดแต่ตอนที่ดาบณรงค์เริ่มเล่าเรื่องสาเหตุที่นุ่มนิ่มถึงตามสืบเรื่องของแคนกับธง ท่านรองนายกได้สั่งให้ยุติการบันทึกเสียงทันทีและให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องที่อยู่ในห้องออกไปข้างนอกให้หมดแม้กระทั่งคนที่คอยพิมพ์คำให้การก็ต้องออกไปด้วยและเรียกกลับเข้ามาเมื่อดาบณรงค์เล่าเรื่องจบ จากคำให้การของดาบณรงค์ทำให้ตัว ผบ.ตร.เองก็พึ่งทราบเรื่องการปฏิบัติการในแผ่นดินพม่า ที่เข้าใจผิดมาตลอดว่ากำนันน้อมตายในโรงงาน ส่วนแคนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่พูดอะไร แต่นายตำรวจติดตามท่านรองนายกที่ติดตามตั้งแต่สมัยเป็น รองผบ.ตร.ในตอนนั้นที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีได้พูดขึ้นมา
“ธงมันบีบไอ้นี่ซะหน้าเขียวเลย ว่าอย่างนั้นไหมแคน”
“ไอ้คนพวกนี้มันก็เป็นแบบนี้ละพี่โจ้ มันเก่งและใช้อำนาจกับคนที่ไม่มีทางสู้มาตลอด ลึกๆในใจมันเต็มไปด้วยความกลัว พอเจอคนที่มีอำนาจเหนือกว่ามันก็กลัวไงครับ มันถึงสารภาพออกมาง่ายๆ”
แคนตอบไปที่อดีตผู้บังคับบัญชาสมัยที่เป็นคอมมานโดที่กองปราบ แคนนั้นเดานิสัยของดาบณรงค์ได้จากที่เคยเจอมาทำให้รู้ว่าดาบนั้นเป็นคนมีนิสัยยังไง ส่วนภายในห้องสอบสวนมีตำรวจนำโทรศัพท์มือถือทั้ง 2เครื่องที่ยึดไปนำมาคืนดาบณรงค์
“เอ้านี่โทรศัพท์ผมคืนให้ ดูเหมือนจะมีโทรตามของหลายสายเลยนะดาบ เอาละดาบผมสั่งให้ดาบแสดงละครบทแรกโทรไปบอกพวกมันว่าส่งของได้ตามปกติ เรื่องนี้ดาบคงถนัด อย่าลืมนะดาบต่อหน้าผมยังไงลับหลังดาบก็ทำแบบเดียวกัน และนี่นามบัตรผม ด้านหลังมีเบอร์ที่จะให้โทรรายงานผม ”
ธงสั่งไปที่ดาบณรงค์ ขณะที่อีกฝ่ายรับนามบัตรมาก่อนจะยกโทรศัพท์มาดูทั้ง 2 เครื่อง ดาบไล่ดูเบอร์ที่โทรเข้ามา เป็นเบอร์ของคนที่รอรับของส่วนอีกเครื่องเป็นเบอร์ของประพาส ดาบณรงค์โทรไปหาประพาสก่อน
“ครับหมวด ผมติดงานด่วนครับ มีประชุมลับที่เซฟเฮ้าส์ครับ เลยยังไม่ไปส่งของครับประชุมเสร็จแล้วผมจะรีบเอาไปส่ง”
ดาบณรงค์โทรบอกประพาสโดยไม่มีพิรุธใดๆ เพราะประพาสโทรมาติดตามเพราะได้รับรายงานว่าเฮโรอีนที่ดาบณรงค์เป็นคนขนยังมาไม่ถึง ก่อนที่ดาบณรงค์จะใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรไปบอกคนที่คอยรับของว่าตนเองติดงานด่วนอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงจะนำของไปส่ง
“ดีมากดาบ ต่อไปดาบก็ไปทำหน้าที่ตามงานที่ดาบรับมาให้เสร็จ ไม่ต้องบอกนะว่าอย่าให้เกิดพิรุธอะไร”
ธงรบบอกไปที่ดาบณรงค์ก่อนจะส่งสัญญาณให้ตำรวจเข้ามาเพื่อพาดาบณรงค์ไปที่รถพอไปถึงรถ กุญแจมือที่สวมถูกไขออกพร้อมกับการส่งปืนขนาด.45 คืนให้โดยคืนปืนเปล่าๆไม่คืนกระสุน ส่วนปืนขนาด.32นั้นไม่คืนให้เพราะธงรบเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อกันดาบแสบจะบิดพลิ้ว ดาบณรงค์รับปืนมาด้วยกิริยาที่เซื่องซึมก่อนจะขับรถออกไปจากเซฟเฮ้าส์ ซึ่งจะมีตำรวจคอยติดตามไปห่างๆจนถึงจุดหมายแคนนั้นประเมินดาบณรงค์ได้ถูกต้องที่จะใช้อำนาจข่มขู่กับคนที่สู้ไม่ได้ แต่ถ้าเจอคนที่มีอำนาจเหนือกว่าดาบณรงค์จะเกรงกลัวจากที่เคยเจอมาทำให้การสอบสวนมันง่ายกว่าที่คิด ส่วนภายในบ้านหลังจากธงรบเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องสอบสวน ทางผบ.ตร.ได้ถามกับธงรบ
“แล้วเรื่องขนเฮโรอีนนี่ตามแผนเดิมใช้ไหมธง”
“ครับท่าน รถที่ขนจะถูกทำให้เกิดอุบัติเหตุแถวอยุธยา ตำรวจทางหลวงจะจัดการต่อไป มันจะได้ไม่เกิดพิรุธให้ไอ้พวกนั้นสงสัยไอ้ณรงค์ครับ”
“ดี เอาตามแผนที่ทางธงเสนอมา งานนี้เราไม่รีบค่อยๆบีบทีละนิด เพราะยังไงจากคำให้การของไอ้เวรนี่ เราก็ยังเอาผิดอะไรกับลูกสาวของไอ้น้อมไม่ได้ ต้องหาหลักฐานให้มากกว่านี้รวมถึงไอ้ประพาสด้วย”
“ครับท่าน”
ธงรับคำแล้วมองไปที่เพื่อนที่กำลังคุยกับท่านรองนายกอยู่
“เรียบร้อยครับพ่อ ผมโทรไปบอกโจเซฟแล้ว”
แคนรายงานไปยัง พลตำรวจเอกพิชญ์ พอรู้ว่ามีการจ้างนักสืบให้ตามสืบเรื่องของแคนตอนอยู่สหรัฐ แคนรีบบอกไปที่โจเซฟ เพราะเรื่องของแคนตอนไปแฝงตัวกับบริษัททหารรับจ้างมันเป็นเรื่องลับสุดยอดของทาง DEA ซึ่งทางโจเซฟรับปากว่าจะรีบประสานงานไปยัง FBI เพื่อสืบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ส่วนเรื่องที่ดาบณรงค์รับสารภาพมันสร้างความหนักใจให้อย่างพอสมควร เพราะดูแล้วนุ่มนิ่มนั้นฉลาดอย่างมาก ถึงเธอจะเป็นนายทุนเป็นคนบงการ แต่ไม่มีหลักฐานที่จะมัดไปถึงตัวเธอทุกอย่างมันเป็นคำบอกเล่าเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจเองคงต้องไปจับตาดูที่อดิศรที่เป็นคนทำเรื่องให้ทั้งหมดตั้งแต่การจดทะเบียนบริษัทขนส่งเพื่อบังหน้าให้นุ่มนิ่ม การจดทะเบียนบริษัทรักษาความปลอดภัยให้ประพาส และดูแล้วเอกสารต่างๆรวมถึงเส้นทางการเงินจะเป็นอดิศรที่เป็นคนทำ
แผนการวันนี้ ธงรบกับทีมงานได้วางแผนไว้ตั้งแต่ที่ดาบณรงค์ถูกย้ายกลับมาทำงานตำแหน่งเดิม มีการส่งคนคอยติดตามตลอด ทำให้รู้ว่าดาบณรงค์เข้าออกไปที่หมู่บ้านตะวันลับบ่อยครั้งและยิ่งการขนยาเสพติดที่ถูกทีมพิเศษของแคนโจมตีหลายครั้ง ทำให้ดาบณรงค์ต้องมาควบคุมดูแลการขนยาด้วยตัวเองแทนและบางครั้งก็เป็นคนที่ขนเองมาหลายครั้งซึ่งเป็นหลักฐานที่มัดตัวดาบณรงค์จนแน่นหนา จนครั้งนี้หลังจากที่ได้ข้อมูลมาว่านุ่มนิ่มเป็นหัวหน้าขบวนการ ทำให้ธงรบต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจะได้มาหลักฐานที่แน่นหนาและต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของเส้นทางการขนยาเสพติด จึงรอจนมีการขนเฮโรอีนล็อตนี้ทางตำรวจจับตาดูอยู่ตลอด ตั้งแต่การขนมาพักไว้ที่อู่ซ่อมรถและการทยอยขนกันออกไปที่มีการบันทึกภาพไว้ตลอดจนดาบณรงค์มาขนเองเป็นคนสุดท้าย
ทางธงรบจึงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ตั้งแต่การตั้งด่านตรวจเพื่อทำการจับตัวดาบณรงค์โดยไม่ให้เป็นจุดสนใจและพามาสอบสวนที่เซฟเฮ้าส์ และทุกคนรู้ว่ามันต้องมีข้อมูลที่สำคัญอย่างมาก ทางรองนายกและ ผบ.ตร.ถึงต้องมาดูการสอบสวนด้วยตนเองเช่นเดียวกับแคนที่ถูกเรียกมาฟังการสอบสวนด้วย ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ข้อมูลที่ได้นั้นมันเป็นข้อมูลที่สำคัญมากรวมทั้งเรื่องของนุ่มนิ่มที่ตอนแรกมีการคาดการณ์กันว่าดาบณรงค์นั้นคงไม่รู้รายละเอียดมากนักแต่ข้อมูลทีได้มานั้นมันเกินกว่าที่คิด
และเช้าวันต่อมามีข่าวออกมาว่ารถบรรทุกสินค้าขนาด 6 ล้อ ที่แอบขนเฮโรอีนจำนวน20 กิโลมากับสินค้าประสบอุบัติเหตุถูกรถบรรทุก 10 ล้อปาดหน้าทำให้หักหลบลงข้างทาง ตำรวจทางหลวงที่มาจุดเกิดเหตุ ทำให้เจอห่อเฮโรอีนที่แฝงมาในกล่องสินค้า แต่คนขับรถนั้นหลบหนีไปตั้งแต่เกิดเหตุ แผนการที่วางไว้นั้นเป็นไปด้วยดี
ข่าวนี้มันทำให้ประพาสหัวเสียพอสมควรกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่ดูมันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด จึงต้องกลับไปวางแผนในการขนอีกครั้ง ส่วนดาบณรงค์นั้นกลายเป็น”ลูกหมาเชื่องๆ”อย่าที่ธงบอกกับแคน 2 อาทิตย์ต่อมา ธงรบได้ข้อมูลมาจากดาบณรงค์ เรื่องของการขนยาล็อตใหญ่เข้ามาทางภาคเหนือ
“มันใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองเส้นทางเหมือนกับตอนที่พวกเปายุ่นขน ล็อตนี้ 250 กิโล ยาบ้าอีกกว่า 2 แสนเม็ด”
“แล้วมึงว่าไง”
แคนถามไปที่เพื่อน
“อยู่ที่มึงจะเล่นพวกมันยังไง เอามันในประเทศให้เหมือนตอนฆ่าเปายุ่นก็ได้ กูยังไม่อยากให้พวกมึงไปเล่นพวกมันใกล้ๆหมู่บ้านตะวันลับ เดี๋ยวมันจะไปกระทบกับแผนที่กูวางไว้”
แคนนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ
“ไม่ต้องเอาแบบนั้นหรอก กูมีวิธี ไหนๆโจเซฟส่ง MQ-9 มาให้แล้วกูจะใช้ให้คุ้ม”
“งั้นแล้วแต่มึง”
ธงตอบไปที่เพื่อน
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน