คุยกันก่อนอ่าน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ หลังจากออกข้างทางเข้ารกเข้าพงกันมาซักพัก ต่อจากนี้ต้องหาทางเข้าเส้นเรื่องหลักกันแลัว ใครมีข้อคิดเห็นแนะนำติชมอย่างไรทิ้งความเห็นไว้ได้เลยนะครับ ผมอ่านทุกคอมเม้นอยู่แล้ว ขอบคุณล่วงหน้าครับ
Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 18
ช่วงเวลาเก้าโมงเศษหลังจากที่เจษฎาทำกิจวัตรประจำและงานบ้านหลายอย่างมาตั้งแต่ตื่นนอน เขาใช้เวลาว่างในตอนเกอบจะสายของวันนั่งพักอ่านหนังสือพิมพ์และดื่มกาแฟคู่กับการกินปลาท่องโก๋ที่ปิยะพงษ์ซื้อเอาไว้ให้ ท่ามหลางความสดชื่นของอดีตบ้านสวนแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ท้องไร่ท้องนามีบ้านคนอยู่ประปลายและวัดขนาดใหญ่ตามแบบชุมชลชาวพุทธในประเทศทั่วไป
หนุ่มใหญ่ที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกขานว่าอาจารย์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนยาวมิดชิดติดกระดุมครบทุกเม็ดกับกางเกงแสล็คสีดำ นั่งอยู่ที่ชุดม้านั่งบริเวณระเบียงบ้านรับลมเย็นสบายที่พัดผ่านผืนนาและต้นไม้ใหญ่ริมรั้วเข้ามาปะทะเข้ากับตัวบ้าน แม้จะไม่ใช่ชนบทห่างไกลจากเมืองหลวงมากนักแต่อากาศที่นี่ก็ดีกว่าเมืองใหญ่ที่มีแต่ความวุ่นวายอยู่มากโข และยิ่งดีกว่าที่ที่เขาถูกจองจำมานานอย่างไม่สามารถเอามาเทียบได้
วันนี้เจษฎาปิดสำนักงดให้บริการแก่เหล่านักแสวงโชคที่มักจะแวะเวียนมาหาไม่ขาดสาย รอบบริเวณจึงเงียบเชียบไร้เสียงผู้คนเช่นที่เคยเป็นมา เขาใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับตัวเองเนื่องจากอ๊อดและปิยะพงษ์มีธุระออกไปทำกันนอกบ้านทั้งคู่ โดยอ๊อดเข้าเมืองหลวงไปทำธุระบางอย่าง ส่วนปิยะพงษ์นั้นออกไปหากันธิชาตั้งแต่เช้า บรรยากาศดีๆ ยามเช้าและความสงบสุขที่เกิดขึ้นภายในจิตใจทำเอาเขาลืมเรื่องการแก้แค้นและตามหาของสำคัญไปในชั่วขณะหนึ่ง เขาในตอนนี้แทบอยากจะหยุดเรื่องทุกอย่างแล้วหอบเงินที่เขาหลอกลวงเอามาจากคนอื่น แล้วหนีไปลงหลักปักฐานทำมาหากินสุจริตอยู่ในสถานที่คล้ายๆ แบบนี้ที่ไหนซักแห่งที่จะไม่มีคนมาตามล่าเขา แต่เขาในตอนนี้ก็คงทำได้แค่คิด
ในระหว่างที่เขากำลังนั่งซึมซับช่วงเวลาแห่งความเป็นส่วนตัวอยู่ได้เพียงไม่นาน ที่ประตูรั้วหน้าบ้านก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง เจษฎาเพ่งมองไปที่คนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ยืนหันซ้ายแลขวาชะเง้อมองสำรวจเข้ามาในตัวบ้าน เขารู้สึกคุ้นหน้าคุณตาผู้หญิงคนนี้แม้จะมองเห็นจากระยะไกลอยู่พอสมควร จึงเดินลงจากชั้นสองของบ้านตรงไปที่ประตูรั้วหน้าบ้านอย่างเบื่อหน่ายที่เวลาพักผ่อนถูกรบกวน
“สวัสดีครับคุณดิว ลมออะไรพัดคุณมาหาผมแต่เช้าครับเนี้ย” เจษฎาส่งยิ้มทักทายให้หญิงสาวที่สวมแว่นกันแแดดขนาดใหญ่ปิดบังอำพรางใบหน้าที่สดสวยด้วยครเื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแสงแดดเป้นประกาย ซึ่งเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใครเพราะแว่นกันแดดนั่นไม่สามารถปิดบังความสวยโฉบเฉี่ยวของเธอได้เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะจับไปที่กลอนประตูทำท่าจะปิดประตูแต่ก็ชะงักมือหยุดการกระทำ
อริสาที่อยู่ในชุดจั๊มสูทแขนกุดขายาวสีเทาอมฟ้า เข้ากันกับรูปร่างเล็กแต่ได้สัดส่วนและผิวเนียนๆ ขาวๆ ของเธอ ประกอบกับรองเท้าส้นสูงที่ช่วยเสริมบุคลิคให้ดูสง่า ดูเป็นผู้หญิงสุภาพเรียบร้อยแต่แอบซ่อนความเซ็กซี่ไว้ในตัวคนๆ เดียวกัน ด้วยองค์ประกอบทั้งหลายนั้นก็สะกดสายตาของหนุ่มใหญ่ให้หยุดนิ่งไม่สามารถมองไปทางอื่นได้เลย
“.........” หญิงสาวเงียบไม่ตอบแต่โบกไม้โบกมือเหมือนต้องการให้ผู้ที่อยู่ด้านในเปิดประตูให้ ก่อนจะสังเกตุเห็นว่าเจษฎานิ่งไปเอาแต่มองสำรวจเรือนร่างของเธอก็ร้องทักออกไปด้วยความร้อนรน “มองอะไรอยู่ได้ รีบเปิดประตูเร็ว เดี๋ยวมีคนเห็น”
“จะเปิดให้ก็ได้ ว่าแต่พกปืนมาอีกรึเปล่าเนี้ย คงไม่ได้คิดจะมาทำเรื่องอะไรบ้าๆ ใช่ไหม” เจษฎาจ้องหน้าสาวสวยแบบกวนอารมณ์นิดหน่อย พร้อมกับท้าวความไปถึงเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครั้งก่อนแบบทีเล่นทีจริง จนหญิงสาวทำแก้มป๋องขึ้นมาเพราะเริ่มจะมีอารมณ์ขขุ่นเคือง
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันไม่คิดสั้นเอาอนาคตดีๆ ของฉันไปแลกกับชีวิตขยะๆ ของแกหรอก เปิดสักทีสิ” อริสาสวนกลับด้วยถ้อยคำดูถูกปกปิดความกระดากอายที่เคยทำตัวอ่อนแอต่อหน้าชายวายร้าย แล้วเร่งให้เจษฎาเปิดประตูด้วยการเขย่าไปที่ซี่ไม้เบาๆ
“คร๊าบ..คร๊าบ..” เจษฎาตอบกลับแบบประชดเล็กๆ แล้วจึงเปิดประตูรับสาวสวยเข้ามาในบ้านอย่างขัดไม่ได้ หญิงสาวเมื่อเข้ามาในบริเวณบ้านได้ก็รีบเดินจ้ำอ้าวไม่สนใจผู้พักอาศัยตรงเข้าไปถึงตัวบ้านอย่างรวดเร็ว เจษฎาที่มองสะโพกที่โยกส่ายไปมาของร่างคนงามเวลาเดินอย่างเพลินตา ก่อนจะหันมาปิดประตูรั้วแบบลวกๆ แล้วเดินตามเธอเข้าบ้านไป
“ไม่ได้เอารถมาหรอกเหรอ แล้วมายังไงเนี้ย” เจษฎาร้องถามด้วยสังเกตุเห็นผิดปกติ ที่ในบ้านเมืองแถบนี้ไม่ได้มีรถโดยสารประจำทางหรือรถรับจ้างเยอะนัก และบ้านของเขากับบ้ายเสี่ยพิพัทก้ไม่ได้ใกล้กันขนาดที่จะเดินมาได้
“จอดรถไว้ที่วัด ไม่ต้องมาถามอะไรมากจะได้ไหม” อริสาบ่นอกมาพร้อมกับปลดสายรัดรองเท้าสั้นสูงออกจากข้อเท้าแล้วเดินตัวปลิวขึ้นชั้นสองของบ้านไดยไม่รอให้เจษฎาเชิญหรืออนุญาติ อาการรีบร้อนของหญิงสาวทำให้หนุ่มใหญ่ที่เดินตามหลังมาต้องอมยิ้มด้วยความขบขัน
“...จะดื่มอะไรก่อนไหมครับ” เจษฎาถามขึ้นเมื่อสังเหตุเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามเนื้อตัวและใบหน้าของหญิงสาว ระหว่างที่เธอทิ้งร่างลงไปนั่งบนเก้าอี้ชุดรับแขกในบ้านอดกอกวางมาดขรึม
“ไม่ต้อง เดี๋ยวแกเอาอะไรแปลกๆ มาให้ฉันกิน” อริสามองค้อนทำตาดุใส่ ระแวงหมออาคมกำมะลอจะคิดไม่ซื่อเล่นลูกไม้กับเธอ
“จำเป็นด้วยเหรอ” เจษฎามองหน้าหญิงสาวพร้อมกับเลิกคิ้วยียวน
“.........” อริสาเงียบเบือนหน้าหนี รู้ดีว่าว่าเขาหมายถึงอะไร นั้นทำให้เธอถึงกับใจเต้นแรงจนใบหน้าฟาดไปด้วยเลือดจนแดงแข่งกับเครื่องสำอาง
“ว่าแต่มานี่มีธุระครับ” เจษฎาลงไปนั่งที่เก้าอี้ชุดรับแขกที่ว่างอยู่ด้านข้างของหญิงสาวแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนเกือบจะติดกับใบหน้าของสาวสวย
“อย่ามาทำรุ่มร่ามนะ” หญิงสาวใช้สองมือผลักร่างผอมออกไปให้ห่างตัว มือนุ่มสัมผัสอกแกร่งจนรับรู้ได้ถึงจังหวะเต้นของหัวใจของอีกฝ่าย “ก็แกบอกว่าอยากรู้เรื่องของแกกับเจ็กให้มาหาที่ไง ฉันก็มาแล้วนี่ไง”
“อ๋อเรื่องนั้นเองเหรอ ผมไม่คิดว่าคุณจะมาจริงๆ นะเนี้ย แล้วทำไมเพิ่งมาละครับ แถมยังเลือกมาวันที่ไม่มีคนอีก คิดอะไรรึเปล่า” เจษฎาเอนหลังพิงพนักแล้วออมยิ้มอย่างเจ้าเลห์
“แกจะบ้าเหรอ ฉันแค่ได้ยินพวกป้าแม่ครัวเขาคุยกันว่าจะมาขอหวยแต่สำนักปิด ฉันก็เลยมาเพราะไม่อยากให้มัใครรู้ก็แค่นั้น ว่าแต่แกเถอะต้องการอะไรจากครอบครัวฉันกันแน่” หญิงสาวรีบตัดบทก่อนที่เจษฎาจะคิดไปไกล
“เดี๋ยวก่อน อาคุณเป็นเรียกผมไปหาเองนะ ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรสักหน่อย”
“ก็นั้นแหละ แกคิดจะหลอกอะไรอาฉัน”
“อาคุณก็แค่อยากได้ผมไปช่วยทำธุรกิจแค่นั้นแหละ ผมไม่ได้คิดจะหลอกอะไรสักหน่อย คุณคิดมากไปรึเปล่า”
“ไอ้หมอผีปลอมๆ ที่เคยติดคุกอย่างแกจะช่วยอะไรอาฉันได้” อริสายิ้มเยาะพร้อมทั้งขุดเอาอดีตมาตอกย้ำหนุ่มใหญ่
“ก็ไม่รู้นะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคล”
“ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ว่าแกอย่าทำอะไรชั่วๆ ให้อาฉันเสียหาย พ่อฉันพอมีเส้นสายยู่บ้าง เขาไม่ยอมปล่อยแกไว้แน่”
“ผมเหรอชั่ว ที่พูดนี้รู้รึเปล่าอาคุณทำอะไรถึงได้มีกินมีใช้”
“หุบปากไปเลย นั้นมันเรื่องของครอบครัวฉัน ถ้ามันจะมีปัญหาก็ต้องไม่ใช่เพราะแก”
“ครับๆ กระจอกอย่างผมจะทำไปทำอะไรได้ละ คุณเองก็สบายใจเถอะ เอาเวลาไปดูผัวชั่วๆ ของคุณดีกว่า” เจษฎารู้สึกเหมือนถูกเหมือนโดนจี้ไปที่หัวใจ ทั้งคำดุถูกและคำขู่ จึงเผลอหลุดปากพูดเรื่องทศพลออกไป
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” อริสาทำตาโตอย่างสนอกสนใจขยับกายเข้าหาหนุ่มใหญ่เล็กน้อย เมื่อเจษฎาพูดถึงสามี
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ”
“แกไปรู้อะไรมา…”
……….……….……….……….……….
ระหว่างที่เจษฎาและอริสากำลังปะทะคารมจนการสนทนาเริ่มจะร้อนแรงขึ้น เสียงของคนทั้งคู่ต้องเงียบลงเมื่อเสียงแตรของรถยนต์ดังขึ้นจากทางประตูรั้วหน้าบ้านหลายครั้ง เจษฎาจึงลุกขึ้นไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปตามเสียง ก็พบรถยนต์เก๋งซีดานสัญชาติเยอรมันสีบอร์นทองจอดอยู่ โดยมีอริสาลุกเดินตามมาติดๆ
“นั้นใครมา” อริสาถามก่อนจะไปยืนที่หน้าต่างข้างกายเจษฎาแบบใกล้ชิดอย่างลืมตัว
“แล้วผมจะรู้ไหมละ...” เจษฎาหันกลับมาตอบอย่างกวน พร้อมกับรู้สึกใจสั่นเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นกายหอมๆ ลอยมาจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
หญิงสาวเพ่งมองสำรวจไปที่รถยนต์หน้าบ้านอย่างละเอียดโดยเฉพาะป้ายทะเบียน “......นั้นมันรถที่บ้านอาฉันนี้”
“อ้าวเหรอ งั้นเดี๋ยวผมไปเปิดประตูก่อน” เจษฎาตั้งท่าจะเดินไปที่ประตูเพราะคิดว่าเสี่ยพิพัทธ์อาจจะส่งคนให้รับเขาไปคุยงานแบบทุกๆ ครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้รถที่มารับออกจะดูหรูหรากว่าปกติไปสักหน่อย
“หยุดเลย ให้ฉันไปซ่อนก่อน” หญิงสาาวร้องห้ามก่อนจะใช้มือนุ่มคว้าเข้าไปที่ข้อมือของเจษฎา แล้วส่ายหน้า
“แล้วจะหลบทำไม คนที่บ้านคุณไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องยุ่ง” หญิงสาวตอบด้วยเสียงห้วน
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำอะไร หญิงสาวผมดำยาวม้วนปลายเป็นลอน ใบหน้าสวยหน้ารักที่บ่งบอกชัดว่าเป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน สวมใส่เสื้อยืดสีขาวคอกว้างกับกางเกงยีนส์ขายาวสี้ข้มฟิตพอดีตัวและร้องเท้าผ้าใบแบรนด์ดัง สาวหมวยเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปขยับที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อลองผลักดูก็พบว่าประตูนั้นไม่ได้ปิดล็อคจึงทำการเปิดประตูออก แล้วถือวิสาสะขับรถเข้ามาด้านในของบ้านโดยไม่ได้รอให้ผู้อยู่ในออกมาเชื้อเชิญแต่อย่างใด
“นั้นมันยัยนุ่นนี่/นั้นคุณนุ่นนี่” อริสาและเจษฎาพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“ทำไงดี...” ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้งพร้อมทั้งหันหน้าเข้าหากันอย่างไม่ได้นัดหมาย แล้วก็ทั้งคู่ก็เงียบไป
“อย่าบอกยัยนุ่นนะว่าฉันมานี่ แล้วก็รีบไล่ให้กลับไปด้วย” อริสากำชับเสียงหนักแน่นพร้อมกับหันแลขวามองหาช่องทางเอาตัวรอด
“ก็ได้ คุณเข้าไปซ่อนในนี้ก่อน” หนุ่มใหญ่ชี้นิ้วไปทางห้องทำพิธีเพื่อให้อริสาใช้เป็นที่ซ่อนตัว
“อือ…” หญิงสาวพยักหน้า แล้วเดินลิ่วเข้าไปในห้องตามที่เจษฎาเสนออย่างว่าง่าย พอเข้าไปได้ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นข้าวของน่ากลัวหลายชิ้นที่เจษฎาจัดแต่งไว้เพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาเขาประกอบพิธี
“สัวสดีครับคุณนุ่น” เจษฎาออกมาต้อนรับหญิงสาวที่กำลังก้าวลงจากรถ แล้วรีบเดินลงบันไดมาต้อนรับพร้อมกับยืนบังรองเท้าของอริสาก่อนจะแอบใช้เท้าเขี่ยให้ร่วงหล่นลงไปที่ด้านข้างของบันได
“สวัสดีค่ะ อาจารย์” สุธิภายกมือขึ้นไหว้สวยงามพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนสองดวงตาหยีเป็นรูปสระอิดูน่ารัก แม้จะไม่เข้ากับเสียงห้าวต่ำของเธอแต่พอรวมเข้าไว้ด้วยกันแล้วกลับทำให้มีเสน่ห์ที่แตกต่าง
ด้วยความที่หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้กับเจษฎาที่ยืนอยู่ในตำแหน่งสูงกว่า ทำให้สายตาก้มลงมามองลอดเข้าไปเห็นเนินเนื้อขาวๆ ผ่านคอเสื้อที่กว้างโดยไม่ได้ตั้งใจ จนต้องกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่อย่างห้ามไมได้ “....คุณนุ่นมาทำไมเหรอครับ วันนี้สำนักเราปิดนะครับ”
“อ้าวเหรอคะ ขอโทษค่ะที่มารบกวน แต่ไหนๆ ก็มาแล้วช่วยหนูหน่อยนะคะ” หญิงสาวประสานมือทำท่าอ้อนวอนพร้อมกับเขย่าตัวเองเบาๆ จนเนื้อหน้าอกขนาดพอเหมาะกระเพื่อมเล็กน้อย
“เออ…กะ..ก็ได้ครับ” เจษฎามองซาลาเปาคู่สวยของสาวหมวยอย่างลืมตัว ก่อนจะตกปากรับคำอย่างเกรงใจ กลัวเธอจะกลับไปฟ้องพ่อให้เสียแผน เขาคิดว่าเดี๋ยวจะขึ้นไปหยิบของอะไรให้ไปสักชิ้นเธอน่าจะพอใจแล้วกลับบ้านไปเอง
“งั้นนุ่นขึ้นไปเลยนะคะ” หญงิงสาวก้มลงถอดร้องเท้า แล้วจับไปที่ราวบันไดเตรียมตัวจะเดินขึ้นไป
“...เดี๋ยวๆ” เจษฎาขยับร่างมาขวางทางสาวหมวยไว้
“ทำไมคะ หรือว่าซ่อนอะไรไว้ข้างบน” หยิงสาวเอียงคอตาใสจ้องมองหนุ่มใหญ่ที่กำลังแสดงอาการพิรุธ
“เอิม... ไม่มีอะไรครับ ถ้าอยากจะขึ้นก็ขึ้นได้ครับ” เจษฎาอึกอัก รู้สึกว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นน่ากลัวยิ่งนัก เลยจำใจต้องยอมทำตามหลีกทางให้หญิงสาวเดินขึ้นบ้านได้
ขณะที่เจษฎาและสุธิภากำลังสนทนากันอยู่ ที่หน้าบ้านก็มีรถยนต์เก๋งสัญชาติญี่ปุ่นสีขาวแล่นเข้ามาในบ้านอย่างเร็ว แล้วไปจอดประกบกับรถของสุธิภา ก่อนจะมีหญิงสาวขาวสวยตัวเล็กผมยาวดำขลับเปิดประตูก้าวลงมาจากรถในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีดำเปิดเผยให้เห็นผิวขาวเนียนช่วงเนินอกสวมทับในกับกางเกงผ้าเอวสูงขายาวแต่ลึกถึงโคนขาทำให้เห็นเนื้อต้นสีตัดกับกางเกงดูเซ็กซี่ หญิงสาวหยุดยืนมองคู่สนทนาต่างวัยด้วยความประหลาดใจ เพราะเธออุตส่าห์เลือกวันและเวลามาที่นี่ด้วยความรอบครอบ ก็คิดว่าทางจะสะดวกให้เธอได้อยู่กับอาจารย์สองต่อสอง
“อ้าวคุณเจนิส มาได้ไงครับ” เจษฎาทักสาวสวยในชุดที่ดูดึงดูดสายตาชาย เขายืนนิ่งมองสำรวจเรือนร่างงามจนเกือบจะไม่ได้กระพริบตา ไม่ต่างกับหญิงสาวที่มองกลับมาดวงตาเป็นประกาย
“สวัสดีพี่เจนิส”สุธิภาที่มองดูเหตุการณ์อยู่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาจนต้องส่งเสียงขัดจังหวะ
“สวัสดีค่ะอาจารย์ พอดีลูกศิษย์อาจารย์แวะไปที่ร้านแล้วบอกว่าอาจารย์ว่างหนูก็เลยมาหา” เจณิตาพนมมือมือไหว้เจษฎาสวยงามราวกับนางสาวไทย แล้วเล่าเหตุการณ์ ก่อนจะมองไปที่หญิงสาวที่ยืนตรงหน้าเจษฎาตาขวางด้วยความไม่พอใจ “แล้วแกมาทำอะไรที่นี่ยัยนุ่น”
...เปี๊ยกนะเปี๊ยก แม่งร้านกาแฟมีเยอะแยะดันไม่ไป ดันเลือกไปร้านนี้...
เจษฎาหันไปมอนหน้าสองสาวสวยสลับกันไปมา “รู้จักกันเหรอครับ”
“พี่เจนิสเป็นรุ่นพี่ตอนเรียนมัธยมนะคะ แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไร” สุธิภาชี้แจง แล้วจ้องตาตอบกลับใส่หญิงสาวผู้มาทีหลังอย่างขัดใจ “แล้วพี่มาทำอะไร”
“ก็มาหาอาจารย์นะสิถามได้ แกนี่ยังโง่เหมือนเดิมเลยนะ” เจณิตาแขวะพร้อมกับทำตาดุใส่สาวรุ่นน้อง
“เอ่อออ... มากันเหนื่อยๆ ขึ้นไปนั่งพักกินน้ำกินท่ากันก่อนไหมครับ”เจษฎาเสนอความคิดหลังจากรับรู้ได้ถึงบรรยากาศไม่ค่อยจะสู้ดีระหว่างสองสาว
……….……….……….……….……….
เสียงลำแข้งหวดฟาดเข้าใส่เป้าล่อ เสียงกำปั้นพุ่งตรงเข้าใส่กระสอบทราย เสียงเชือกฟาดกระทบพื้นสลับกับเสียงฝ่าเท้า สารพัดเสียงของชายวัยฉกรรจ์นับสิบชีวิตที่สร้างขึ้นส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณค่าย กำนันประเสริฐยืนกอดอกดูเหล่าชายหนุ่มร่างกายกำยำที่กำลังฝึกซ้อมทักษะต่างอย่างขะมักเขม้น ด้วยความภาคภูมิใจ
“ดีมาก ตั้งใจซ้อมกันหนักๆ ใครทำผลงานดีกูมีรางวัลให้” กำนันร่างท้วมประกาศเสียงดังก้องไปทั่วค่าย ก่อนจะมีเสียงเฮของในเหล่านักมวยในค่ายขานรับ บรรยากาศในค่ายดูคึกคักขึ้นตา
กำนันประเสริฐเดินยิ้มอย่างพอใจไปนั่งพักที่โต๊ะ ยกขวดน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวเปิดขวดรินน้ำลงแก้วแล้วดื่มน้ำดับกระหายหลังจากการใช้เสียงแล้วดูการซ้อมต่อ ในระหว่างนั้นไอ้ถังมือขวาคนสนิทก็เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ แล้วก้มลงกระซิบ
“เมื่อวานนี้เสี่ยกวงมันนัดเจอกับคุณปลัด วันนี้มันก็นัดกินข้าวกับนายอำเภอ แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนมันก็ให้ไอ้หมอผีนั้นไปหานั้นไปหาที่บ้าน ผมว่างานไอ้เสี่ยกวงมันต้องคิดทำอะไรไม่ซื่อแน่ๆ เลยครับกำนัน” ไอ้รถถังรายงานข้อมูลที่มันรวบรรวมมาจากสายข่าวที่ส่งไปจับตาดูการเคลื่อนไหวของเสี่ยพิพัทธ์ให้กับกำนันได้รับทราบ
“อะไรวะ! ไอ้กวงมันไปกินดีหมีหรือหัวใจเสือมารึยังไง ก็เห็นมันเอาแต่นิ่งดูเชิงหลังจากเรื่องเมื่อคราวก่อน ตอนนี้ดันทำตัวเหมือนเตรียมจะเปิดศึกกับเราซะอย่างนั้น” กำนันร่างท้วมกระแทกแก้วลงโต๊ะเสียงดังสนั่นไม่สบอารมณ์
“หรือเพราะมันได้ไอ้หมอผีนั้นมาเป็นพวก ก็เลยคิดจะใช้คุณไสย์อาคมมนต์ดำเล่นงานเรา” ไอ้รถถังคาดการณ์ตามความน่าจะเป็นด้วยข้อมูลที่มี
“ฮ่าๆ งมงาย เรื่องพวกนั้นมีจริงก็เหี้ยแล้ว ถ้าไอ้กวงมันเชื่อก็โง่ชิบหาย แบบนี้กูไม่ต้องลงมือทำอะไรเดี๋ยวพวกแม่งก็พากันพังไปเอง” กำนันส่งเสียงหัวเราะขบขันเพราะลูกน้องคนพูดจาคล้ายกับปล่อยมุขตลก
“พูดอะไรเกรงใจหลวงพ่อบนคอบ้างก็ได้นะกำนัน ไม่แน่นะครับกำนัน ดูอย่างไอ้โบ้ไอ้ณุนั้นสิ ไปลองดีมาป่านนี้ยังนอนติดเตียงลุกไม่ขึ้นเลยนะครับ” ไอ้รถถังพูดพรางชี้ไปที่สร้อยคอทองคำเส้นหนาเตอะห้อยพระเกจิดังไว้เป็นพวง
“...หรือว่ากูต้องกลัวมันวะ” กำนันประเสริฐพูดด้วยเสียงเบา
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับกำนัน แค่เราระวังตัวแล้วก็ไม่ประมาทก็น่าจะพอ” ไอ้รถถังทำตัวเป็นลูกน้องที่ดีด้วยการเตือนสติ
“งั้นกูให้คนไปเก็บมันเลยดีกว่า จะได้จบๆ ไป แม่งตั้งแต่เรื่องหวยละ”
“ให้ผมไปจัดการเลยไหมครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจ้างมือระดับพระกาฬไปเลย”
“คุยอะไรกันอยู่ค่ะ หน้าเครียดเชียว” เสียงสวยดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง ณัฐฐาเดินเข้ามาหาด้วยร่างกายชุ่มไปด้วเหงื่อหลังจากที่วันนี้เธอเลือกการซ้อมมวยเป็นการออกกำลังกาย เธออยู่ในชุดออกกำลังกายสีเข้มฟิตเปรี๊ยะขับดันสัดส่วนให้ชวนมอง สองมือแกะผ้าที่พันอยู่ออกจากมือ ท่ามกลางเสียงชายฉกรรจ์กำลังออกกำลัง แต่สายตาของเหล่านักมวยกลับมองมาที่สาวใหญ่สุดสวยเป็นตาเดียวกัน
“ก็เรื่องไอ้หมอผีที่มันใบ้หวยนั้นนะสิ” กำนันประเสริฐเปรยปัญหาให้ภรรยารักฟังพร้อมกับมองกวาดสายตามองเหล่านักมวยที่พากันหลบสายตาดุของเจ้านายกันเลิ่กลั่ก
“มันทำไมเหรอคะ” ณัฐฐาทรุดร่างลงนั่งเคียงข้างแล้วหยิบขวดน้ำที่บรรจุเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพขึ้นดื่ม แล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับเหงื่อตามร่างกาย
“มันน่าจะไปร่วมมือกับไอ้กวงนะสิ” กำนันพูดเสียงหนักแน่นเน้นย้ำให้รู้ว่านี้เป็นปัญหาที่กวนใจเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“จะฉันช่วยอะไรไหมคะ” สาวใหญ่เก็บความตกใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย เธอไม่คิดว่าเจษฎาไม่เพียงแต่ไม่ยอมออกจากพื้นที่แต่กลับไปเข้าพวกกับศัตรูของครอบครัวเธอเสียได้
“ไม่เป็นไรเรื่องนั้นพี่จัดการเอง เธอช่วยพี่คอยจัดการรับมือไอ้กวงดีกว่า เหมือนมันจะเริ่มทำอะไรแปลกๆ แล้วตอนนี้”
“ได้ค่ะ...” สาวใหญ่รับคำแต่ก็เริ่มคิดแล้วว่าเจษฎาจะทำตัวคุกคามชีวิตของเธอมากเกินไปแล้ว และคงปล่อยกำนันเป็นคนจัดการไม่ได้
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน