ต่อจากตอนที่แล้วไอ้ลิงบ้ากลับมาบ้านแล้ว แล้วเสี่ยจีนอยู่หลังบ้าน เง้ออออ ทำไงดี ไอ้ลิงบ้าทำไมมาเร็วจังเลยอ่ะ เรามองผ่านไหล่โทนไปก็เจอลุงทั่ง ยืนมองแบบตาลีตาเหลือกอยู่ ลุงทั่งเรียกโทนเอ้ย พวกป้าเอ็งเขาก็มานะ แล้วพอจังหวะโทนหันไปหาลุงทั่ง ตอนนั้นพ่อทศก็ไวมากเลยนะ อันนี้แบบถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์นี้เราคงขำอ่ะ
พ่อทศเขาถอดเสื้ออกมาแล้วบอกไอ้เจ๊กแกล้งเป็นลมดิ๊ แล้วคือเสี่ยเจ๊กเขาช้าไง พ่อทศต่อยเข้าที่ท้องไปทีนึง คือเราไม่รู้หรอกว่าแรงมากไหม แต่เสี่ยตัวกุมท้องเหมือนกัน แล้วพ่อทศก็เอาเสื้อคลุมหัวแล้วก็พูดว่า ข้าบอกแล้วว่าอย่าฝืนมาทำงาน ดูดิ๊เป็นลมไปแล้งไปเลย
โทนที่ได้ยินว่าคนเป็นลมก็รีบเดินมาทันที โทนพยุงเสี่ยจีนเอาไว้แล้วถามว่าคนเป็นลมเหรอพ่อ พ่อทศบอกเอ้อออออ สงสัยจะเป็นลมแดด บอกให้รีบกลับก็ไม่กลับน๊า พ่อทศบอกเดี๋ยวพ่อพามัน... เอ้ย พาเขาไปส่งที่รถก่อนนะเอ็งจะทำอะไรก็ทำนะไอ้ลูกหมา โทนก็บอกมาขี่หลังผมมาลุง ให้พ่อผมพยุงไป เดี๋ยวได้เทกระจาดกันพอดี พ่อทศบอกเห้ยมือระดับนี้แล้ว
แล้วเขาก็พยุงเสี่ยจีนเดินไปเลย คือมีเสื้อคลุมหัวอยู่นะ พ่อทศพูดว่าพี่ทั่งมาช่วยกันหน่อย ลุงทั่งก็มาช่วยพยุงเลย โทนก็หันมายกมือไหว้พ่อกับแม่เรานะ แล้วบอกว่าขอตัวสักครู่ครับคุณท่านแล้วโทนก็วิ่งไปช่วยพ่อทศกับลุงทั่งอีก โอ๊ยย ไอ้ลิงบ้าจะไปทำไม ตอนนั้นเรามือเท้าเอวกับลูบหน้าผากตัวเองเลย แล้วก็พูดโอ๊ยย ไอ้ลิงบ้ามาทีก็วุ่นวายเลย
เราหันไปมองพ่อกับแม่เราที่กำลังยืนนิ่งๆอยู่ แต่อาพุฒคือหน้าแบบเหวอ ตกใจ เลยล่ะ อาพุฒถามพ่อเราว่า เมื่อกี้เขาต่อยเสี่ยใช่ไหม พ่อเราก็พยักหน้าแล้วก็พูดว่าชั้นคิดว่าแบบนั้น แม่เราก็ปิดปากเลยพูดว่าตายแล้ว จะไม่เป็นอะไรเหรอนั่น อาพุฒบอกเดี๋ยวก่อน เสี่ยคนนั้นที่ชั้นรู้จัก ไม่ใช่คนที่จะมายอมอะไรง่ายๆแบบนี้นะ แล้วคุณทศเขาต่อยไปแบบนั้นจะไม่มีปัญหาเหรอ
เราก็บอกว่าไม่มีปัญหาหรอกค่ะ อาพุฒ เสี่ยเขาก็นับถือพ่อทศเป็นพี่ชายแท้ๆอยู่แล้วด้วย อาพุฒลูบหัวตัวเองหมุนวนไปมา หมุนๆแล้วพูดว่าให้ตายเถอะโลกนี้มันมีอะไรที่ชั้นไม่รู้อีกเยอะเลยนะ ว่าไหม - ชื่อพ่อเรา – พ่อเราก็บอกชั้นเองก็เหมือนกันนั่นแหละพุฒ โทนก็วิ่งไปข้างหน้าอ่ะ อะไรที่มันวางขวางทางที่จะเดิน ไอ้ลิงบ้าก็หยิบออกหมดเลย เหมือนเคลียร์ทางให้เดินได้สะดวก
คนของเสี่ยก็คงตกใจอ่ะที่เห็นเสี่ยเหมือนจะเป็นอะไร จังหวะนี้อ่ะคือความเก๋าเกมส์เลย พ่อทศให้ไอ้ลิงบ้ากับลุงทั่งพยุงไป พ่อทศเขาหยุดเดินแล้วพอไอ้ลิงบ้าเดินนำไปใช่มะ พ่อเขาก็ส่งซิก ส่งสัญญาณให้ลูกน้องเสี่ยอ่ะ พ่อทศทำท่าโบกมือเหมือนไม่มีอะไร แล้วก็ทำท่าจุ๊ปาก พวกลูกน้องเสี่ยก็เข้ามาพยุง แล้วพาขึ้นรถตู้เลย พวกลูกน้องเสี่ยมาไหว้พ่อทศ แล้วก็พากันขับรถออกไปเลย เห้อออ เราถอนหายใจโล่งเลย
พ่อเราถามว่าเป็นอะไรเจ้าหมิวทำไมดูโล่งใจแปลกๆ เราก็แบบเผลอพูดไปอ่ะว่า ย่าหอมเขามอบหมายให้เสี่ยเขาคอยดูแลโทนในอนาคตค่ะ ตอนนี้ห้ามให้โทนเห็นหน้าเด็ดขาด พ่อเราก็ถามในอนาคตเหรอ พ่อก็มองหน้าแม่เราเลยนะ ตอนนั้นไอ้ลิงบ้าเดินมาแล้วมองไปทางรถเสี่ยจีนที่กำลังไปและเกาหัวแกร่กๆ แล้วค่อยมาไหว้สวัสดี พ่อ กับ แม่เรา ท่านทั้งสองก็ยิ้มแล้วถามว่าไงเจ้าโทนนอนวัดเป็นยังไงบ้าง
ไอ้ลิงบ้าบอกก็ปกติครับคุณท่าน พ่อเราพยักหน้าอื้มๆ แล้วบอก อ้อนี่เพื่อนพ่อ ชื่อพุฒ เป็นซินแสดูฮวงจุ้ย อาพุฒดูมึนๆนิเๆนะแต่ก็รับไหว้ ไอ้ลิบ้าก็ไหว้สวัสดีครับ ตามปกติอ่ะแหละ อาพุฒยืนมองโทน แบบมองพิจารณา แต่โทนก็คือไม่ได้สนใจนะ หันมาคุยกับพ่อแม่เราว่าคุณท่านมานานหรือยังครับ กินอะไรมาหรือยังไงครับ แต่สำหรับอาพุฒคือจ้องมองเลยอ่ะ พ่อเราก็บอก พ่อพึ่งมานี่แหละเจ้าโทน อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวพ่อเลี้ยงเอง แล้วก็อย่างที่ทุกๆคนคงเดาออกไอ้ลิงบอก ไม่เป็นอะไรครับคุณท่าน ตอนนั้นน่ะก็มีเสียงพูดว่าไงไอ้ตัวแสบ
เจ้าของเสียงก็เดินออกมาจากทางบ้าน เป็นป้าของโทนอ่ะแหละทุกคนโทนก็ยกมือไหว้สวัสดีคร๊าบบบ ป้าก็มองๆ แล้วบอกอื้มม หมดทุกข์หมดโศกนะ โทนก็ครับๆ ยกมือไหว้อีกที โทนก็มองซ้าย มองขวาเลย คือถ้าเอาตามความคิดเรา ก็คงจะรับมือไม่ถูกว่าจะคุยกับใครดี พ่อเราก็บอกว่า เดี๋ยวพ่อเดินดูรอบๆก่อนนะเจ้าโทน เราก็มองๆ ตอนนั้นหน้าบ้านปู่เทียนท่านเดินเข้าไปในบ้านกับทั้งพ่อทศและลุงทั่งแล้วล่ะ ไอ้ลิงบ้าบอกครับ แล้วก็ไปกับป้า ป้าถามว่ามีแฟนยังเนี่ย โทนก็บอกโหยย มาถึงก็ถามอะไรครับเนี่ย เชอะ ลิงแบบนี้ไม่มีใครชอบหรอก กวนประสาท
พ่อเราก็บอกอาพุฒว่า ป่ะชั้นพาไปเดินดูรอบๆ อาพุฒบอกป่ะ แต่ว่าเขาก็หยุดแปปนึงแล้วมองไปข้างหน้า มันก็คือสวนแหละ ทิวต้นแสงจันทร์เป็นเหมือนอาณาเขตแบ่ง ระหว่างสวนกับโซนบ้านอ่ะทุกคนเรารู้ว่าอาพุฒหยุดทำไม เพราะท่าทางที่กลัวเมื่อกี้ก็บ่งบอกชัดเจนอ่ะ พ่อเราก็ตบไหล่เบาๆแล้วบอกไปเถอะ...
อาพุฒก็สูดอากาศหายใจแล้วก็ฟู่ววว ป่ะ แล้วก็เดินไป คนสนิทของเสี่ยก็เป็นเหมือนไกด์นำเที่ยวเลยนะ เราก็เกาะแขนแม่เดินตามไป เพราะไม่รู้ว่าจะเจออะไรเมื่อไรอีก น้องมูชูก็เดินมาวนๆ เราก็ลูบหัวไปสองสามทีอ่ะ เราบอกว่าไปเล่นตรงอื่นก่อนนะมูชู แต่น้องก็ไม่ยอมเห่า โฮ่ง เหมือนไม่ยอมอ่ะ โหยย ตัวแค่นี้เถียงเหรอ
นี่หมาไทยหรือไซบีเรียนเนี่ย หัดเถียงตั้งแต่เด็กๆเลย เดินมาก็เจอโซนต้นม้พร้าวอ่ะทุกคน พอมาแหงนมองใกล้ๆ มันสูงนะ แล้วไอ้ลิงบ้าปีนไปได้ไงอ่ะ แต่ก่อนที่จะไปถึงลานต้นมะพร้าว คนของเสี้ยก็พาเดินอ้อมต้นมะพร้าวไป ก็เข้าใจได้ว่ากลัว มะพร้าวตกใส่ เชื่อป่ะ แค่เปลี่ยนทางเดินที่ห่างออกมาไม่ถึง 10 ก้าว บรรยากาศเปลี่ยนไปเลย
พูดยังไงดี เหมือนเดินป่าอ่ะ แค่หลับตาและโดนจับหมุนๆ พอลืมตามาก็เหมือนไม่ใช่ที่เดิมอ่ะ เราก็เกาะแขนแม่เดินเลยนะ ตอนนั้นอาพุฒก็บอกต้นไม้สวยๆเยอะเลยนะ คนของเสี่ยบอกใช่ครับ บางต้นก็อยู่มาตั้งแต่ยังไม่ได้สร้างบ้านเลยครับ โหยยย แล้วกี่ปีเนี่ย ต้องมากกว่า 20 หรือ 30 ปีแน่ๆเลย
มาถึงตรงต้นก้ามปูที่ไอ้ลิงบ้าปีนไปเช็คสุขภาพต้นไม้อ่ะ โหทุกคน คือแบบแผ่กิ่งก้าน สาขา ปกคลุมเยอะเลยนะ ที่ตรงนี้เหมือนเนินนิดๆ พ่อเราก็รีบเดินเข้าไปเลยอ่ะ บอกต้นใหญ่มาก อาพุฒก็บอกสุดนอกเลยนะ เกรดแบบนี้ถ้าไม่ใช่ร้านขายต้นไม้ ก็แทบไม่เห็นในเมืองเลย
เราถามทำไมเหรอคะอาพุฒ อาพุฒบอกว่า พอยุคสมัยเริ่มเปลี่ยน คนเริ่มเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน พื้นที่บ้านจัดสรรค์ถ้าไม่ใช่โครงการระดับบิ๊กเนม ยังไงพื้นที่ก็มีจำกัด ต้นก้ามปูถ้าตะปลูกในหมู่บ้านจัดสรรค์ พื้นที่ต้องใหญ่มากๆ ทางสายเมนในหมู่บ้านอาจจะปลูกได้ แต่ในพื้นที่บ้านปลูกไม่ได้แน่ๆ ไหนจะเรื่องความแข็งแรงของดิน และพื้นที่อีก กิ่งก้างมันจะแผ่ขยายไปบ้านคนอื่นน่ะซิ่
พ่อของเรายืนมองแล้วพยักหน้าอื้มๆนั้นซิ่นะ ขนาดบ้านชั้นยังยากเลย ถ้าคิดจะปลูก อาพุฒมองๆไปรอบๆ แล้วบอกเงียบสงบมากเลยนะ แม่เราก็ถามติดใจเหรอพุฒ ปอาพุฒหัวเราะเบาๆแล้วบอก โอย ๆ ๆ ถ้าจะมีที่ดินขนาดนี้ ต้องทำงานกี่ปี รับปรึกษากี่ร้อยเคสถึงจะได้ล่ะเนี่ย แม่เราก็ขำเบาๆเหมือนกัน คนสนิทของเสี่ยก็ยิ้มๆนะ
พอมาเดินในนี้แล้วลมเย็นมากอ่ะทุกคน คือพัดมาเรื่อยๆเลย แต่โหยย ผมปลิวง่ะเลยต้องมัดผมหางม้า อาพุฒมองๆ ๆ แล้วบอกโห ปลูกต้นไม้เป็นทางลมแบบนี้ดีมากเลยนะลมโกรกตลอด พ่อเราก็บอกนั่นซิ่นะเย็นมาก เดินมาอีกทีพ่อก็พูดขึ้นมา เอ... ตรงนี้ที่จัดเลี้ยงให้เคใช่ไหมเจ้าหมิว เราบอกค่ะพ่อตรงนี้แหละค่ะ อื้มม พ่อบอกโล่งกว้าง ดูร่วมรื่นมากเลย อาพุฒมองๆแล้วบอก ทางแดดก็ดีด้วยไม่ส่องลงมามากเกินไป แล้วก็ไม่ทึบเกินไป
อาพุฒมองไปรอบๆ แล้วบอกสะอาด สะอาดมากๆ พื้นที่รอบๆสะอาดมากจริงๆ เอ้อออออออ ใช่พออาพุฒพูดมาเราก็เพิ่งคิดได้ว่า บ้านสวนของโทนคือสะอาดมากจริงๆ จะพูดว่าสะอาดก็ดี เป็นระเบียบก็ได้ ไม่มีเศษพลาสติก นู่นนี่นั่นเลย ต้นไม้ต้นหญ้าถูกตัด ถูกถาง ให้เป็นระเบียบมากๆเลย สั้นๆไม่สูงเกินข้อขา แนวทางเดินก็ชัดเจน มีจุดวางเข่ง วางตะกร้าเอาไว้ทิ้งของเป็นระยะๆ คือก็มีบ้างแหละที่ใบไม้จะตกมาทับถมกัน แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากมายอ่ะ
พอเดินผ่านเข้ามา คราวนี้ก็เป็นลายกว้างๆอ่ะทุกคน จุดนี้เราเคยผ่านมาละ มีพวกยางรถยนต์ที่ผูกคิดเสาไม้ พวกท่อนไม้พันเชือกเอาไว้ ก็เป็นจุดที่ไอ้ลิงป่ามาควงกระบองสามท่อนเล่นแล้วฟาดหัวตัวเองดังป๊อกนั่นแหละ อาพุฒถามเอ.. ตรงนี้ทำไมเหมือนลานฝึกอะไรสักอย่างเลยล่ะ คนสนิทของเสี่ยก็บอก ตรงนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน พี่ทศก็เอาไว้ซ้อมต่อยมวย เอาไว้ออกกำลังกายกับพี่ทิพย์น่ะครับ อาพุฒตลกมากตอนนี้คือหันมามองอ่ะแล้ว หืมต่อยมวยงั้นเหรอ
คนสนิทก็พยักหน้า เราก็เลยบอกเอ่อ... อาพุฒคะ จริงๆแล้วทางบ้านของแม่ทิพย์เป็นโรงฝึกมวยค่ะ แล้วเราก็เล่าแบบคร่าวๆไปนั่นแหละ แม่เราก็หืมม ทิพย์เขาเป็นคนสอนมวยให้ทศเหรอ เราก็บอกค่ะ แต่พอพ่อของแม่ทิพย์ยอมรับเป็นศิษย์แล้ว พ่อของแม่ทิพย์ก็เป็นคนสอนค่ะ แม่เราบอกเก่งนะเก่ง ๆ ๆ ๆ อาพุฒก็ถามอีกว่า เดี๋ยวนะ ซ้อมด้วยการต่อยยางรถยนต์นั่นน่ะเหรอ เราบอกอันนั้นไอ้ลิงบ้าเอาไว้ซ้อมกระบองสามท่อนค่ะอาพุฒ อาพุฒก็... หืมไอ้ลิงบ้าเหรอหมิว แม่เราก็บอกเอ้ ! เจ้าหมิวไปว่าน้องอีกแล้วนะ
เชอะ ! ก็ลิงอ่ะ พ่อเราก็เลยบอกว่า เจ้าโทนน่ะพุฒ เจ้าหมิวชอบไปเรียกน้องว่าลิงจังนะ เราก็บอกพ่อว่าลิงนั่นแหละค่ะพ่อ ลิง ๆ ๆ ๆ พ่อเราก็ส่ายหัวเลย จากนั้นก็เดินเข้าดูในปต่ละมุม อาพุฒก็ชมไม่ขาดปากเลยว่า ดีอย่างงั้นมร่วมรื่นอย่างงี้ จนเดินมาถึงทางแยกทางนึง เราจำได้เลยว่าเป็นจุดที่พ่อของเจมส์พาเข้าไปไหว้ศาลปู่ สิ่งที่เราทำคือยกมือไหว้ ไหว้พร้อมๆกับคนของเสี่ยเลย แม่มาบอกทีหลัง พ่อเราก็หืมเจ้าหมิวทำอะไรน่ะ เราบอก.. ก็ทางนี้มีศาลของปู่น่ะค่ะ คนสนิทของเสี่ยก็ถามคุณหมิวรู้ได้ยังไงครับ เราก็บอกว่าพ่อเจมส์เคยพาเข้าไปไหว้ค่ะ
คนสนิทของเสี่ยก็พูดขึ้น... พ่อเจมส์ ? เราบอกอ๋อ แล้วก็บอกชื่อของพ่อเจมส์ไป... คนสนิทของเสี่ยก็หายสงสัยทันที แล้วบอกอ๋อ ผู้การเพื่อนพี่ทศ เราก็บอกค่ะ พอบอกชื่อแล้ว อาพุฒก็ตกใจแล้วถามว่าท่านผู้การมาที่นี่ด้วยเหรอครับ คุณอาก็ดังใช่ย่อยอ่ะบอกตรงๆ เราก็เลยบอกค่ะ. . . พ่อทศบอกว่าตรงนี้เคยเป็นที่ของคุณอาค่ะ แต่ว่าคุณอาเขาขายให้พ่อทศ อาพุฒถามขายเหรอหมิว เราก็มองพ่อ มองแม่ แล้วบอกค่ะ อาพุฒบอกเอ.... แบบนี้ชั้นว่าไม่ธรรมดาแล้วนะ - ชื่อพ่อเรา - ที่หลายไร่ขนาดนี้ แล้วไหนจะการจัดการระดับนี้ ชั้นว่าฐานะของทางบ้านนี้ไม่ใช่ธรรมดาแล้วนะ แล้วไหนนายบอกว่า เด็กที่ชื่อโทนนั่นที่บ้านมีปัญหาเรื่องการเงินไง
เท่าที่เราให้ชั้นฟังน่ะ ดูแล้วไม่น่าจะลำบากอะไรนะ อื้ออออ เราก็คิดแบบอาพุฒเลยอ่ะทุกคนก็ดูแต่ละคนที่มา แต่ละคนที่รู้จักดิ่ แบบนี้บ้านโทนไม่น่าลำบากอ่ะ จะติดก็ตรงที่พ่อทศกับแม่ทิพย์ไม่รับความช่วยเหลือจากใครเลยอ่ะ แปปนึงหางตาเราไวๆเห็นอะไรแว๊ปๆ คือกลัวนะ แต่รีบหันไปมองตามเลยอ่ะ เง้ออออ มันคืออะไรไม่เห็นเลย เราก็หันไปมองทางเลี้ยวที่จะไปไหว้ปู่นะ เราก็นึกในใจว่าหนูพาพ่อกับแม่เข้าไปไหว้ได้ไหมคะปู่ คือไม่มีคำตอบอะไรกลับมาเลยนะทุกคนแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือกลิ่นดอกไม้ที่หอมมากๆเหมือนตอนที่มาไหว้ปู่คราวก่อน
เราก็เลยพูดขึ้นว่าเข้าไปไหว้ปู่กันเถอะค่ะ คนสนิทของเสี่ยก็พูดว่าเอ่อไม่ดีมั้งครับคุณหมิว เราก็เลยพูดว่าปู่อนุญาตแล้วค่ะ คนสนิทของเสี่ย พ่อ แม่ อาพุฒ หันมามองเราเลย แม่ถามเราว่าพูดอะไรมาน่ะเจ้าหมิว คนของเสี่ยก็ยิ่งตกใจใหญ่ถามเราว่าพูดอะไรกันครับคุณหมิว แล้วตอนนั้นอยู่ดีๆเราก็พูดขึ้นมาว่า ดอกเปลวสุริยัน
แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
คืออยู่ดีๆมันก็หลุดปากออกมาซึ่งบอกเลยว่า เราไม่เคยได้ยินชื่อดอกไม้ชนิดนี้เลย แค่พูดชื่อมาก็คิดถึงหนังจีนกำลังภายในแล้วอ่ะ แล้วก็ยังเอามือมาแตะปากตัวเองเลย ตกใจว่าเราพูดอะไรออกไป แต่พอพูดแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนสนิทของเสี่ยน่ะ ทำหน้าสตั๊นเหมือนตกใจ แล้วก็พูดกับเราว่า ถ้างั้นก็คงเข้าไปไหว้ได้แล้วล่ะครับ
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน