ขออภัยที่หายไปนาน และคงจะเป็นอย่างนี้อีกสักพัก เนื่องจากเวลาที่มีอันน้อยนิด
แต่ยืนยันว่ายังไม่หยุดแต่งแค่นี้แน่นอน เพราะเนื้อเรื่องยังวางไว้อีกยาวไกล
ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปนะครับ
จนกว่าจะลงตอนใหม่
--------------------------------------------
พิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 14
อื๊ดดดด อื๊ดดดด อื๊ดดดด เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ล่าสุดดังสนั่นสั่นไหวอยู่บนโต๊ะที่ตั้งอยู่แนบชิดติดกับเตียงนอน แต่มนัสนันท์กลับยังคงนอนแน่นิ่งโดยไม่ไหวติง ดวงตาอันแสนบริสุทธิ์บนใบหน้าที่สวยงามราวกับธิดาสวรรค์ปรากฎให้เห็นแต่ความเหม่อลอยราวกับกะจิตกะใจไม่ได้อยู่กับเนื้อตัว นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ถาโถมสาดซัดเข้าใส่ตั้งแต่เมื่อวานอย่างไม่ปรานีปราศรัย ทำให้หญิงสาวที่แม้จะเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่เคยจัดการปัญหาน้อยใหญ่มาแล้วนักต่อนัก กลับทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าตนเองควรจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป หัวสมองก็ดูจะตื้อตันไปเสียหมด ได้แต่นอนหมดอาลัยตายอยาก จนโสตประสาทไม่ตอบรับต่อการสั่นไหวของโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งของเมือง บอสแฟนหนุ่มของมนัสนันท์ที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าแฟนสาวของเขานั้นทราบเรื่องการนอกใจไปมีชู้จนหมดเปลือกแล้ว จึงยังคงพยายามติดต่อแฟนสาวที่นัดกันเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าวันนี้จะไปหาอะไรทานด้วยกันโดยไม่รู้สึกรู้สาในความผิดของตน
[หืมมม ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์นะ?] บอสถึงกับแปลกใจที่สายขนาดนี้แล้ว แต่แฟนสาวของเขากลับยังไม่รับโทรศัพท์ เพราะโดยปกติแล้วมนัสนันท์ถือเป็นคนที่ตื่นเช้าอยู่เสมอ แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และด้วยที่ทั้งคู่ต่างนัดกันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว เขาจึงไม่ลังเล ตัดสินใจที่จะขับรถมุ่งหน้าตรงไปหามนัสนันท์ถึงบ้านของเธอ โดยที่เขานั้นไม่รู้เลยว่าในเวลานี้ต่อให้เขาเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ มันก็ไม่ทำให้ระยะห่างทางใจระหว่างเขาและเธอเข้าใกล้กันได้เลยแม้แต่น้อย
.
.
.
“สวัสดีครับคุณแม่” บอสกล่าวทักทายชไมพรที่เดินออกมาต้อนรับด้วยวาจาและท่าทีที่สุภาพเหมือนอย่างทุกครั้งที่เขาแวะมาที่นี่ แต่สีหน้าของหญิงสาววัยห้าสิบกลับบ่งบอกความผิดปกติอะไรบางอย่างจนบอสสัมผัสได้
“สวัสดีจ้ะลูก มาหามายใช่มั้ย วันนี้มายเขาไม่สบายน่ะ เดี๋ยวไว้มายตื่นแล้วแม่จะให้มายโทรหานะลูก”
“หาาา มายเป็นอะไรหรอครับ? เมื่อวานตอนคุยกันยังดูปกติดีอยู่เลยครับ” ทันทีที่บอสได้ยิน ก็รู้สึกประหลาดใจในคำตอบของชไมพร เพราะเมื่อวานที่เขาโทรศัพท์คุยกับมนัสนันท์ เธอยังดูปกติไร้วี่แววว่าจะไม่สบายเลยแม้แต่น้อย
“มายบอกปวดหัวน่ะลูก เลยทานยาแล้วนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว”
“ผมขอขึ้นไปหาหน่อยได้ไหมครับ”
“ให้มายเขานอนพักผ่อนก่อนเถอะนะลูก เดี๋ยวไว้เขาตื่นแล้วแม่จะรีบให้โทรหาบอสเลย” ชไมพรที่ปกติไม่ใช่คนพูดจาโกหก กลับต้องฝืนใจทำตามคำขอของลูกสาวคนโตที่ขอไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เอ่อ… แบบนั้นก็ได้ครับ มายจะได้พักผ่อน งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณแม่” บอสกล่าวลาชไมพรด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถสปอร์ตคันหรูแล้วขับออกไป
.
.
.
เมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว
“แม่ค่ะ ถ้าพี่บอสมา ช่วยบอกเขาว่ามายไม่สบาย แล้วบอกให้พี่เขากลับไปก่อนนะคะ” มนัสนันท์ฝืนเดินลงมายังชั้นล่างของตัวบ้านอย่างเชื่องช้า เพื่อไหว้วานให้แม่ของตนเป็นกันชนด่านหน้าที่จะขวางไม่ให้เธอต้องเจอกับแฟนหนุ่มจอมหลอกลวงได้
“อ้าว แล้วนี่มายเป็นอะไรหรือเปล่าลูก?” ชไมพรถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะทั้งสีหน้า และแววตาดูเคลือบไปด้วยความเศร้าหมอง
“แม่ช่วยบอกเขาตามนี้ทีนะคะ หนูขอร้อง” มนัสนันท์เลี่ยงไม่ตอบคำถามของมารดา แต่ยังคงเอ่ยวิงวอนขอให้คนเป็นแม่ช่วย เสียงของมนัสนันท์ที่เริ่มสั่นเครือ ดวงตาที่เริ่มแดงกล่ำ บวกกับสีหน้าของคนกลั้นร้องไห้ ทำเอาชไมพรไม่อยากจะคะยั้นคะยอถาม
“ได้ ๆ เดี๋ยวแม่บอกให้นะ แล้วจะทานอะไรหน่อยไหมลูก? เดี๋ยวแม่ทำให้” สุดท้ายคนเป็นแม่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นห่วงลูกอย่างจับใจ จึงได้แต่รับปาก และเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูยังไม่ค่อยหิวค่ะ เดี๋ยวหนูขอขึ้นไปพักก่อนนะคะ” มนัสนันท์เดินกลับขึ้นมายังชั้นสองด้วยความยากลำบาก แต่เธอก็ต้องพยายามฝืนก้าวเดินให้ดูเป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ให้แม่ของเธอจับสังเกตุถึงความผิดปกติได้ แต่พอเดินเข้ามาถึงห้อง เธอก็แทบจะทิ้งตัวลงกับเตียง เพราะความแสบตึงตรงกลางหว่างขามันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเบื้องล่าง มือน้อย ๆ ของเธอเอื้อมไปเกาะกุมช่วงท้องน้อย ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อไหลออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ นึกเสียใจที่ตนดันถลำตัวถลำใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบ ไม่คิดจะยับยั้งชั่งใจตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นถูกนายพรานล่าสวาทจอมเจ้าเล่ห์อย่างสุขุมวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี
.
.
.
“แม่… พี่มายออกไปกับพี่บอสแล้วหรอ?” เสียงของลูกสาวคนเล็กดังเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล
“มายนอนพักผ่อนอยู่ข้างบนน่ะ”
“อ้าว เมื่อกี้หนูเห็นรถพี่บอสมาจอดหน้าบ้าน นึกว่าพากันออกไปแล้ว แล้วไหงทำไมยังอยู่ข้างบนล่ะ?” มินตราถามแม่ของตนอย่างสงสัย เพราะเธอมองเห็นรถของบอสมาจอดอยู่หน้าบ้านสักพัก
“พี่มายเขาบอกว่าไม่ค่อยสบายน่ะลูก เลยไม่ได้ออกไปกับบอส”
“ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับพี่บอสใช่ไหมเนี่ย!!”
“อย่าไปยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่เขาเลย เจ้าลูกคนนี้นี่” ชไมพรเอง จริง ๆ แล้วก็รู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจไม่ต่างกัน เพราะเธอบังเอิญตื่นขึ้นมาพอดีตอนลูกสาวขับรถเข้ามาจอดในบ้านในเวลาเกือบเช้าตรู่ ซึ่งมันผิดวิสัยของมนัสนันท์เป็นอย่างมาก จึงรู้สึกสังหรณ์ใจกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับลูกสาวคนโตของตน มิหนำซ้ำเมื่อตอนที่มนัสนันท์เดินลงมาหาเพื่อไหว้วานเธอเรื่องบอส ชไมพรยังรู้สึกได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ลอยออกมาจากตัวของลูกสาวอีกด้วย พอคิดแล้วชไมพรก็ได้แต่ถอนหายใจ และหวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจของเธอ
.
.
.
ตกช่วงบ่ายของวัน ในขณะที่ชไมพรกำลังทำความสะอาดบ้านเหมือนอย่างที่เคย เธอก็เห็นมนัสนันท์เดินลงมาจากชั้นสอง แล้วก็รีบขึ้นรถและขับออกไปนอกบ้านด้วยท่าทีรีบร้อน  
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน