“ไม่ได้รับ 61 สาย” เก่งบอกเมื่อเปิดโทรศัพท์ดู “ส่วนใหญ่ของน้องข้าว”
“เจ๊โทรหาหนู 72 สาย” โมพึมพำ เธอเดินแทบไม่ไหว ต้องให้เก่งคอยประคอง กามกิจที่โดนจัดตั้งแต่เช้ายันเย็น ตอนที่ถูกปลุกอารมณ์เสียวขึ้นมาเต็มที่มันก็รู้สึกสดชื่นดี แต่มาบัดนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้
เก่งกดโทรศัพท์โทรออก เสียงจากระบบดังไม่ถึงครึ่งตู๊ดก็มีเสียงรับสาย “ฮาโหล น้องข้าว”
เสียงจากปลายสายแทบจะเป็นเสียงสะอื้น “พี่เก่ง หนูนึกว่าพี่...”
“ยังอยู่” เก่งพูด “โมก็ยังอยู่ แต่บาดเจ็บมาก เพิ่งได้สติเมื่อกี้เอง - ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว” เขารีบเสริมประโยคสุดท้ายเมื่อได้ยินเสียงข้าวหอมร้องมาจากปลายสาย
“ตอนนี้พี่อยู่ไหนคะ”
“ในป่าที่ไหนสักแห่ง” เก่งบอก “มองขึ้นไปยังเห็นถนนอยู่”
“เดี๋ยวหนูจะลองส่องไฟลงไปนะ พี่เห็นหนูรึเปล่า”
มีแสงแว่บ ๆ จากจุดหนึ่งบนถนนด้านบน
“เห็นแล้ว เดี๋ยวพี่ฉายไฟบ้างนะ”
“เห็นพี่แล้วค่ะ แต่จะขึ้นมายังไงอ่า”
“ไม่รู้สิ”
“งั้นพี่รอตรงนั้นนะคะ เดี๋ยวหนูลงไปหา”
สายตัดไป แต่ไม่นาน ข้าวหอมก็สไลด์ลงตามเนินเขามาอย่างคล่องแคล่ว
“ไปเรียนทำแบบนี้มาจากไหนเนี่ย” เก่งถาม
“ไม่รู้สิคะ เป็นพลังหนึ่งของชุดเกราะมั้ง”
เก่งกวาดตามองข้าวหอม นอกจากแผลยาวที่ขาแล้ว ข้าวหอมก็มีรอยช้ำบนแก้มซ้าย เกราะทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แก้มสองข้างมีรอยน้ำตาเปื้อนเป็นทางยาว แต่สีหน้าของข้าวหอมตอนนี้ดูจะใจชื้นขึ้นบ้างที่ได้เห็นพี่ชายและเพื่อนรักยังมีชีวิตอยู่ดี
“ปิศาจเป็นไงบ้าง” เก่งถาม
“ตายหมดแล้วค่ะ” ข้าวหอมตอบ “ตายแล้วโม!”
เมื่อได้เห็นสภาพเพื่อนรักเต็มตา ข้าวหอมก็ร้องอุทานออกมาดังลั่นและวิ่งไปดูเพื่อน
“พี่เก่ง ทำไมเสื้อผ้าแตงโมเป็นแบบนี้ล่ะ”
“เค้าไม่เป็นไรหรอกเจ๊ โอยยยย” โมพูดเสียงแผ่ว
“ตอนตกลงมาก็โดนต้นไม้ข่วนเป็นธรรมดา” เก่งบอก “แล้ว...เอ่อ ลูกศรนั้นอาบไว้ด้วยพลังของปิศาจ มันทำให้โมควบคุมตัวเองไม่ได้ ตีอกชกหัวฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเองอยู่พักหนึ่ง พอได้สติพี่ก็ช่วยรวบรวมเศษเสื้อผ้ามาพันตัวให้”
“พี่เก่งหันหลังไปก่อนนะ”
“ทำไมอ่ะ”
“หันหลังไป!”
