จากตอนที่แล้วโทนนั่งหลับ
หลับเหรอ น้องโทนหลับเหรอ เราถามว่าทำไมหลับล่ะ มาหลับตรงนี้ทำไม ทำไมไม่หลับที่ห้องล่ะ น้องโทนเงียบไปอีกแปปนึง จนเราสงสัยเราต้องสะกิดถามโทน โทนทำไรเนี่ย น้องโทนก็บอกหลับครับ เห้ยทำไมหลับง่ายแบบนี้ล่ะ ตอนนั้นรุกะนางแบบมองซ้ายมองขวา
เราหันไปบอกว่าโทนหลับ รุกะดูหน้าตาตื่นๆนะรีบเดินไปทางด้านซ้ายเลย นายจับๆที่หน้าของโทน จับแขน จับตัวแล้วบอกว่า อาการไม่ดีเลยค่ะ หาเราตกใจนะ ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ รุกะนางบอกว่ากล้ามเนื้อแปลกๆจังเลยค่ะ รุกะนางจับไหล่ จับตัวของเจ้าโทน แล้วถามเราว่า
ก่อนหน้านี้ได้ออกกำลังกายหรือฝึกซ้อมอะไรมาหนักๆบ้างไหม เราคิดๆๆแล้วบอกมีๆๆก่อนหน้าจะมาที่นี่ก็ฝึกวิ่ง ฝึกพุ่งตัวหลายๆอย่าง เราเล่าไปหมดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โทนทำอะไร ซ้อมอะไร รุกะบอกว่าอาจเป็นเพราะเกิดภาวะโอเวอร์เทรนนิ่ง หืม โอเวิร์เทรนด์คืออะไร
รุกะก็บอกว่าการฝึกซ้อมที่ดีคือ การออกกำลังกาย และ พักผ่อนให้พอ นั่นคือการเทรนด์การฝึกแต่ถ้ายังฝึกต่อเนื่องแล้วพักผ่อนไม่เพียงมา ฝืนฝึกซ้อมต่อไปไม่หยุด มันจะเกิดภาวะที่เรียกว่าโอเวอร์เทรนด์ เราก็ถามว่าแล้วอาการมันเป็นยังไง รุกะนางบอกว่าให้อธิบายหมดคงจะนาน
ภาษาไทยดิฉันตอนนี้ก็ไม่แข็งแรงมากด้วย แต่สำหรับกรณีของคาคาชิซังนั้น ตอนกลางคืนคงนอนไม่หลับ ไม่ได้พักผ่อน ตอนกลางวันถึงเพลียและหลับง่ายแบบนี้ เขาพูดหรือแสดงอาการอะไรที่เหมือนเป็นอีกคนไปไหมคะ เช่นอาการก้าวร้าวที่ปกติมักจะไม่เป็น เราตอบทันทีเลยว่าใช่ๆๆ ตอนในห้องเขาสบถคำหยาบออกมาบ่อยมากทั้งๆที่ปกติแทบจะไม่พูดอะไรเลย
รุกะบอกว่าก็อาจจะหงุดหงิดเพราะนอนพักผ่อนไม่เพียงพอนั่นแหละค่ะ การจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมันก็ไม่แปลกเลย –ขนาดพวกเราที่ต้องตื่นกลางดึกเพราะเสียงดังยังหงุดหงิดเลยว่าไหมคะ รุกะนางพูดเหมือนเข้าใจทุกอย่างแล้วยิ้มออกมา เรายอมรับนะว่านางสวยจริงๆ ยิ้มหวานมาก
แล้วเชื่อป่ะตอนที่เราพูดอยู่โทนก็ยังนั่งหลับไม่รู้เรื่องแต่พอสักพัก เจ้าลิงหัวหงอกก็ฟุบลงไปซบรุกะเฉยเลย โอ๊ย เป๊ะเกินไปมันมากเกินไป เราก็ตกใจจะไปช่วยนะ แต่รุกะก็บอกไม่เป็นไร เธอพยุงประคองหัวของโทนไว้แล้วจากนั้นก็ค่อยๆยืดตัวขึ้นมานั่งบนม้านั่ง แต่จังหวะกึ่งกลางนั้นอ่ะโห้ย ซบไปที่หน้าอกเต็มๆเลย
แล้วพอขึ้นมานั่งก็ให้โทนซบไหล่แบบนั้นเธอบอกว่าแค่ให้พิงไหล่แค่นี้มันน้อยมากเลยนะคะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาทำ แล้วนางก็พูดว่ายูกาตะขาสั้นเหมาะกับเขาดีนะคะ นางพูดแล้วก็ดูยิ้มๆไปด้วย ตอนนั้นคุณเคย์เขาเข้ามาพอดีเราเห็นเราตกใจเลยนะ แย่แล้วแบบนี้คุณเคย์จะโมโหไหมเนี่ย ที่อยู่ดีๆคนที่เหมือนเป็นต้นเหตุให้การเจรจาต้องล่มไป ตอนนี้มานั่งพิงไหล่ลูกสาวของเขา
เขาเดินมาแล้วหยุดมองแล้วพูดอะไรไม่รู้ สองถึงสามคำแต่ว่าคำสุดท้ายผันเสียงขึ้นสูง ถ้าเราจำไม่ผิดดูเหมือนว่าการผันเสียงขึ้นสูงจะเป็นรูปแบบประโยคคำถามหรือเปล่า รุกะนางหันมาตอบ ไฮ่ คำเดียวเลย คุณเคย์ก็มองๆ ๆ แล้วคุณเคย์ก็พูดกับเราว่า เขาไม่ได้โกรธนะที่โทนทำแบบนั้น แต่เขาไม่พอใจที่ลูกน้องของพ่อเรา ซึ่งหมายถึงผู้บริหารหลายๆคน ไม่มีจิตเมตตากับพนักงานคนนี้เลย ไม่จำเป็นต้องพนักงานคนนี้หรอก ยังมีอีกหลายๆคนที่อาจจะโดนแบบนี้ แต่ไม่มีใครเห็น ซึ่งคุณเคย์บอกว่าเขารู้สึกไม่ชอบใจมากๆเลย จึงได้ตัดสินใจเลื่อนการตกลงเรื่องการค้าขายออกไปก่อน
คุณเคย์ถามมาว่า เด็กคนนี้อายุเท่าไรแล้วทำงานตำแหน่งอะไรในบริษัท เราก็พูดกับเขาว่าจริงๆแล้วน้องโทนยังเรียนหนังสืออยู่เลยที่มาทำงานตรงนี้เพราะพี่ชายดึงตัวมาทำงานเพราะเห็นว่าฝีมือดี และนิสัยใจคอเข้ากันได้ คุณเคย์ก็พูดว่า..อืม อันที่จริงควรใส่ใจกับการแต่งกายมากกว่าแฟชั่นนะ
แฟชั่น แฟชั่นอะไร อ๋อหัวสีขาว เราก็รีบพูดเลยว่าไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ที่เส้นผมมีสีขาวเพราะเขาต้องย้อมเพื่อแสดงละคร แล้วรุกะก็พูดขออนุญาตค่ะคุณพ่อ คือน้องคนนี้เขาต้องแสดงละครรับบทเป็น ฮาตาเกะ คาคาชิ ค่ะ เลยจำเป็นต้องย้อมผมสีขาวแบบนี้ บอกไว้ก่อนนะว่าบทสนทนานี้คือผ่านการแปลมาแล้วนะ คุณเคย์พูดว่าอ๋อต้องแสดงละครก็พอเข้าใจได้นะ รุกะก็พูด ๆ ๆ ๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ
นางน่ะถามพ่อนางว่าจะกลับญี่ปุ่นเลยไหม พ่อนางบอกว่ายังก่อนต้องไปเจอพ่อของเราอีก เพราะว่าเรื่องพนักงานมันต้องบอกกันแบบตรงๆ ในฐานะเพื่อนก็ไม่อยากให้บริษัทของเพื่อนมีพนักงานที่ทัศนคติไม่ค่อยดีไม่งั้นมันจะเหมือนอดีตอีก ตอนแรกที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร
เราก็นั่งอึนเลยนะ นี่ติดโรคมึนมาจากลิงป่ะก็ไม่รู้ เรานั่งฟัง ฟัง ฟัง ถึงจะไม่รู้ความหมาย แต่ไม่รู้ซิ่น้ำเสียงของคุณเคย์คือฟังแล้วอบอุ่นมากๆ จนพอเขาเดินไป รุกะนางเลยแปลให้เราฟังตามที่ได้เขียนไปข้างบนนั่นแหละนะ นางชวนเรามานั่งข้างๆอีกฝั่งเพราะกลัวโทนจะเอนตัวไป
นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ได้มั้งที่เราได้นั่งใกล้ๆขนาดนี้แล้วลิงไม่หนีเนี่ย แต่ว่าทำไมถึงเอนไปซบฝั่งรุกะคนเดียวล่ะเรามองแล้ว ก็รู้สึกแปลกๆนะมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเราไม่โกรธรุกะ เราไม่ได้คิดว่ารุกะทำอะไรแย่ๆเลย แต่ทำไมเรารู้สึกไม่ค่อยชอบแบบนี้นะ
ธรรมชาติตอนนี้มันก็ดีนะอากาศเย็นๆ ลมเย็นๆ แต่ใจเราร้อนลุ่มเลยเนี่ย รุกะเธอนั่งนิ่งๆให้เจ้าลิงซบไหล่ไม่ขยับไปไหนเลย รุกะถามเราว่า คาคาชิซังคนนี้ไปทำงานกับพวกคุณได้อย่างไรคะ อายุแค่ 20 เองคุณแมนไม่น่าจะไปดึงตัวมา เราก็ยอมเล่าเรื่องให้ฟังนะ รุกะบอกว่าอื้มไม่แปลกใจเลยค่ะที่จะเก่งขนาดนั้น
เราก็ถามว่ายังไงเหรอคะ รุกะบอกว่าการใช้แค่รับแล้วต่อยส่วนไปแบบนั้นก็เป็น 1 ในเท็นโนะกาต้า เป็นท่ารำของคาราเต้โชโตกัน ส่วนชื่ออะไรนั้นเราจำไม่ได้นะต้องให้เจ้าโทนบอก กลับมาต่อนะเราถามว่าขนาดนั้นเลยเหรอคะ รุกะนางก็บอกว่าแต่อาจจะไม่ได้ชำนาญอะไรมากนะคะเท่าที่ดูแล้ว
แต่ก็ประยุกต์เอามาใช้ได้ดีมากๆเลยค่ะ ดูเหมือนว่าคาคาชิซังนี่จะชอบวิวาทมากเลยนะคะ เราก็บอกเลยว่าโอ๊ยไม่หรอกค่ะ ตัวจริงจะเป็นพวกนิ่งๆ มึนๆ เหมือนที่เป็นก่อนหน้านี้เลยล่ะค่ะ ไม่ใช่พวกที่ชอบใช้กำลังตัดสินใจปัญหาเท่าไรหรอกค่ะ จะมีก็ตอนที่พี่สาวโดนลวนลามก็เข้าไปต่อยแบบมองไม่ทันเลย
รุกะนางก็บอกมาว่า ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่สาวดิฉันก็นึกว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงคนสนิทนะคะ เพราะยอมใช้ความรุนแรงเพื่อเธอขนาดนั้น เราก็สะดุ้งเลยว่า เพื่อนผู้หญิงคนสนิทเหรอ โทนกับเตย... แต่คงไม่ใช่หรอก แล้วระหว่างคิดๆอยู่เกิดไรขึ้นรู้ป่ะ รุกะนางลูบหน้าเจ้าลิงเฉยเลยแล้วพูดว่า
คาคาชิซังเหรอคะ ชื่อตัวละครจากอนิเมะเหมาะกับเขาคนนี้จริงๆนะ เราก็งงๆเลยถามว่าหมายความว่าไงเหรอคะ รุกะนางบอกว่า คาคาชิ ในภาษาไทย แปลว่าหุ่นไล่กาค่ะ นางบอกว่าในอนิเมะน่ะ อาจารย์ผู้เขียนคงจะสื่อว่าตัวคาคาชิ เป็นเหมือนหุ่นไล่กาที่คอยขับไล่สิ่งไม่ดีออกจาก หมู่บ้าน หรือ ลูกศิษย์ของตน
ส่วนคาคาชิซังคนนี้ก็เป็นเหมือนเขาคนนั้นเลยนะ เราบอกโหคุณรุกะรู้เรื่องอนิเมะมากเลยนะคะ เธอยิ้มแล้วบอกว่าก็พอโตขึ้นแล้วเลิกเล่นคิวโด สิ่งเดียวที่ทำให้เธอผ่อนคลายจากการเรียนและทำงานได้ก็มีแต่การอ่านมังงะนี่แหละ เราก็งงอะไรคือมังงะ พออีกสักพักเราได้ยินเสียงรุกะอุทานขึ้น เอ๊ะ
เราหันมองนะก็เห็นเจ้าโทนงัวเงียขึ้นมา มองซ้ายมองขวา แล้วพอเจอหน้าเราก็รีบลุกขึ้นเลย แล้วพูดว่าพี่หมิวมาทำไรที่นี่อ่ะ เราก็งง เรามองไปที่รุกะ เราถามเจ้าโทนว่านี่ไม่รู้เหรอว่าตัวเองนั่งหลับอ่ะ เจ้าโทนก็บอกขอโทษครับผมไปเก็บของแปป แล้วก็เดินไปเลยนะ
เราก็งงว่าเห้ยไปไหนนั่นแล้วไม่คิดจะพูดถึงรุกะเลยเหรอ รุกะมองเราแล้วก็ยิ้ม นางบอกว่าสงสัยจะไม่เห็นนาง เราก็ถามว่าจะไม่เห็นได้ไงก็ยืนอยู่ข้างๆ รุกะนางบอกว่าอย่าลืมสิ่คะตอนนี้ตาซ้ายของเขาถูกปิดไว้อยู่ตั้งครึ่งหน้าเชียวนะ จะมองไม่เห็นชั้นที่ยืนข้างนี้ก็ไม่แปลก เราก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ ๆ ๆ รุกะนางก็บอกว่าไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ แล้วคือสายตาของรุกะนางคือโอ๊ยยยยย หวานเกินไปเห็นแล้วหงุดหงิด อย่าบอกนะว่าคิดอะไรกับอีลิงหงอกนั่น
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน