สางแค้นตอนนี้ไม่มีบทเสียวนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ผู้การแคนสวัสดีคะ”
เสียงทักทำให้แคนที่กำลังก้มหน้าทานสลัดเนื้ออยู่เงยหน้าขึ้นมาและเห็นหมออ้อมยืนอยู่ข้างๆโต๊ะ
“อ้าวคุณหมอ สวัสดีครับ”
แคนตอบไปที่อีกฝ่าย ที่ดูจะออกอาการเขินอายอยู่เล็กน้อย
“คะ เอ่ออ้อมอยากจะรบกวนขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ พอดีโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ”
“เชิญเลยครับ ผมขอโทษด้วยลืมเรื่องมารยาทไปเลย”
“ขอบคุณคะ พอดีอ้อมเข้ามาแล้วโต๊ะเต็มทุกตัว เห็นผู้การนั่งทานอยู่คนเดียวขอรบกวนด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ”
หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามแคน จังหวะนั้นพนักงานนำเมนูมาก่อนจะบอก
“สักครู่จะมารับออเดอร์นะคะ
หมออ้อมรับมาดูก่อนจะดูรายการอาหารพอพนักงานมารับออเดอร์เธอสั่ง สลัดปลาแซลม่อนกับน้ำเปล่า 1ขวดก่อนจะถามกับแคน
“ผู้การมาทำธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“ซื้อพวกของใช้นะครับ ที่ห้องมันจวนจะหมดแล้ว แล้วคุณหมอละครับ”
“อ้อมมาดูทำเลที่จะเปิดคลินิกอีกสาขานะคะ แล้วหิวข้าวขึ้นมาพอเดินเข้ามาในร้านเห็นโต๊ะเต็มจะเดินออกแล้วแต่เห็นผู้การนั่งอยู่พอดีคะ เลยมาขออาศัยร่วมโต๊ะด้วย”
คุณหมอสาวพูดความจริงไม่หมด เธอมาดูทำเลที่จะเปิดร้านสาขาใหม่จริงๆ และที่เธอเข้ามาในร้านนี้เพราะเธอเห็นแคนที่นั่งทานอาหารอยู่ จึงทำทีเป็นเดินเข้ามาหาเพราะจากวันที่เจอกันที่สนามยิงปืนเธอไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกับแคนอีกเลย ถึงจะมีเบอร์โทรศัพท์แต่เธอไม่กล้าโทรเพราะไม่รู้ว่าแคนมีงานยุ่งขนาดไหนจนมาเจอแคนในวันนี้
“งานยุ่งไหมคะผู้การ เพราะอ้อมเองเห็นข่าวจับยาเสพติดได้บ่อยแถมมีวางระเบิดขบวนรถกันอีกด้วย”
“ก็พอสมควรครับ ต้องวิ่งรอกไปมา”
“แล้วนี่ซื้อของเรียบร้อยแล้วหรือคะ”
“ครับ ซื้อแล้วเอาไปเก็บที่รถก่อน ถึงมาหาอะไรกิน กลับไปถึงห้องแล้วค่อยทำความสะอาด ขอเติมพลังก่อน”
แคนตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆเพราะตัวแคนนั้นไม่ได้กลับมาที่ห้องเกือบเดือนแล้ว
“ไม่ลองหาแม่บ้านที่ไว้ใจมาทำความสะอาดให้หรือคะ”
เจตนาของหมออ้อมนั้นคือตั้งใจจะชวนอีกฝ่ายคุย
“ห้องผมไม่ใหญ่มากครับ เป็นห้องเล็กๆตามฐานะ ทำได้สบายๆครับ เลยไม่จ้างคนมาทำความสะอาดให้ครับ ดูแล้วไม่จำเป็น อีกอย่างผมเก็บปืนไว้ที่ห้องด้วยต่อให้ไว้ใจขนาดไหนหรือผมเก็บปืนไว้ดีขนาดไหนมันก็อันตรายครับ”