“ก็ได้ ๆ”
เอกหันหลัง แต่ก็แอบได้ยินเสียงชวิ้งเบา ๆ เหมือนเวลาเสกให้วัตถุเวทย์ออกมาหรือหายไป มีเสียงสวบสาบอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงชวิ้งอีกครั้ง
“หันหน้ามาได้แล้วค่ะ”
เก่งหันหน้ากลับมา เห็นแตงโมใส่เสื้อของข้าวหอมอยู่ เนื่องจากแตงโมตัวเตี้ยเล็ก ขณะที่ข้าวหอมนั้นสูงสง่า เสื้อเชิ้ตแขนยาวของข้าวหอมจึงยาวลงไปเกือบถึงเข่าทีเดียว ส่วนข้าวหอมนั้นใส่เกราะอยู่เหมือนเดิม
“เอ่อ ใต้เกราะนั้นไม่ได้ใส่เสื้อเหรอ”
“เหลือชั้นในค่ะ แต่ไม่พูดแล้ว หาทางขึ้นดีกว่า แตงโมเดินไม่ไหวใช่ไหม”
“แล้วถ้าไปเจอคนธรรมดาผ่านไปมาจะทำยังไง”
“บอกว่าเราจะไปงานคอสเพลย์กันมั้งคะ” ข้าวหอมยักไหล่
“คอสเพลย์บ้าอะไรกลางป่ากลางเขา”
ข้าวหอมไม่ตอบ แต่อุ้มตัวแตงโมขึ้นมา
“พี่อุ้มแตงโมเองดีกว่า” เก่งบอก
“ขอบคุณค่ะ” ข้าวหอมพูด และส่งตัวแตงโมให้เก่ง เก่งรู้ดีตั้งแต่ตอนมีเซ็กซ์กันแล้ว ว่าร่างของแตงโมเบาแค่ไหน เขาอุ้มเธอได้โดยแทบไม่รู้สึกหนักด้วยซ้ำ
“ชี้ทางให้หน่อย” ข้าวหอมกระซิบกับดาบเบา ๆ ดาบหมุนและชี้ไปทางซ้ายมือ “ถ้าเดินไปตามนี้ น่าจะออกพ้นป่าได้นะคะ พ้นแล้วจะไปเจออะไรก็อีกเรื่องนึง”
ข้าวหอมออกเดินนำ โดยไปตามทิศที่ดาบชี้ โดยมีเก่งที่อุ้มร่างแตงโมเดินตาม
“เอ่อ แล้วน้องข้าวได้โทรหาเบลกับบอยหรือยัง”
“โทรแล้วค่ะ สองคนนั้นกลับถึงกรุงเทพกันแล้ว เบลรู้สึกผิดที่ปล่อยเราไว้อย่างนี้ แต่หนูบอกไปว่าเบลไปอยู่ปลอดภัยน่ะดีแล้ว เพราะ” เสียงของเธอเริ่มสั่นเครืออีกครั้ง “เพราะหนูปกป้องเพื่อนไม่ได้”
“น้องข้าวทำดีแล้วครับ” เก่งพูดปลอบใจ
“ในค่ายฝึกปิดเทอมนี้ หนูจะฝึกให้หนักที่สุดเท่าที่จะฝึกได้เลย” ข้าวหอมพร่ำบอก น้ำตานองหน้า “หนูจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ จะต้องปกป้องทุกคนให้ได้”
ไกลออกไป
ปิศาจตนหนึ่งคลานต่ำเข้ามาหาเสี่ยต้นและปิศาจหน้ากากขาว มันส่งเสียงร้องแผ่ว ๆ สองสามครั้งเป็นการสื่อสาร ปิศาจหน้ากากขาวคำรามดังลั่น ทำเอาเจ้าปิศาจปลายแถวถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
“อะไรเหรอขอรับ เจ้านาย” เสี่ยต้นถาม
ปิศาจหน้ากากขาวไม่ตอบ แต่โบกมือเรียกปิศาจชั้นต่ำเข้ามาใกล้ ๆ มันค่อย ๆ คลานเข้ามาอย่างกลัว ๆ ทันทีที่เข้ามาใกล้พอ ปิศาจหน้ากากขาวก็ยื่นหนวดนับร้อยออกไปดึงร่างของมันเข้ามาดูดกลืนเป็นอาหาร เสี่ยต้นเบือนหน้าหนีด้วยความขยะแขยง เมื่อดูดกลืนปิศาจบริวารเข้าไปแล้ว ปิศาจหน้ากากขาวก็หันมาเสกภาพเล็ก ๆ ขึ้นมา ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเกราะเงินแวววับ ในมือถือดาบแกว่งไกว เสี่ยต้นมองภาพนั้นตาไม่กระพริบ ตั้งแต่เริ่มทำงานสรรหาหญิงสาวมาสังเวยให้ปิศาจ เขาก็ได้เห็นสาวงามมามากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยได้เห็นใครที่งดงามผ่องแผ้วสมบูรณ์แบบเท่ากับผู้พิทักษ์หญิงคนนี้เลย
“นั่งนี่....ฆ่าปิศาจไปสามตัว” ปิศาจหน้ากากขาวคำราม
“เจ้านายต้องการให้ทำอะไรกับผู้พิทักษ์คนนี้ขอรับ” เสี่ยต้นถาม “บ่าวคิดว่า หากได้สาวสวยขนาดนี้มาสังเวย...เราต้องปลดปล่อยพญาปิศาจที่ถูกปิดผนึกไว้ออกมาได้แน่”
“น่าจะ” ปิศาจหน้ากากขาวครางเสียงต่ำ
“ถ้าเช่นนั้น บ่าวจะไปรวบรวมสมัครพรรคพวกนะขอรับ ปิศาจทุกตัว จากทุกภาคส่วนในลัทธิของเรา ขอเวลาให้บ่าวสักสี่ห้าเดือน บ่าวเชื่อว่าจะรวบรวมปิศาจได้ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัว และจัดเตรียมโถงพิธีที่ควรค่ากับการปลดปล่อยท่านพญาปิศาจได้”
ปิศาจหน้ากากขาวพยักหน้า เสี่ยต้นรีบออกไปสั่งงานลูกน้อง เขาคิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าจะระดมปิศาจมากขนาดนั้นได้อย่างไร โดยไม่ให้สภาผู้พิทักษ์ทั้งสภาไหวตัว แต่หากสภาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างที่เขาได้ข่าวมา บางทีการเปิดสงครามกับสภาผู้พิทักษ์อย่างเปิดเผยอาจจะสะดวกกว่าลอบเร้นอยู่อย่างนี้ก็เป็นได้
ที่ซ่อนอยู๋คือ Sneak Peek ของตอนต่อไปนะครับ
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน