แสดงรูปภาพเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ผ้ายันต์กันผีร้ายของขุนชัย
ตอน ผีร้ายศรีธนญชัยอาละวาด
เมื่อถึงพระราชวังพระเจ้าภูเบศได้เรียกขุนชัยเข้าเฝ้าและถามถึงว่าเจ้าผีร้ายศรีธนญชัยได้ถูกจัดการเรียบร้อยใช่หรือไม่
ขุนชัยจึงเพ็ดทูลไปว่า
“ขอเดชะอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มสามารถ แต่วิญญาณ๋ศรีธนณชัยช่างร้ายเหลือเกินกว่าที่คาดคิด กระหม่อมพยายามต่อสู้กับมันอยู่ทั้งคืนก็ไม่อาจขับไล่มันไปง่ายๆ มันยังวนเวียนหมายกลับมาแก้แค้นให้จงได้ ยิ่งมันรู้ว่ากระหม่อมมาทำพิธีขับไล่ของสกปรกออกจากร่างบรรดาเหล่าสนมกำนัลที่ไปทำการเหยีดย่ำศพมันได้มันยิ่งโกรธแค้นอย่างหนัก มาพูดด้วยความอาฆาตว่าพระเจ้าภูเบศอยากจะลองดีกับข้า จะต้องได้เห็นดี คาถาข้าไม่ใช่กล้วยๆ ที่จะมาล้างอาถรรพ์ได้ง่ายอย่างนั้น ไม่ใช่แต่สนมทุกคนในวังรวมถึงพระธิดา ข้าจะทำให้ได้รับความทรมานแสนสาหัสเพื่อสั่งสอนพระองค์ให้จงได้”
พระเจ้าภูเบศได้ฟังคำกล่าวเพ็ดทูล(คำพูดโกหกของขุนชัย) ถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธและตกใจไม่น้อย
“ไอ้ผีชั่วศรีธนญชัยบังอาจนักหากมาทำอันตรายลูกเมียข้าแม้ลงนรกไปก็ต้องให้ถูกยมบาลลงโทษอย่างหนัก โอ...น้องจันทราวดี อย่าตกใจกลัวไปเลยดูซิ เจ้าตัวสั่นไปหมด”
พระเจ้าภูเบศหันไปปลอบประโลมมเหสีที่อยู่ข้างกายซึ่งอกสั่นขวัญแขวนไปหมดรวมถึงพระองค์ก็เริ่มรู้สึกกลัวไม่น้อยเช่นกัน จึงหันมารับคำสั่งกับขุนชัยว่า
“ไอ้ศรีมันช่างเป็นผีที่ชาติชั่วเหลือเกิน ไม่นึกถึงว่าข้าเคยชุบเลี่ยงมันมาได้ดิบได้ดีแค่ไหนยังเหิมเกริมจะมาทำร้ายถึงพระธิดาข้าเชียวหรือ ขุนชัยแล้วนี่เราจะทำอย่างไรกันดี”
"ขอเดชะข้ากระหม่อมแม้ถึงตายก็ไม่เสียดายหากจะต้องต่อสู้กับไอ้ผีร้ายตนนี้ จะทุ่มเทจนสุดความสามารถพะยะค่ะ”
ขุนชัยรีบยกมือเพื่อถวายบังคม แล้วจึงแต่งเรื่องต่อ
“ด้วยกระหม่อมประมาทไปจึงคิดว่าอาคมของศรีธนญชัยทำร้ายเพียงแต่พระสนมและนางกำนัลทั้งเจ็ดไม่คิดว่ามันจะเผยแพร่แทรกซึมเข้าไปยังผู้ใดได้โดยการสัมผัสพูดคุยกับผู้อื่นได้หรืออย่างใด โปรดลงพระอาญาด้วยเถิดพระเจ้าข้า”
“เอาละ เรื่องนี้มิอาจโทษเจ้าได้หรอก ใครจะคิดว่าไอ้ศรีมันจะระยำถึงเพียงนี้ แล้วท่านสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้หรือไม่”
“ทางแก้ไขนั้นมีแน่พะยะค่ะ แต่ลำพังข้าเพียงคนเดียวอาจไม่มีบุญบารมีพอต้องอาศัยบุญญาธิการของพระองค์และพระมเหสีช่วยด้วยพะยะค่ะ”
“ในระยะนี้เป็นเวลา 5 วันขอให้พระองค์และพระมเหสีต้องบำเพ็ญศีลภาวนาด้วยใจสงบอย่างตั้งใจ ขออำนาจพุทธคุณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยอำนวยพรให้เกิดอำนาจขจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงให้พินาศไปเป็นการเสริมกำลังให้ข้ากระหม่อมอีกทางหนึ่ง และขออโหสิอย่าได้จองเวรแก่กรรมอีก”
“ชิชะ ไอ้ผีร้ายศรีธนญชัยมันจะให้ข้าอโหสิกรรมอะไรให้ไม่มีทางซะละที่ข้าจะให้อภัย แล้วข้ากับมเหสีต้องไปบำเพ็ญศีลภาวนาตั้ง 5 วันเชียวหรือ”
“ควรมิควรแล้วแต่ทรงพิจารณาเถอะพะยะค่ะ
“อืม...ขอข้าตรึกตรองสักนิด”
“เพื่อให้แน่ใจว่าผีร้ายศรีธนญชัยมันมีอาคมแฝงไปที่ผู้ใด ขอให้พระองค์มีบัญชาเรียกเหล่าสนมนางกำนัลทั้งหมดมาชุมนุมที่ท้องพระโรงเพื่อให้กระหม่อมได้ตรวจสอบดูและกำจัดมันให้สิ้นซากไปในคราวเดียวกันด้วยเถิดพระเจ้าขา”
“ดีเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่าก็ควรต้องตรวจสอบดูเพื่อความสบายใจและเพื่อหาทางแก้ไขด้ทันท่วงที”
“พะยะค่ะ งั้นขอเวลาสักหนึ่งชั่วยาม(สามชั่วโมง) เพื่อกระหม่อมจะได้ไปเตรียมการบางอย่างแล้วขอให้พระองค์เสด็จไปทั้งหมดที่ท้องพระโรงด้วยกันเถิด สำหรับพระสนมและนางกำนัลทั้งเจ็ดคงไม่เป็นไรให้นอนพักไปตามเดิมก่อน
..................................................................
ภายในท้องพระโรงตอนนี้ต่างเต็มไปด้วยนางสนมกำนัลมากมายรวมถึงพระเจ้าภูเบศร์ พระมเหสีและพระธิดาทั้งสี่ ที่นั่งอยู่ด้านบนที่ประทับ ส่วนสนมกำนัลต่างยืนซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องผีร้ายศรีธนญชัยตามที่ได้รับแจ้งข่าวมาจนอื้ออึงไปทั่วท้องพระโรง ตอนนี้ขุนชัยเดินเข้ามาแล้วอยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาวในมือมือไม้เท้าเป็นรูปงูพันอยู่บนไม้เท้า ดูจากบุคคลิกราวกับผู้ทรงศีลวิเศษก็ไม่ปาน ที่ข้างตัวมีทหารเดินตามเข้ามา 2 คนมือถือกระดานชนวนไว้คนละอัน เมื่อเข้ามาแล้วเสียงซุบซิบค่อยเงียบลง
“ขุนขัยมาแล้ว ตอนนี้ให้ทุกคนทำตามคำสั่งของขุนชัยโดยเคร่งครรัด เอาขุนชัยเริ่มพิธีได้”
“พะยะค่ะ”
“ตอนนี้ทุกคนคงทราบดีแล้วที่ผีร้ายศรีธนญชัยได้ใช้อาคมทำร้ายพระสนมและนางกำนัลทั้ง 7 เมื่อวานที่ข้าได้ใช้เวทมนต์ถอนอาคมและล้างสิ่งชั่วร้ายจากตัวทุกคน แต่อาจยังไม่เพียงพอ เพราะเจ้าผีตัวนี้มันเจ้าเล่ห์เพทุบายอาจใช้อาคมแทรกซึมแฝงตัวไปอยู่ในผู้ใดได้อีก จนอาจต้องทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานทุรนทุรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้”
ตอนนี้กลับมีเสียงดังอื้ออึงขึ้นมาทั่วทั้งท้องพระโรงขึ้นมาอีก จนขุนชัยต้องยกมือขึ้นห้ามไว้แล้วพูดต่อ
“ทุกคนไม่ต้องวิตกหวาดกลัวใด เพราะมีข้าอยู่ย่อมแก้ขสถานการณ์ได้ ตอนนี้ขอให้ทุกคนสำรวจตัวเองว่าจากเมื่อวานจนถึงวันนี้รู้สึกมีอะไรแปลกเกิดขึ้นในตัวหรือไม่”
ต่างคนก็เริ่มคิดถึงเมื่อวานตอนอาบน้ำก็รู้สึกเกิดความเสี้ยนซ่านจนอดใจไม่ไหวต้องเอานิ้วตกเบ็ดเกี่ยวหีตัวเองเล่นไปตามกัน ทังนี้เป็นเพราะพิธีกรรมของขุนชัยหลอกๆ ไปกระตุ้นให้เกิดความเสี้ยนอยากเกิดนั้นเอง พอมานึกถึงต่างรู้สึกคันๆ ตรงนั้นด้วยน้ำเสียวที่หลั่งออกมาอยากเอามือไปเกาแก้เสี้ยนเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่พระธิดาทั้งสี่ ที่พลอยเกิดอารมณ์ขึ้นมาเช่นกัน แต่ทุกคนอายไหนเลยจะบอกออกมาได้
“ตอนนี้ข้าจะให้ก้าวออกมาทีละคนพร้อมขานชื่อ หากข้าเอาไม้เท้าเคาะไปตรงหน้าใครขอให้แยกตัวไปทางด้านนั้นเพื่อไปทำพิธีขจัดพลังแฝงชั่วร้ายต่อ หากข้าไม่มีปฎิกิริยาใดให้เดินออกไปจากห้องโถงกลับไปที่พักได้”
ตอนนี้ต่างซุบซิบกันด้วยความอกสั่นขวัญแขวนกลัวว่าจะมีพลังแฝงชั่วร้ายใดมาทำลายตนจริง
ขุนชัยเดินสำรวจเหล่าสนมกำนัลอยู่รอบหนึ่งพอเดินผ่านทุกคนต่างหวาดผวาราวกับเห็นผีร้ายซะอย่างนั้น เกิดตะครั่นตะครอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
(ความจริงอันนี้เป็นเพียงแผนที่ขุนชัยต้องการคัดเลือกสนมกำนัลที่เจ๋งๆ มีรูปร่างหน้าตาสะสวยถูกใจ เพื่อให้ไปแก้ผ้าสัมผัสลูบคลำเล่นเป็นอันดับแรกเสียก่อน เพราะเหล่าสนมกำนัลมีถึง 300-400 คน เวลามีน้อยจะได้ไม่เสียเวลา)
ขุนขัยเดินไปหยุดที่นางกำนัลผู้หนึ่งอายุประมาณ 16 –17 ปี ซึ่งเพิ่งเข้าวังมาไม่นานบิดานางใช้เงินยัดลูกสาวเข้ามาทำงานในวัง หวังหากพระราชาเกิดต้องตาต้องใจอาจได้ขึ้นเป็นนางสนม บิดาก็จะพลอยได้ดีไปด้วย ยอมเสียเงินทองเท่าไรเท่ากันจนสามารถนำลูกสาวคนสวยเข้าวังมาได้ยังไม่ถึงเดือน จึงยังไม่ถูกเรียกตัวถวายงาน แต่โดนขุนชัยพบเสียก่อน
“ว้าว นางกำนัลคนนี่หน้าตาจิ้มลิ้มดูใสๆ ดีแท้”
“เริ่มจากเจ้าคนแรกแล้วกันแล้วต่อปก็เป็นคนทางขวาถัดไปเรื่อย ๆ”
นางกำนัลผู้นี้ยังเป็นเด็กขวัญอ่อนเชื่อในเรื่องภูตผีปีศาจเป็นทุนอยู่แล้ว เลยหวาดกลัวว่าตนจะต้องชะตาร้าย(ชะตาหีขาดมากกว่า) ถึงกับตัวสั่นไม่หยุดก้าวขาไม่ออก ยืนนิ่งอยู่นาน
“ทำไมเจ้ามัวยืนเฉยทำไม รีบทำตามที่ขุนขัยสั่งโดยเร็วซิ”
“เพ...เพคะ”
นางกำนัลได้ฟังพระราชาตวาดยิ่งตกใจกลัว เดินออกมาขาสั่นพั่บๆ ไม่หยุด พูดจาปากคอสั่นจนทุกคนสังเกตุเห็น
“หม่อม...หม่อม..ฉัน งาม..ละ..ออ.เพคะ”
พอพูดจบกำลังลุ้นระทึกก็แลเห็นขุนชัยเอาไม้เคาะพื้นตรงหน้าดัง”โป๊ก”
ต้องตกใจ ถึงกับเป็นลมล้มพับจนขุนชัยต้องเอามือรับไว้ได้ทันนางจึงหมดสติในอ้อมกอดของขุนชัย
“แย่แล้ว นางถูกผีร้ายศรีธนญชัยเล่นงานแล้ว”
ขุนชัยหัวไวรีบใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์ พอสิ้นคำพูดขุนชัยตอนนี้ทั่วทั้งท้องพระโรงเกิดการอลหม่าน เสียงสนมกำนัลต่างหวีดร้องกันทั่ว มีบางคนตกใจเป็นลมไปอีก 5 – 6 คน ต่างวิ่งกันเลิกลั่กไปชนกันเองก็มี บางคนเกิดอุปทานกอดกันร้องไห้ก็มี ฝ่ายมเหสีกับพระธิดาก็พลอยตกใจตัวสั่นไปด้วยเห็นอะไรแวบๆ ก็นึกว่าเป็นผีร้ายศรีธนญชัย ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ทหารที่อยู่ข้างนอกพลอยเข้าดูว่าเกิดอะไรขึ้น พลอยรับทราบไปทั่ว ต่างบอกต่อกันว่าผีร้ายศรีธนญชัยออกอาละวาด แตกตื่นไปทั้งวัง จนพระเจ้าภูเบศร์โมโหเดือดาลเลยร้องตวาดดังไปทั่วท้องพระโรง
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้ อยู่ในความสงบ”
เหล่าสนมกำนัลพอได้ยินเสียงตวาดของพระเจ้าภูเบศร์จึงค่อยสงบลง
“ไอ้ผีร้ายชาติชั่วศรีธนญชัย มึงอย่ามาใช้วิธีลอบกัดทำร้ายคนที่ไม่มีความผิดซิวะ หากมึงแน่จริงมาสู้กับกู มาทำร้ายกูคนเดียว กูไม่กลัวมึงหรอก ออกมาปรากฎตัวซิโว้ย ออกมาเลย”
พระเจ้าภูเบศร์ร้องท้าด้วยความโกรธ เหล่าสนมกำนัลและทุกผู้คนแม้อยู่ในความสงบแต่ยังอกสั่นขวัญแขวนด้วยกลัวผีร้ายศรีธนญชัยออกมาจริง แต่กลัวว่าจะถูกพระเจ้าภูเบศร์ลงโทษมากกว่า
“ขอเดชะ ด้วยบุญบารมีของพระองค์เจ้าผีร้ายศรีธนญชัยดูเหมือนจะไปแล้วในตอนนี้ แต่มันยังคงอาจมาลอบกัดคนอื่นได้ภายหลัง”
ขุนชัยสบโอกาสรีบชิงเสนอหน้า แล้วหันไปพูดกับสนมทุกคนที่อยู่ในความสงบตอนนี้
“ทุกคนคงเห็นแล้วว่าพระราชาของพวกเราเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและบารมี พวกเราจงวางใจว่าข้าซึ่งได้รับมอบหมายมาสามารถช่วยเหลือขจัดภัยให้ได้ทุกคน เจ้า 2 คน เอาผ้ายันต์นี้ไปแจกเพื่อให้คุ้มครองทุกคนในห้องไว้ก่อน
เมื่อต่างได้รับผ้ายันต์ต่างพิศวงเพราะไม่รู้ว่าผ้ายันต์ที่ขุนชัยนำมาแจกเป็นรูปอะไร แต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นที่มีเครื่องรางป้องกันผีได้
แม้แต่พระเจ้าภูเบศร์ก็ยังประหลาดใจไปด้วยเพราะมันมีความประหลาดที่พระองค์ก็ม่เคยพบเห็นสิ่งนี้ แต่ก็ไม่มีเวลาถามให้มากความ
“ทุกคนไม่ต้องห่วงหรือหวาดกลัวแม้บางคนอาจด้รับพลังแฝงชั่วร้าย แต่หากไปทำพิธีลบพลังแฝงนี้ทิ้งกับข้า ก็จะยิ่งช่วยให้เพิ่มเสริมดวงชะตาให้แข๊งแกร่งมีโชคลาภเพิ่มพูน แม้คนไม่ได้รับเลือกก็ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่หากใครมีเคราะห์เรื่องใด ข้าก็จะสามารถช่วยขจัดได้เช่นกัน ด้วยเดชะพระบารมีขององค์เจ้าเหนือหัว ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”
เท่านั้นเสียงร้องสรรเสริญพระราชาจึงดังไปทั้วทั้งห้อง
“ผีร้ายอยู่ได้เพราะความกลัว หากเราไปกลัวมันจะอ่อนกำลังจนอยู่ไม่ได้ เพราะนั้นทุกคนจงหัวเราะเพื่อขับไล่มันไป”
“ทุกคนหัวเราะ”
มีเสียงดังคิกๆ ขึ้นมานิดหน่อย ด้วยรู้สึกแปลกไม่ขำจะให้หัวเราะยังไงออก
“5555”
พระเจ้าุุภูเบศเริ่มหัวเราะนำ พอทุกคนเห็นพระราชาหัวเราะนำ ก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะตามขึ้นมา
“หัวเราะให้ดังๆ กว่านี้ ดังขึ้น ให้ตลกขบขันจนผีร้ายมันทนไม่ไหว”
ทุกคนเริ่มเปล่งเสียงหัวเราะ ยิ่งพระราชาภูเบศร์กำกับว่าให้ทุกคนจงหัวเราะ ตอนนี้ทุกคนเลยเริ่มหัวเราะกันมากขึ้น แมัแต่ทหารที่ยินอยู่ก็ต้องหัวเราะกันไปทั่วหมดทั้งวัง บ้างเอานิ้วจี้สะเอวของคนอื่นให้หัวเราะออกมาตามๆกัน บ้างอยากเอาใจเลยปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหลไม่หมด
“5555 5555 ข้าหัวเราะจนเหนื่อยแล้วผีร้ายเจ้าศรีธนญชัยไปหรือยัง”
“ไปแล้วพะยะคะ พอได้แล้ว”
"โอ้ย...เหนื่อย ขุนชัยจงรีบหาทางกำจัดให้มันสิ้นซากเสียโดยเร็ว ไม่งั้นข้าคงต้องหัวเราะเพื่อขับไล่มันไปตลอดอยู่อย่างนี้เรอะ”
“วางใจเถิดไว้เป็นหน้าที่กระหม่อมเอง
ขุนชัยเห็นเปลี่ยนเหตุการณ์จากร้ายเป็นดีเข้าสู่ความสงบดีแล้ว และทำการทดสอบว่าเมื่อตัวเองสั่งอะไรทุกคนเชื่อต่างยินดีปฎิบัติตามแต่โดยดี จึงทำพิธีหาผู้ที่มีพลังชั่วร้ายแอบแฝง(คัดเลือกตัวคนสวยน่าเย็ดต่อ) พร้อมกับพูดกำชับ ทุกคนจงวางใจผ้ายันต์นี้เป็นของวิเศษให้นึกถึงคุณวิเศษของผ้ายันต์ก้าวออกมารายงานตัวไม่ต้องหวาดกลัวต่อสิ่งใด แม้ว่าจะเป็นผู้ถูกคัดเลือกหรือไม่ก็ตาม
พิธีจึงเริ่มต่อ นางสนมกำนัลต่างออกขานชื่อทีละคน คนไหนที่ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน คนไหนที่เห็นว่าสวยน่าเย็ดมาก ก็เอาไม้เท้าเคาะไปที่พื้นดังลั่น ทุกครั้งที่ไม้เท้าเคาะลงไปที่ตรงหน้าใคร ต่างออกอาการตัวสั่นระริก บ้างทำท่าคล้ายเป็นลม บ้างเอามือปิดหน้าร้องอืออึ้งก้าวออกมาเพื่อนที่อยู่ข้างๆกลับเข้ามาสวมกอดปลอบใจ (นึกถึงตอนที่ประกาศชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือก บนเวทีประกาศนางงามไม่ผิด)
จนเสร็จพิธีคัดเลือกตัวสาวงามที่พอใจได้ทั้งสิ้นสามสิบกว่าคน
พระเจ้าภูเบศร์ได้หารือกับพระมเหสีในระหว่างพิธีคัดเลือกตัวผู้ที่โดนพลังแฝงแทรกซึมแล้ว เห็นว่าควรที่ต้องทำตามคำแนะนำของขุนชัยเรื่องบำเพ๊ญศีลภาวนาตามที่ขุนชัยเสนอ เพราะเห็นอืทธิฤทธิ์ของผีร้ายของศรีธนญชัยแล้ว อีกทั้งพระธิดาปัทมา และพรรณวดี ก็มากระซิบบอกว่ารู้สึกมีอาการแปลกเช่นกัน (อุปานกันไปเอง)
ด้วยความเป็นห่วงบุตรี จึงให้พระธิดาทั้งสี่ไปร่วมพิธีขจัดพลังแฝงชั่วร้ายร่วมกับสนมกำนัลทั้ง 30 กว่าคนนั้นด้วย รวมกับสนมทกำนัลทั้ง 7 ก่อนหน้านี้นับด้ 50 คนพอดี ขุนชัยจึงรับหน้าที่ให้เป็นผู้ที่ดูแลวังฝ่ายในทั้งหมด ในขณะที่พระองค์กับมเหสีต้องบำเพ๊ญศีลภาวนาเพื่อเพิ่มพูนอำนาจในการขจัดผีร้ายศรีธนญชัยตนนี้ และหวังว่าเมื่อเสร็จพิธีจะม่มีผีร้ายสิงสถิตย์ในวังนี้อีกต่อไป
หากทำสำเร็จจะพระราชทานรางวัลให้ตามแต่ที่ใจขุนชัยจะปรารถนาเลยทีเดียว
ขุนชัยรับบัญชาเพื่อทำให้เป็นจริงเป็นจังมากขึ้น ขุนชัยซึ่งบัดนี้กลายเป็นหมอผีกำมะลอ ที่สร้างผีร้ายศรีธนญชัยได้สำเร็จ ก็เดินไปทำพิธีพรมน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้วทั้งวัง คอยสำรวจว่าห้องใครอยู่ที่ใดเพราะตอนนี้ตนได้รับอำนาจสามารถเข้าห้องทุกห้องในวังได้
ในการนี้ขุนชัยยังได้รับการติดต่อจากขุนนางอำมาตย์คนอื่นให้นำผ้ายันต์มาแจกติดตัวบ้างโดยยอมจ่ายเงินให้เป็นพิเศษ และบ้างที่ไม่ค่อยชอบศรีธนญชัยเป็นทุนยิ่งช่วยกระพือความชั่วร้ายของเจ้าผีตัวนี้ให้น่ารังเกียจน่ากลัวเพิ่มไปอีก ต้องกำจัดให้สิ้นซาก และมีบางคนที่ห่วงว่าบุตสาวตนที่ได้รับการแทรกซึมจากผีร้ายอาจทำให้พระเจ้าภูเบศร์รังเกียจกลัวอาจไม่เป็นที่โปรดอีกต่อป ต้องขอให้ช่วยเรื่องนี้เป็นพิเศษว่าบุตรสาวตนไม่มีผลกระทบใดอีกต่อไป มีบ้างตรงข้ามอยากให้ใส่ชื่อลูกสาวตนเข้าไป แม้แต่ตัวสนมบางคนที่ไม่ได้รับเลือกก็อยากถูกรับเลือกก็มี ต่างคนต่างมีความเห็นไปคนละแบบ แต่ไม่ว่าใครจะคิดเห็นยังไงมาขอให้ช่วยยังไง ล้วนแต่ทำให้ขุนชัยรับทรัพย์ทั้งสิ้น
วันนี้ขุนขัยจึงวุ่นวายกับเรื่องนี้ทั้งวันไม่มีเวลาประกอบพิธีอะไรกับใครแต่อย่างใด คงเริ่มในวันพรุ่งนี้ตอนพระเจ้าภูเบศร์กับพระมเหสีออกไปบำเพ็ญศีลภาวนาเพิ่มอำนาจขจัดผีร้ายศรีธนญชัย ออกจากตัวเหล่าสนมและพระธิดาให้ปลอดภัยมีความสุขกันทุกคน
--------------------------------------------------
คุยท้ายเรื่องสักนิด
ผู้เขียนเคยคิดเหมือนกันว่าคนสมัยก่อนคงโง่มากหรือไร จึงหลงเชื่อสิ่งไร้สาระง่ายๆ แต่มาย้อนดูหากเป็นเราเมื่ออยู่ในประวัติศาสตร์หรือคนรุ่นต่อมาดูเราบ้างก็คงว่าเราโง่มากหรือไรที่ตกเป็นเหยื่อให้ถูกหลอกลวงได้ง่ายเช่นกัน
ไม่ว่าที่ไหนในโลก ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน คือมีผู้อาศัยการสร้างสถานการณ์ปลุกปั่นผีร้ายขึ้นมา เพื่อผันตัวเองเป็นวีรบุรุษเพื่อมาปราบปรามผีร้ายเพื่อตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวด้วยกันทั้งสิ้น ผู้คนมิใช่ไม่รู้ทัน แต่กำลังเหมือนถูกความเกลียดชังและอคติบังสติปัญญา เลยตกเป็นเครื่องมือให้ผู้อื่นเข้ามาเอาผลประโยชน์จากตัวไปโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับขุนชัยที่สร้างผีร้ายศรีธนญชัยขึ้นมาทังทีศรีธนญนับเป็นผู้มีสติปัญญาทำคุณให้แก่บ้านเมืองผู้หนึ่ง เพียงแต่เจ้าเล่ห์เอาเปรียบกลั่นแกล้งคนไม่เว้นแต่พระราชาจนผู้คนไม่พอใจ เมื่อถูกใส้ร้ายจนเกิดความเกลียดชังขึ้นมาจึงตกเป็นช่องทางให้คนเข้ามาตักตวงเอาผลประโยชน์ได้โดยง่ายเช่นนี้
ยุคสมัยเปลี่ยนไปผีร้ายตัวใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นมาแทน หากจะว่าไม่มีใครเท่าทันเลยหรือคงไม่ใช่ เพียงแต่คนจะมาต่อสู้ไม่มีอำนาจพอและคนที่จะมาก็เป็นผู้ที่ดีดลูกคิดรางแก้วไว้ในใจเช่นกันว่าทำไปแล้ว จะมีประโยชน์ใดให้ตักตวงเข้าสู่ตัวเองหรือไม่ หากยังไม่มีก็ปล่อยทิ้งไว้และอาจไปเข้าพวกกับขุนชัยยังมีประโยชน์กว่า แต่ก็พร้อมรอที่จะสร้างให้ขุนชัยเป็นผีร้ายในภายภาคหน้าที่ตัวเองจะเข้ามากำจัดเอาผลประโยชน์เช่นกัน โลกจึงวนเวียนในการกำจัดผีร้ายตัวหนึ่งเพื่อเกิดผีร้ายตัวใหม่ไม่จบสิ้นอยู่ดี ขอวิพากย์เพียงแค่นี้ อย่าคิดมากนี่เป็นเพียงนิยายไม่ใช่เรื่องจริงอาจไม่มีเหตุผลไร้สาระ นิยายบางเรื่องมเหสีถูกใส่ร้ายว่าคลอดลูกเป็นต้นไม้ ราชายังหลงเชื่อขนาดให้นำมเหสีไปปล่อยในป่าก็มีนี้หน่า
ไว้คอยติดตามตอนต่อไป อาจจบแบบพลิกความคาดหมายของท่านผู้อ่านคงไม่ว่ากัน เรื่องนี้รู้สึกพลิกความคาดหมายของผู้เขียนซึ่งทีแรกตั้งใจว่าจะเขียนเพียงสั้นตอนเดียว แต่สังเกตุจากยอดผู้อ่านและการโหวตปรากฎว่ามีผู้อ่านชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นของผู้เขียนอีก เนื้อเรื่องจึงอาจอ่อนไปนิดแต่เอาเป้นเพื่อความบันเทิงแล้วกันครับ
ปล.ยังติดธุระอยู่ขอเขียนตอนสั้นๆ ให้อ่านก่อนแล้วกันครับ