“งั้นพอจะเข้าใจแล้วคะ เอแล้วผู้การใช้ปืนรุ่นไหนบ้างคะอ้อมเคยเห็นผู้การใช้ เบเร็ตต้า กับกล็อก17 ส่วนตอนที่จับคนขนยาที่ห้างผู้การใช้ ซีแซ่ด พี 10 นะคะ”
พอหญิงสาวบอกเรื่องประเภทของปืนที่เคยเห็นแคนใช้ ทำให้แคนนึกชมเธอในใจสมกับเป็นคนที่เล่นปืนจริงๆ
“ใช้ทั้ง 3 กระบอกนี่ละครับ ซื้อจากปืนสวัสดิการครับ”
หัวข้อการคุยเรื่องปืนทำให้การสนทนาของทั้งคู่นั้นไม่เบื่อจนอาหารที่เธอสั่งมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ หมออ้อมจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“เห็นคุณตูนบอกว่าผู้การชอบทานข้าวผัดแต่วันนี้ทานสลัดเนื้อ”
“กินตั้งแต่เด็กๆนะครับ เมื่อก่อนตอนอยู่เชียงรายป้าจะทำให้ทานบ่อย พอมาฝึกว่ายน้ำที่บ้านนพ ตอนนั้นแม่ครัวชื่อป้าสายแกทำอาหารอร่อยมาก พอผมไปป้าสายมักจะทำข้าวผัดให้ผมกินเป็นประจำครับ มันกินง่ายดีนะครับแถมสารอาหารครบด้วย ทั้งข้าวทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์”
“เข้าใจแล้วคะ มันสะดวกจริงๆ แล้วก๋วยเตี๋ยวละคะ”
“นั่นปกติครับ จริงๆตอนผมเด็กๆก็ไม่ค่อยได้มากินที่ร้านของตากับยายเท่าไหร่ เพราะผมอยู่เชียงราย มากินบ่อยๆก็ตอนโตนี่ละครับ ตั้งแต่พ่อกับแม่มารับกิจการต่อ”
“แต่อ้อมอยากจะบอกว่า ร้านของแม่ผู้การทำก๋วยเตี๋ยวอร่อยจริงๆคะ โดยเฉพาะต้มยำ”
“ไปทานมาเมื่อไหร่ครับ”
“ตอนไปเที่ยวกับเพื่อนนะคะพอนึกได้ว่าคุณตูนเคยถึง เลยแวะเข้าไปทานอร่อยมาก สมคำที่หลายๆคนรีวิว ราคาก็ไม่แพง”
หมออ้อมนั้นพูดไม่ตรงทั้งหมด ตั้งแต่เธอรู้จากตูนว่าที่บ้านของแคนขายก๋วยเตี๋ยว เพราะวันที่เจอแคนที่ร้านเพชรหลังจากที่แคนออกจากร้านไปแล้ว ตูนได้คุยกับคุณรัชนีว่า
“พี่แคนนะของฝากก็ไม่มี เดี๋ยวจะไปเอาลูกชิ้นที่ร้านก็ได้ เนอะลิลลี่เนอะ”
“แหมแม่นี่ ไม่ยอมโตจริง”
“ก็จริงนี่คะแม่ แม่พี่แคนบอกว่าตูนกินฟรี ตูนจะไปเอาลูกชิ้นด้วยเอามาร้อยลูก แบ่งให้เจมส์ 25 ลูก ลิลลี่ 25 ลูก ส่วนที่เหลือของตูน”
“อ้าวทำไมคุณตูนได้มากกว่าหลานละคะ”
หมออ้อมถามด้วยเสียงหัวเราะ
“โอ๊ย 50 ลูกตูนกินจริงๆไม่ถึง 10 ลูกคะ ไหนจะหลาน 2 คน ไหนจะน้องๆอีกตั้ง 7ตัว ถ้าลองไม่ให้นี่นั่งกดดันกันน่าดู”
ตูนตอบเธอด้วยเสียงหัวเราะก่อนจะก้มหน้าไปหาหลานสาว
“เนอะลิลลี่เนอะ ก๋วยเตี๋ยวร้านลุงแคนอร่อยเนอะ”
“บ้านผู้การขายก๋วยเตี๋ยวด้วยหรือคะนี่”
เธอถามไปที่ตูน
“ใช่คุณหมอ ขายที่หัวหินเป็นกิจการตกทอดกันตั้งแต่ตากับยายของพี่แคน ทำอร่อยด้วยโดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวต้มยำเป็นสูตรเฉพาะคะ มีคนไปกินแล้วรีวิวกันหลายคนแล้วด้วยคะ ราคาก็ไม่แพงคะ”
พอรู้จากตูนหมออ้อมจึงหาโอกาสไปแวะชิมมาแล้ว เธอตั้งใจไปจริงเพื่อไปกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียวแล้วขับรถขับกรุงเทพ ทำให้เธอคุยกับแคนได้มากขึ้น
“ยายบอกแม่ไว้นะครับ ว่าต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วเปิดร้าน ไม่ใช่เปิดร้านแล้วแต่ยังเตรียมอะไรไม่เรียบร้อย ลูกค้าต้องมานั่งรอดูเราหั่นหมู หั่นผัก น้ำซุปยังไม่เดือดแบบนั้นไม่ได้ แม่ทำตามอย่างเคร่งครัด ประตูร้านเปิดทุกอย่างต้องพร้อม”
แคนบอกกับเธอหลังจากที่เธอชมว่าร้านสะอาด ทุกอย่างดูดีไปหมด การสนทนาของทั้งคู่นั้นเป็นไปด้วยดี จนได้เวลาที่ทั้งคู่ต่างแยกย้าย ระหว่างที่แคนขับรถกลับคอนโด ทำไมแคนจะไม่รู้ว่าหมอสาวคนนี้ให้ความสนใจกับตนเองเป็นพิเศษ แต่ที่ผ่านๆมางานของแคนนั้นถือว่าเสี่ยงพอสมควร แถมเป้าหมายหลักคือการกำจัดกำนันน้อม ทำให้แคนเลยไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ยิ่งตอนนี้งานของตนเองนั้นยิ่งเสี่ยงอันตรายมากขึ้น แคนไม่อยากมีภาระไปมากกกว่านี้จึงอยากรักษาระยะห่างไว้ก่อน ที่สำคัญคือความแตกต่างกันทางด้านฐานะทางสังคม ถึงตนเองจะมียศมีตำแหน่ง แต่ก็เทียบกับฐานะทางบ้านของหมออ้อมไม่ได้
และที่สำคัญที่สุดตอนนนี้แคนมั่นใจว่า นุ่มนิ่มนั้นต้องรู้แล้วว่าพวกที่ตามฆ่าขบวนการขนยาของเธอต้องมีแคนอยู่ในพวกนั้นอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ 2อาทิตย์ แคนได้ทำตามแผนที่วางไว้กับธงรบ แคนนำทีมแทรกซึมไปบริเวณรอยต่อของสามเหลี่ยมทองคำ โดยเป้าหมายคือชุมชนเล็กๆที่อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านตะวันลับเท่าไหร่นัก มันเป็นช่วงเวลาค่ำ รถกระบะขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ 4 ประตูไม่ติดทะเบียนแคนนั่งมากับทีมพิเศษ อีก 4 คน รถจอดอยู่ไม่ห่างจากเพิงที่ทำเป็นร้านเหล้า ภายในร้านมีคนนั่งอยู่ประมาณ 20 คนสังเกตได้จากความสว่างที่มาจากเครื่องปั่นไฟ
“คงเป็นพวกมันทั้งหมดนะผู้การ”
ดาบตำรวจวีระหัวหน้าทีม B ที่ทำหน้าที่ขับรถพูดกับแคน
“น่าจะใช่ ตามที่ไอ้ณรงค์มันรายงานไปที่ธง เตรียมตัวไว้ให้ดีผมจะเข้าไป”
“ไม่ให้ผมตามไปด้วยหรือครับ”
“ไม่ต้องดาบผมเข้าไปคนเดียว ส่วนที่เหลือทำตามแผนที่เราวางไว้ ตรวจเช็คอุปกรณ์กันก่อน”
แคนพูดจบแล้วจัดการตรวจเช็ดวิทยุและหูฟังพร้อมปืนเช่นเดียวกันกับทุกคนที่ทำเหมือนกับแคน ก่อนที่แคนจะเปิดประตูเดินลงจากรถโดยพวกที่เหลือได้เตรียมการตามแผนที่ได้วางไว้ แคนเดินตรงเข้าไปที่เพิงนั้น ส่วนรถที่นั่งมาดาบวีระได้ปิดไฟหน้ารถแล้วขับไปที่ฝั่งตรงข้ามและถอยรถเข้าข้างทางโดยหันหัวรถไปทางหน้าด้านร้าน พอแคนไปยืนหน้าร้าน เสียงที่พูดคุยกันดังออกมา ต่างเงียบกริบทุกสายตาหันมามองที่แคนด้วยความตกใจเพราะทุกคนในร้านนั้นต่างรู้จักแคนเป็นอย่างดี แคนมองไปรอบๆร้านแล้วสายตามาสะดุดที่ใครคนหนึ่งที่หน้าตาคุ้นมาก แคนมองแล้วยิ้มแบบเหี้ยมๆเพราะจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือพงษ์ศักดิ์ 1 ในคนที่ตามถ่ายภาพแคนในวันที่จับยาเสพติดกลางห้างจนถึงตอนปะทะกลางถนน และเดินตามแอบสะกดรอยตามแคนในห้าง แคนทำทีไปนั่งที่โต๊ะว่างหลังร้านโดยไม่สนใจใจสายตาที่มองมา แต่ระหว่างที่จะเดินไปที่โต๊ะ พงษ์ศักดิ์ที่เริ่มมีอาการเมาได้เดินมาหาแคน ก่อนจะพูดเสียงอันดัง
“เฮ้ยๆ ร้านนี้ได้รับเกียรติจากพ่อรูปหล่อวะ ยศผู้การซะด้วย”
เสียงหัวเราะตามขึ้นมาทันที แต่แคนทำเป็นไม่สนใจ พงษ์ศักดิ์จึงแกล้งเดินประกบพร้อมกับเต้นไปมาเพื่อกวนอารมณ์ของแคน แต่แคนทำเป็นไม่สน จนไปถึงโต๊ะพงษ์ศักดิ์ยังเดินตามร้องเพลงเต้นยั่วแคนอยู่ไม่ห่าง แคนหันมาทันทีพร้อมใช้มือซ้ายคว้าต้นคอของพงษ์ศักดิ์ แล้วกดคอลงไปให้หน้ากระแทกกับโต๊ะไม้ทันที เสียงร้องเพลงกลายเป็นเสียงร้องของความเจ็บปวด ทำเอาพรรคพวกที่มาด้วยนั้นตกตะลึง ก่อนจะลุกฮือขึ้นมายืน แคนใช้มือขวากระชากปืนพก FN 57 MK2 ในซองข้างเอวที่แคนสวมเสื้อแจ็กเก็ตทับขึ้นมาชูขึ้น
“ใครเข้ามากูยิง”
แคนประกาศก้องร้าน ส่วนหน้าร้านแสงเลเซอร์สีแดง 3เส้นจับเข้ามาในร้าน ดาบวีระกับจ่าสิบโทอำนาจที่เดินมาตามแคนมายืนที่หน้าร้านกำลังประทับปืนกลแบบ SIG MPX บนบ่าปากกระบอกจ้องเข้าไปในร้าน ส่วนอีกเส้นนั้นมาจากบนหลังคารถกระบะที่ติดกับปืนกลแบบ HK MG 4 ที่ 1ในทีมของแคนนั้นยืนอบู่บนกระบะท้ายรถแล้วขาตั้งอยู่บนหลังคารถ มีคนหนึ่งในพวกที่มาจากหมู่บ้านตะวันลับทำท่าจะกระชากปืนที่แอบพกมาแต่เพื่อนที่ที่อยู่ใกล้ๆจับมือห้ามไว้พร้อมส่ายหน้า
“อย่าถ้ามึงชักปืนพวกเราตายหมด”
เพื่อนกระซิบบอกกับมันก่อนที่จ่าอำนาจจะประกาศออกมาด้วยภาษาลาวและพม่าว่า
“พวกมึงชูมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วเดินออกมาหน้าร้านทั้งหมด ยกเว้นเจ้าของร้านกับเด็กเสิร์ฟ เร็ว”
ดาบวีระประกาศซ้ำด้วยภาษาไทย ส่วนแคนยังกดคอของพงษ์ศักดิ์ให้หน้าแนบกับโต๊ะพร้อมกวาดสายตาไปเพื่อคอยระวังไปด้วย พลพรรคจากหมู่บ้านตะวันลับทั้งหมดเดินชูมือออกมายืนกันหน้าหน้าร้านก่อนจะถูกสั่งให้ยืนเข้าแถวหน้ากระดานแถวละ 5 คน แล้วให้คุกเข่าเอามือประสานกันไว้ที่ท้ายทอยโดยที่ดาบวีระกับจ่าอำนาจนั้นยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ของทีมแคนอีกคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ที่หน้ารถได้เดินมาพร้อมเอาโทรศัพท์ไล่ถ่ายรูป พวกที่นั่งคุกเขาอยู่ทุกคน ส่วนเจ้าของร้านกับลูกน้องนั้นไปแอบอยู่หลังโต๊ะทุกคนในทีมนอกจากแคนต่างมีผ้าบัฟที่ใช้ปิดหน้ากันทุกคนยกเว้นแคน แคนรอจนคนในทีมส่งสัญญาณว่าถ่ายรูปครบทุกคน แคนลากคอเสื้อของพงษ์ศักดิ์ออกมาหน้าร้านให้มายืนตรงหน้าพรรคพวก แคนปล่อยมือจากคอเสื้อของพงษ์ศักดิ์และก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัวแคนใช้เท้ากวาดเข้าไปที่ขาทันที ทำให้พงษ์ศักดิ์ล้มก้นกระแทก แคนเอาเท้ายันซ้ำไปที่หน้าอกทำให้อีกฝ่ายลงไปนอนหงายบนพื้นดิน แคนเดินตามเอาเท้าไปเหยียบที่หน้าอกพร้อมมองไปด้วยสายตาที่ดุ
“ไง เก่งนัก แอบตามถ่ายภาพกู เดินสะกดรอยตามกู อย่านึกว่ากูไม่รู้นะไอ้ไก่อ่อน ไม่ใช่สิมึงชื่อพงษ์ศักดิ์เป็นลูกครึ่งไทยลาว บ้านอยู่หนองคายใช่ไหม ตอบกู”
“ใช่ครับผู้การ”
“ดีที่มึงไม่โกหก งั้นลุกขึ้นมาไอ้พงษ์”
แคนยกเท้าออกจากอกของอีกฝ่าย ส่วนพงษ์ศักดิ์รีบลุกขึ้นทันทีหลังจากที่แคนใช้ปืนในมือ ยิงลงไปบนพื้นดินข้างๆตัวเพื่อเป็นการเตือนหลังจากเห็นพงษ์ทำท่าอิดออดไม่ยอมลุกขึ้นตามคำสั่ง ทำเอาพวกที่นั่งนั้นสะดุ้งกันทุกคน พอพงษ์ศักดิ์ยืนขึ้นแคนสั่งไปที่มันทันที
“ชอบเต้นใช่ไหม เต้นเก่งด้วย งั้นมึงเต้นเดี๋ยวนี้เร็ว ไอ้เวร”
จากตอนแรกที่ทำเฉยแต่ด้วยกระสุนปืนอีกนัดจากปืนพกในมือแคนลั่นเข้าใกล้เท้า ทำให้พงษ์ศักดิ์กระโดดด้วยความกลัวและเริ่มกระโดดเต้นไปมาพร้อมกับกระสุนปืนที่แคนยิงลงพื้นอีก4-5นัด ตอนนี้มันหายเมาและเหงื่อของมันแตกไปทั่วร่าง ด้วยความกลัวเพราะรู้ว่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว พอมันทำท่าจะหยุดเต้น แคนยิงปืนลงพื้นอีกนัด
“ใครบอกให้มึงหยุด เต้นต่อ”
พงษ์จึงต้องเต้นต่อเพราะความกลัวเพราะกระสุนที่แคนยิงมานั้นไม่ห่างจากเท้าตนเองเท่าไหร่นัก โดยที่พรรคพวกที่นั่งดูอยู่ไม่กล้าทำอะไรนอกจากสะดุ้งไปตามเสียงปืนที่ดังเป็นระยะ จนเสียงวิทยุดังขึ้นในหูฟังพลาสติกที่เสียบอยู่ในหูข้างซ้ายของแคนดังขึ้น
“พิราบ 1 จาก 13 มีรถวิ่งเข้ามา”
พิราบ 13 คืนเจ้าหน้าที่ ที่อยู่บนกระบะ ปืนกลเบากระบอกนั้นถูกหันปากกระบอกไปยังรถคันที่มา พร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกคนที่ยืนถ่ายคลิปอยู่ตลอดได้เก็บโทรศัพท์เปลี่ยนไปจับปืนกล SIG MPX ที่สะพายห้อยอยู่ตรงหน้าอยู่ขึ้นมาถือเตรียมพร้อม แต่แคนนั้นไม่หันไปมองยังคุกคามพงษ์ศักดิ์ต่อไป จนรถSUV สีดำคันนั้นจอดไม่ห่างจากจุดที่แคนยืนอยู่ ประพาสนั้นก้าวลงมาจากที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ ประพาสชูมือขึ้นทั้ง 2 ข้างพร้อมหมุนตัวให้เห็นว่าไม่ได้พกอาวุธมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง
“พอก่อนเถอะครับผู้การ แค่นี้ไอ้พงษ์มันก็กลัวหางจุกตูดแล้ว ผมขอร้องละครับ”
ประพาสพูดพร้อมก้าวเดินเข้ามาใกล้แคน ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้
“ผมรู้ว่าผู้การรู้ว่าผมเป็นใครครับ แต่ตอนนี้ผมขอร้องผู้การละครับ ปล่อยคนของผมเถอะ พวกมันยังเด็ก ทำอะไรไปมันอาจคิดไม่รอบคอบ ถ้ามันทำอะไรแล้วทำให้ผู้การไม่พอใจผมขอโทษแทนพวกมันครับ”
แคนยิ้มเหี้ยมๆ ส่วนประพาสยกมือไหว้แคนอีกครั้ง แคนหันมาที่พงษ์ที่ยืนหอบอยู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นหน้าซีดลงไปอีกด้วยความกลัว
“ครั้งนี้กูปล่อยมึงไอ้พงษ์ แต่ครั้งหน้าถ้าเจอกันอีกกูไม่ปล่อยมึงแน่ไอ้พงษ์ ไป ไปหานายมึง”
พงษ์รีบเดินไปหาประพาสทันที ส่วนแคนหันไปสบตากับประพาสอีกครั้ง ประพาสยกมือไหว้แคนพร้อมพูด
“ขอบคุณมากครับผู้การ แล้วรบกวนช่วยคืนคนที่เหลือให้ผมด้วยครับ”
แคนไม่พูดอะไร ยกมือขึ้นเหนือหัวพร้อมชูนิ้วแล้วหมุนไปมา ดาบวีระกับจ่าอำนาจเดินถอยหลังมาหาแคนส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนที่เป็นคนถ่ายคลิปนั้นเดินกลับไปที่รถพร้อมยืนคุมเชิงอยู่ ก่อนที่แคนจะดาบวีระกับจ่าอำนาจเดินอย่างระวังตัวกลับไปที่รถซึ่งประพาสกล่าวกับแคนอีกครั้ง
“เดินทางปลอดภัยนะครับผู้การ”
แคนกับพวกเข้าไปในรถโดยที่บนกระบะพิราบ 13 ยังอยู่บนกระบะท้ายจ้องปืนกลมาที่ประพาสเพื่อคุมเชิงอยู่ จนรถขับออกไป ประพาสหันไปสั่งพงษ์ศักดิ์และพวกที่นั่งอยู่
“ไปพวกมึงกลับไปที่หมู่บ้านเลย เกือบตายห่ายกฝูงแล้ว ไปได้แล้ว”
ประพาสสั่งเสร็จเดินกลับไปที่รถ SUV ที่นั่งมา ที่วิฑูรย์นั้นเป็นคนขับและดาบณรงค์นั่งอยู่เบาะหลัง ที่ประพาสรู้เรื่องเพราะคนในร้านแอบโทรหาวิฑูรย์ เพราะวิฑูรย์ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้กับทางร้าน เพื่อสำหรับเวลาฝากซื้อของหรือมีคนจากหมู่บ้านเมาแล้วก่อเรื่องอาละวาดจะได้โทรไปหาวิฑูรย์เพื่อมาดูแลให้ พอเกิดเรื่องขึ้นคนในร้านรีบแอบโทรหาวิฑูรย์ทันที วิฑูรย์จึงรีบบอกประพาสที่กำลังคุยงานกับดาบณรงค์แล้วชวนกันมาทันที พอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประพาสจึงรีบลงจากรถโดยสั่งให้วิฑูรย์คอยระวังอยู่ในรถ ส่วนดาบณรงค์นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะตัวเองเป็นคนส่งข่าวเองจึงได้แต่แอบดูอยู่หลังเบาะ พอประพาสเข้าไปในรถ ประพาสถามไปที่ดาบจอบแสบ
“ดาบคิดว่ายังไง”
“ก็อย่างที่คุยกันก่อนนะครับตอนแรกผมนึกว่าเป็นพวกอื่นแต่ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าทางการรู้เรื่องหมู่บ้านเราดี คงตามสืบมานานแล้ว เหมือนตอนที่ผมยิงตำรวจที่จะแอบมาสืบตายไปคนหนึ่ง แต่นี่ผมก็นึกไม่ถึงว่าผู้การแคนจะมาเองครับหมวด”
“แต่นายครับผมว่าทางนั้นเปิดหน้าเล่นกับเราแล้วครับ”
วิฑูรย์เสริมขึ้นมา
“ทำไมคิดแบบนั้นละ”
ประพาสถามขึ้นทันที
“ผมว่านายก็คิดอยู่เหมือนกัน เรื่องที่พวกเราโดนลอบโจมตีมาหลายครั้ง ว่าเป็นฝีมือของใครแต่วันนี้นายคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร”
สิ่งที่วิฑูรย์พูดมันตรงกับความคิดของประพาส ทันทีที่เห็นแคนประพาสนั้นเข้าใจแบบที่วิฑูรย์พูดทันที จากตอนแรกประพาสนึกว่าเป็นทหารในชนกลุ่มน้อยผ่านมาและมีเรื่องกับพวกพงษ์ศักดิ์ ประพาสจึงรีบที่จะมาเคลียร์ให้ แต่พอเห็นแคน ตอนแรกประพาสเองก็ตกใจเหมือนกันไม่นึกว่าแคนจะบุกมาถึงที่นี่ สิ่งที่แคนทำในครั้งนี้คงเป็นการประกาศว่าการลอบโจมตีขบวนขนยาที่ผ่านๆมาเป็นฝีมือของใคร และประพาสนั้นรู้แล้วว่าทางการคงรู้เรื่องของตนเองแล้ว ที่ผ่านๆมาไม่ใช่การระแวงหรือคิดไปเองว่ามีคนแอบติดตาม ประพาสจึงต้องทำใจดีสู้เสือลงไปพบกับแคน เพราะรู้ว่าแคนคงยังไม่ทำอะไรตัวเอง
“แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
นี่คือความคิดของประพาสที่ประหลาดใจเหมือนกันที่จู่ๆทำไมแคนต้องมาแสดงตัวให้รู้ด้วย พอกลับถึงหมู่บ้านหลังจากเรียกพงษ์ศักดิ์กับพวกอีก2-3คนมาสอบถามรายละเอียด แล้วประพาสรีบโทรรายงานให้นุ่มนิ่มรู้เรื่องทันที นุ่มนิ่มนั้นฟังด้วยความประหลาดใจ แต่ตัวเธอเองก็สังหรณ์ใจมาตลอดเหมือนกันว่าแคนต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องที่ผ่านๆมาอย่างแน่นอน
“คุณประพาสจะทำยังไงต่อคะ”
“บอกตรงๆครับยังมืดแปดด้านอยู่ ขอผมใคร่ครวญอีกสักนิดครับ เรื่องนี้มันใหญ่มาก เพราะผมมั่นใจแล้วว่าทางการต้องรู้เรื่องของผมแล้วครับ”
“คิดว่าเรื่องมันหลุดรอดไปได้ยังไงคะ ทั้งๆที่เราระวังตัวอย่างดี”
“คงเป็นพวกที่โดนจับไปนะครับ มีบางคนที่ถูกสอบหนักๆอาจจะยอมบอกเรื่องของผมครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณประพาสต้องระวังตัวแล้วละคะ ถ้ายังไงก็อยู่ที่หมู่บ้านไปก่อน อย่าเข้าไปที่เมืองไทย”
“อันนี้ผมไม่กังวลครับ เพราะถ้ามีข้อมูลของผมอย่างแน่นหนาคงออกหมายจับผมแล้ว แต่นี่คงไม่มีหลักฐานอะไรที่แน่ชัดดีไม่ดีเป็นแค่คำพูดของพวกที่ถูกจับ”
“แล้วที่ผู้การแคนกับพวกเห็นหน้าคุณประพาสละคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ เพราะยังไงก็นอกพื้นที่ของประเทศไทย ตำรวจทำอะไรผมไม่ได้ และเราก็รู้แล้วว่าทีมลับที่ตามราวีพวกเรามาตลอดก็คือทีมของผู้การแคน โดยมีการสนับสนุนจากต่างประเทศ”
เรื่องนี้ประพาสบอกกับนุ่มนิ่มหลังจากที่การขนยาเสพติดครั้งล่าสุด มีการระเบิดรถที่ขนทั้ง 2คัน ซึ่งข่าวที่ออกคือพวกขนยาวางกับดักเจ้าหน้าที่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แต่ระเบิดเกิดระเบิดขึ้นมาก่อน แต่ประพาสให้ข้อมูลกับนุ่มนิ่มว่าต้องโดนยิงจากทางอากาศเพราะดูจากรัศมีการระเบิดบนพื้นถนนและที่สภาพของรถ แสดงว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศแน่นอน และเป็นที่มาที่ประพาสขอร้องให้นุ่มนิ่มงดเดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว เพราะกลัวว่าจะมีการสืบเรื่องของนุ่มนิ่มได้แล้ว จนกว่าประพาสจะได้ข้อมูลที่แน่ชัดอีกครั้ง
“แต่คืนนี้ผมกลับวิฑูรย์จะยังไม่กลับเข้าไปเมืองไทยครับ และให้ดาบณรงค์พักกับเราก่อน เพราะไม่รู้ว่าทางผู้การจะดักซุ่มหรือเปล่า ตอนนี้ผมสั่งให้ในหมู่บ้านเพิ่มเวรยามขึ้นอีก 2 เท่าครับและจะบอกให้พวกพม่าช่วยส่งทหารมาลาดตะเวนให้ถี่ขึ้นด้วยครับ แต่คุณนุ่มนิ่มไม่ต้องห่วงเพราะยังไงทางผู้การคงไม่ทำอะไรกับหมู่บ้านครับ ผมว่าเขารู้ดีว่าต่อให้ทำลายเราก็สร้างใหม่ได้และปราบยากกว่าเดิมครับ ตอนนี้เขาคงแค่จับตาดูความเคลื่อนไหวของเราอย่างเดียวครับ”
“งั้นคุณประพาสกับวิฑูรย์ระวังตัวด้วยนะคะ เอ่อแล้วของที่เราจะส่งครั้งต่อไปละคะจะทำยังไงดีเพราะมูลค่ามันสูงมาก”
“คงต้องใช้แผน 2 ครับเราใช้เส้นทางของดาบณรงค์ไม่ได้แล้ว ดีไม่ดีแค่ผ่านแดนก็อาจโดนจับได้ครับ แต่ผมจะวางแผนให้รอบคอบกว่าเดิมครับแต่ทางนั้นผมติดต่อไปแล้งจะมีคนที่รับจะช่วยดูให้ครับ เขามีอิทธิพลทั้งฝั่งพม่าฝั่งไทยครับ”
“เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีคะ แต่อย่างที่นิ่มบอก คุณประพาสต้องระวังตัวให้มากขึ้นคะ ถ้างดอะไรได้ขอให้งดไปก่อน เพราะที่ผู้การมาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วคะ ถ้าคุณประพาสไปช้าคนของเราอาจถูกฆ่าตายหมดก็ได้คะ”
“ได้ครับคุณนิ่ม”
แต่หลังจากวางสาย ประพาสมองไปที่วิฑูรย์แล้วยิ้มก่อนจะบอกไปว่า
“คุณนิ่มบอกให้งด แต่ในเมื่อกูถูกหยามขนาดนี้กูคงงดไม่ได้ ในเมื่อมันมาหยามถึงถิ่นกูจะจัดให้มันสาสม ขนของรอบต่อไปกูจัดให้เต็มที่แน่นอน ถ้ามันอยากปะทะกูก็พร้อมลุย”
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน