หมอชันสูตรกับวิญญาณ(ไฮโซสาว) 8

[twintower]

หมอชันสูตรตอนนี้ไม่มีบทเสียวนะครับ



ป.ล.ต้องทำตัวอักษรสีแดงและตัวใหญ่ เพราะขนาดเรื่องตะลุยรักสาวงามตอนล่าสุดบอกไว้ล่วงหน้าว่าตอนมันไม่ต่อกัน ยังมีคนมาทักว่าทำไมตอนไม่ต่อจากตอนก่อนหน้านี้

และไอ้พวกมักง่่ายที่ใช้แค่คำว่าตามหรือติดตามเวลาแสดงความเห็นหลายๆครั้งผมรายงานแอดมินตลอดนะครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ลุงอัสของคุณนี่ดุหรือเปล่า"

กิ่งกาญจน์ถามผม

"ไม่นะ ลุงอัสเป็นคนมีเหตุผลมาก ไว้คุณได้เจอแล้วคุณจะรู้เอง"

ผมตอบเธอขณะที่ผมกำลังขับรถไปเยี่ยมลุงอสนีในวันหยุด ซึ่งเธอนั้นขอตามมาด้วย ผมไม่ได้มาเยี่ยมลุงอัสมนานมากแล้วแถมช่วง4-5 เดือนที่ผ่านมาผมเจออะไรแปลกๆอยู่หลายครั้ง ส่วนใหญ่มันมาจากเรื่องงานถึงกิ่งกาญจน์จะช่วยงานผมได้ตลอด แต่บางครั้งมันมีปริศนาที่ผมกับเธอนั้นหาคำตอบไม่ได้ ส่วนวิญญาณร้ายของทรงเดชยังตามอาฆาตผมไม่เลิก  รวมถึงการตายของผู้กองอลิสาที่วิญญาณของทรงเดชมีส่วน ผมจึงตัดสินใจที่จะมาเยี่ยมคุณลุงและขอคำแนะนำด้วย

จากทีท่าอันแปลกๆของผู้กองสาวในหลายๆครั้งที่ผ่านๆมา จนบางครั้งทำให้ผมนึกไปว่าเธอรู้ว่าผมติดต่อกับวิญญาณได้ แต่มันก็พิสูจน์อะไรไม่ได้จนมีถึงคดีฆาตกรรมคดีใหญ่ มีคนตายถึง 7 คน ผมกับทีมงานถูกเรียกให้ไปตรวจศพของคนตาย ในโกดังร้างริมแม่น้ำคนตายเป็นผู้ชายทุกคน สภาพศพถูกมัดมือและมีรอยจ่อยิงที่ศีรษะด้านท้ายทุกคน  ผมเข้าไปตรวจสอบสภาพศพและค้นเจอหลักฐานจากคนตายมาได้มา 5 คน  อีก 2คนไม่มีหลักฐานอะไรติดตัว แต่พอตำรวจเห็นชื่อจากบัตรประชาชน ทำให้รู้ว่า 1 ในนั้นเป็นหัวหน้าขบวนการขนของผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติดทั้งอาวุธ ยิ่งเห็นหน้าหลังจากที่ได้พลิกตัวศพให้นอนหงาย ตำรวจที่รู่จักกับหัวหน้าแก็งส์ได้บอกกับผม

"สงสัยเป็นฆ่าหักหลังกันเองนะครับหมอ ไอ้สมัยหัวหน้าแก็งส์มันเองก็สร้างศัตรูไว้มากครับ"

ผมพยักหน้าแล้วหันไปมองรอบๆ เห็นวิญญาณของกิ่งกาญจน์ยืนคุยกับพวกวิญญาณของคนตายอยู่ แต่เธอหันหน้ามาแล้วส่ายหน้าให้ผม ผมก้มลงไปนั่งตรวจศพอีกศพที่อยู่ข้างๆนายสมัย ดูแล้วจะเป็นวัยรุ่นอายุ 20 เศษๆได้ ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมวัยรุ่นคนนี้ถึงได้มาอยู่กับคนพวกนี้ได้ และผมได้ยินเสียงของกิ่งกาญจน์ขึ้นในดวงจิต

"คุณหมอ ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยวิญญาณพวกนี้ไม่ยอมพูดอะไรเลย"

"งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจแล้วกันคุณ ตอนนี้ผมต้องรับมือกับยายจอมจุ้นของคุณก่อน"

ผมตอบเธอไปเพราะเห็นผู้กองอลิสาเดินถือกล้องถ่ายรูปเข้ามาหาผม

"งานหนักเลยนะคะหมอต้อง ตรวจถึง 7 ศพ"

ผู้กองสาวกล่าวทักผม

"ก็พอสมควรละครับผู้กอง"

"กับศพนี้มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ"

"ไม่มีอะไรมากครับ แค่นึกว่าดูท่าอายุยังน้อยแต่ทำไมถึงมาอยู่กับพวกนี้ได้"

เธอทำท่าจะถามอะไรผมต่อแต่ต้องหยุดถาม เมื่อรอง ผบ.ตร.ที่พึ่งมาถึงได้เดินเข้ามาหาผมทันที

"ว่ายังไงครับคุณหมอ มีอะไรที่น่าสนใจบ้างครับ"

ผมลุกขึ้นยืนไหว้ท่านก่อนจะตอบ

"เลือดแข็งตัวแล้วครับท่าน รวมที่ดูจากอุณหภูมิขิงตับพวกนี้น่าจะถูกฆ่าตายไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ทุกศพถูกจ่อยิงในระยะใกล้ ส่วนเรื่องมีหลักฐานเพิ่มเติมในตัวของศพอีกหรือไม่ต้องใช้เวลาครับ"

ผมรายงานไปสั้นๆ ตามที่ได้ตรวจในเบื้องต้น ท่านรอง ผบ.ตร.พยักหน้ารับทราบก่อนจะสอบถามผมอีก 2-3 คำ หลังจากที่เดินไปอีกด้าน ผู้กองอลิสาได้ถามผมทันที

"ทำไมคุณหมอถึงคิดว่าคนตายคนนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกแก็งส์นี้ละคะ"

ประโยคนี้มันทำให้ผมประหลาดใจอย่าง เหมือนกับเธอที่จะรู้อะไรบางอย่าง และแววตาของเธอนั้นดูลึกลับอย่างมาก

"ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมเดาเอาเพราะเห็นคนตายอายุยังน้อย อีกอย่างการแต่งกาย ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดเก่าๆแถมใส่รองเท้าแตะอีกด้วย แต่งตัวแบบนี้ไม่น่าเข้าร่วมกับแก็งส์พวกนี้ได้ เหมือนกับศพที่อยู่ขวามือสุดนะครับ ที่หาหลักฐานในตัวไม่ได้ อายุน่าจะอยู่ที่55-60 เสื้อที่ใส่เป็นเสื้อโปโลสีซีดเหมือนกับกางเกงที่ใส่สีก็ซีดเหมือนกัน สวมรองเท้าแตะอีกดูจากการแต่งกายแล้วไม่ใช่การแต่งกายที่รัดกุมเหมือนคนอื่นๆที่ตายครับ"

เธอมองไปตามที่ผมบอกแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูพิศวง

"น่าคิดเหมือนกัน แต่คงต้องรอให้ฝ่ายสืบสวนสืบให้ละเอียดคะ นึกว่ามีใครแอบมากระซิบบอกหมอ"

เธอทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป ผมมองตาเธอไปพร้อมด้วยความคิด

"คุณอย่าไปสนใจอะไรแม่นั่นเลย ฉันเจอปัญหาหนักกว่า"

เสียงของกิ่งกาญจน์ดังขึ้นในดวงจิตของผม

"ปัญหาอะไร"

"อย่างที่บอกเมื่อกี้ไง วิญญาณไม่ยอมพูดอะไร แถมไปกันหมดแล้ว แต่ปัญหาคือมีแค่5 แต่อีก 2 ไม่รู้หายไปไหน ฉันหาไม่เจอ"

"คุณหมายถึง"

"วิญญาณ 2 คน ที่คุณสงสัยไง ฉันหาทั้งคู่ไม่เจอ  ฉันว่ามันทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้กับไอ้พวกที่ไม่ยอมพูดอะไร ถามมัน มันก็ไม่ยอมตอบ"

"งั้นเอาไว้ก่อน ไว้ตอนเอาศพกลับไปโรงพยาบาลแล้วค่อยว่ากัน"

ผมตอบเธอก่อนจะเดินไปหาทีมงานที่กำลังช่วยกันตรวจศพอื่นๆอยู่  จนเรียบร้อยแต่ขณะที่กำลังลำเลียงศพขึ้นรถ ผมรู้สึกแปลกๆ แต่มองไปรอบๆไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติยกเว้นผู้กองอลิสาที่ยืนมองมา ระหว่างทางที่กลับกิ่งกาญจน์ดูจะบ่นไม่เลิกกับเรื่องที่บรรดาวิญญาณไม่ยอมพูด พอถึงโรงพยาบาล ผมกับทีมงานได้เริ่มทำการผ่าศพเพื่อชันสูตรทันที แต่ระหว่างที่กำลังผ่าศพหัวหน้าแก็งส์เสียงของกิ่งกาญจน์นั้นดังขึ้นมา

"คุณหมอมีคนอยากคุยกับคุณนะ"

ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นดวงวิญาณของชาย 2 คนที่ผมสงสัยว่าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก็งส์พวกนี้ ทั้งสองยกมือไหว้ผมก่อนที่กิ่งกาญจน์จะบอกกับทั้งสองไปว่า

"รบกวนคุณทั้งสองช่วยเล่าเรื่องให้คุณหมอฟังอย่างที่เล่าให้ฉันฟังอีกครั้งเถอะ"

มีเสียงสะอื้นจากวิญญาณของเด็กหนุ่มก่อนที่คนสูงวัยจะเริ่มเล่าเรื่องให้ผมฟัง ผมฟังเรื่องที่วิญาณเล่าให้ฟังจนจบพร้อมสอบถามเพิ่มเติมกับประเด็นที่สงสัยจนหมดสิ้น ก่อนที่วิญญาณคนสูงวัยจะบอกผมส่งท้าย

" รบกวนคุณหมอด้วยนะครับ ถ้าช่วยได้ก็ขอให้ช่วย สงสารไอ้เด่นมัน มันตายไปคนย่ามันลำบากครับ ไม่มีคนดูแลอีกแล้ว มันกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กๆมีย่ามันที่คอยเลี้ยงมาจนมันโต"

วิญญาณทั้งคู่ต่างยกมือไหว้ผมอีกครั้งก่อนที่จะสลายร่างไปจากสายตาพิเศษของผม

"คุณหมอพอจะหาทางช่วยอะไรได้บ้าง"

กิ่งกาญจน์ถามผม

"ผมยังนึกไม่ออก แต่ผมสงสาร 2 คนนี่ เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่ต้องมาตาย  แต่มันก็แปลกๆ"

"แปลกตรงที่ทำไมจู่ๆไอ้ 2 คนนั่นถึงมาฆ่าพวกเดียวกัน"

"ใช่ จากที่ฟังเหมือนไม่มีเหตุจูงใจอะไรเลย"

ผมตอบเธอก่อนจะทำงานต่อไป  ถึงจะมีหมออีก 2-3 คนมาช่วยชันสูตรแต่มีถึง  7ศพและทุกศพถูกฆ่าตายทำให้ต้องใช้เวลาชันสูตรนานพอสมควรพอทุกอย่างเรียบร้อย ทางตำรวจเจ้าของคดีและตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้มาพบกับผม ผมบอกรายละเอียดต่างๆที่ตรวจพบ ทั้ง 7 คนตายเพราะถูกยิงจ่อท้ายด้วยปืนขนาด 9 มม. ซึ่งในที่เกิดเหตุนั้นพบปลอกกระสุนที่ตรงกัน บางศพมีรอยถูกทำร้ายร่างกายโดยเฉพาะนายสมัยที่จะดูมีร่องรอยมากกว่าคนอื่น ผมรายงานไปพร้อมภาพประกอบพร้อมส่งหลักฐานต่างๆในตัวของคนตายทุกคนให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน

"แต่ผมยังสงสัยเกี่ยวคนตาย 2 คนที่เราหาเอกสารอะไรไม่เจอว่าเป็นใคร  งานหนักละทางผม ยิ่งท่านรองกำชับลงมามาให้หาให้เจอให้ได้ว่าเป็นใคร ลงต้องเร่งตรวจวงจรปิดอย่างละเอียดนะครับงานนี้"

สารวัตรเจ้าของคดีเอ่ยกับผมหลังจากที่ผมบรรยายจบ และเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ผู้กองอลิสาที่เงียบมาตลอดได้ถามผมต่อทันที

"หมอคิดว่ายังไงคะ"

"อะไรหรือครับ"

ผมตอบพร้อมทำหน้าตาย

"คิดว่าพอจะมีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมจากที่บอกมาหรือเปล่าคะ"

"ไม่มีครับ เพราะที่ทางผมกับทีมงานตรวจก็ละเอียดอย่างมากแล้วครับ ส่วนที่เหลือคงเป็นหน้าที่ของทางนิติเวชกับทางตำรวจแล้วครับ ทางผมหมดหน้าที่แล้ว"

ผมตัดบทไปทันทีทำให้แววตาของผู้กองสาวนั้นดูจะไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไรออกมา  พอทางตำรวจกลับไปหมดแล้ว กิ่งกาญจน์ได้ถามผมทันที

"ตกลงเราหาทางช่วยอะไรไม่ได้หรือไงนี่"

"ผมบอกตรงๆว่าต้องใช้เวลาคิด เพราะผมจะไปชี้นำเหมือนก่อนมันลำบาก ต้องปล่อยให้ทางตำรวจจัดการสืบเอง"

"ที่ลำบากเพราะคุณหมอหมายถึงยายผู้กองจอมจุ้นใช่ไหม"

"ใช่ผมว่าเธอนั้นแปลกขึ้นทุกวัน ไม่เหมือนผู้กองอลิสาที่ผมเคยรู้จัก มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ"

"นั่นสินะ"

"ส่วนเรื่องของนายเด่นนะ ผมขอตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อน ถ้ามันเป็นจริงอย่างวิญญาณนายประธานที่เป็นคนขับรถบอก ผมอาจจะหาทางช่วยย่านายเด่นได้ เพราะแกอยู่ตำบลใกล้กับที่ลุงอัสอยู่"

"ฉันค่อยสบายใจหน่อย บอกตรงๆฉันสงสารทั้งคู่ที่ต้องมาตาย ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้พวกนี้เลย ตอนที่ฉันถามพวกมันนะมันก็นิ่งไม่พูดอะไร จนนึกว่าพวกมันเป็นใบ้ แต่ฉันไปเจอวิญญาณของ 2 คนนี่ที่หน้าโรงพยาบาลพอฉันถามายละเอียดนายประธานเล่าให้ฉันฟังทันทีฉันเลยพาพวกเขามาหาคุณ"

กิ่งกาญจน์บอกกับผมปิดท้าย ซึ่งตัวเธอเองก็สงสัยในท่าทีที่แปลกของวิญญาณนายสมัยกับพวก แต่หาคำตอบไม่ได้ จนผ่านไป 2 วัน ทางตำรวจได้เบาะแสจากที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทำให้ไปพบศพคนอีก 2คน ตายคารถบรรทุก 6 ล้อ รถนัน้ถูกนำไปจอดในที่ร้างย่านชานเมืองซึ่งห่างจากโกดังพอสมควร ศพของทั้ง 2ถูกส่งให้ผมมาชันสูตร ทำให้รู้ว่าคนหนึ่งถูกยิงส่วนอีกคนนั้นฆ่าตัวตายด้วยปืนขนาด 9 มม. ซึ่งมันทำให้ตำรวจนั้นพอจะคาดการณ์ได้ว่า  2ศพที่พบนี้อาจะเป็นคนฆ่า และข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมตามที่ผมรู้ก่อนคือตามที่รู้จากวิญญาณของนายประธานกับเด่นนั้นทั้งสองคนเป็นคนขับรถ 6 ล้อ และเด็กติดรถ ที่ต้องมาประสบกับชะตากรรมด้วย สิ่งที่ผมได้ฟังมาจากวิญญาณนายประธานคือ นายสมัยได้มาติดต่อเช่ารถเพื่อไปขนของ ซึ่งตัวนายประธานเองก็ไม่รู้ว่าเป็นของอะไร  ตัวนายสมัยเองพาลูกน้องมาช่วยขนของด้วย 7 คน ซึ่งทั้ง 7ต่างนั่งมาบนรถ 6ล้อด้วยกันทุกคน

แต่ระหว่างทาง ลูกน้องของนายสมัย 2 คน จู่ๆมีคนหนึ่งเอาปืนที่แอบพกมาขึ้นมาขู่บังคับคนในรถรวมทั้งคนขับให้ขับรถมาที่โกดังร้าง ก่อนจะสั่งให้ทุกคนลงจากรถ และใช้ปืนบังคับให้เข้าไปในโกดัง ทั้ง 2 คนนั้นมีลักษณะเหมือนคนไม่มีสติ  1 ใน 2 ได้สั่งให้เด่นเอาเชือกที่อยู่ในรถมามัดมือทุกคน และคนที่สั่งได้เป็นคนมัดมือเด่นท่ามกลางเสียงร้องขอชีวิตของเด่นกับนายประธานแต่ทั้งสองไม่สนใจ มีการเตะต่อยคนที่ถูกมัดทุกคนโดยนายสมัยโดนเยอะที่สุดก่อนที่จะใช้ปืนยิงจ่อที่ศีรษะจากด้านหลังทุกคน ซึ่งก่อนที่จะมานายสมัยได้สั่งลูกน้องว่าห้ามพกปืนมา แต่คนที่ฆ่านั้นแอบพกมา เรื่องนี้วิญญาณนายประธานได้ยินตอนที่นายสมัยพูดขึ้นมาในโกดัง แต่สาเหตุนั้นนายประธานเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพราะทั้งคู่นั้นไม่พูดว่าทำไปเพราะอะไร

พอจัดการฆ่าทุกคนหมด คนร้ายทั้ง 2 คนนั้นได้ขับรถของนายประธานหลบหนีไปก่อนที่จะไปฆ่าตัวตายย่านชานเมือง ตำรวจนั้นยังหาสาเหตุที่ฆ่ากันตายไม่ได้ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีการหักหลังกัน หรือทั้งคู่ไม่พอใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะไปฆ่าตัวตายหนีความผิด ผมเองก็ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่รู้รายละเอียดของคดีที่ไม่สามารถบอกใครได้ และที่ทั้ง 2 คนไปฆ่าตัวตายเพราะหนีความผิดจริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้  เรื่องสอบสวนผมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนหลักฐานอื่นมันตรงกับคำบอกเล่าของนายประธาน เพราะผลตรวจของนิติเวชนั้นเชือกที่ใช้มัดมือหลายเส้นมีรอยนิ้วมีอกับ DNA ของเด่นติดอยู่ รวมไปถึงเชือกที่มัดมือเด่นนั้นก็มีรอยนิ้วมือและ DNA ของ 1 ใน 2คนนั้นติดอยู่ด้วย  งานของผมจบลงหลังจากที่ส่งผลชันสูตรให้ทางตำรวจส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบหาข้อเท็จจริงกันต่อไป ซึ่งการตายของนายประธานกับเด่นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าปิดปากเพราะรู้เห็นการฆาตกรรม

แต่ยังมีเรื่องที่กวนจิตใจผมเพิ่มคือระหว่างที่ผมกำลังชันสูตรศพของ 1ใน2อยู่ผมได้ยินเสียงร้องให้ช่วยแต่หาที่มาไม่ได้และกิ่งกาญจน์เองเธอก็ไม่ได้ยินหรือเห็นอะไร ทำให้ผมจนปัญญากับสิ่งที่ได้ยิน ผมไปถามคุณตาทวดพระภูมิท่านตอบผมมาว่า"ท่านตอบไม่ได้ ผมต้องหาที่มาเอง"  ส่วนเรื่องย่าของเด่นนั้นกิ่งกาญจน์ได้ถามผมว่าจะช่วยเหลือได้ยังไงผมตอบเธอไปว่า

"ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผมจะโทรไปหาลุงอัสให้ช่วย เพราะลุงอัสมีมูลนิธิที่คอยดูแลอยู่ มูลนิธินี้ทำขึ้นหลังปู่ตายไม่นาน ผมหมายถึงพ่อของลุงอัสนะ มูลนิธิตั้งขึ้นมาเพื่อคอยดูแลค่าใช้จ่ายวัดของหลวงตาและผู้คนทียากไร้"

"ดูแลยังไงนะคุณ  ให้เงินเป็นรายเดือนหรือไง"

"ไม่นะ  มันมาจากตอนสมัยปู่อยู่มีคณะกรรมการดูและเรื่องค่าใช้จ่ายของวัด พอปู่เสียลุงอัสเสนอให้ตั้งมูลนิธิขึ้นมาแทน ชาวบ้านก็เห็นด้วย และต่อมาก็เพิ่มเรื่องดูแลคนที่ไม่มีใครดูแล ถ้ายังทำงานไหวก็เอามาช่วยงานในวัดบ้างเป็นแม่ครัว เป็นคนทำความสะอาดและต่อมาก็พัฒนาเป็นกลุ่มช่วยกันแปรรูปผลไม้ต่างๆมาขาย บางส่วนก็เอาสูตรพวกยาที่หลวงตาท่านเคยทำแจกพวกยาลม ยาหม่องมาทำขาย ก็เอาที่ว่างตรงหน้าวัดเป็นที่ขายนะคุณ คล้ายๆพวกโอทอปอะไรประมาณนี้  มันก็สร้างรายได้ให้คนพวกนี้ด้วยไง ผมว่าจะขอให้ลุงอัสไปช่วยถ้าย่าของเด่นยังทำไหวก็จะดูว่าแกทำอะไรได้บ้างแต่ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงทำงานไม่ไหวก็ค่อยว่ากันว่าจะช่วยเหลือยังไง"

ผมอธิบายให้เธอเข้าใจ

"เป็นแบบนี้ก็ดี อนุโมทนาบุญด้วยนะคุณ ลุงอัสคุณนี่ช่วยเหลือคนไว้เยอะจริงๆ"

เธอบอกกับผม

"มันเป็นเจตนารมณ์ของปู่กับย่าที่ตั้งใจไว้นะคุณ ท่านได้มาเยอะก็อยากตอบแทนชุมชนบ้างตามที่ทำได้"

"แล้วทีนี้เรื่องคดีคุณจะทำเท่านี้หรือไง"

"ใช่ แล้วคุณคิดว่าจะทำอะไรได้ คุณไปถามวิญาณพวกนายสมัยมันก็ไม่ยอมตอบอะไรคุณ เราก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรมละคุณ มันเป็นปริศนาที่ดำมืดจริงๆ เพราะทุกทางมันมีแต่คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ เราไม่รู้ว่าพวกนายสมัยจะไปขนของอะไร และอะไรเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการฆ่ากัน เพราะตัวนายประธานกับเด่นก็บอกว่าจู่ลูกน้องนายสมัยก็ยืนขึ้นแล้วเอาปืนมาขู่บังคับ ไม่ยอมบอกว่าทำไปเพราะอะไร ก็อย่างที่บอกไปนะคุณปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจและผมดูแล้วเขาคงจะปิดคดีไปแบบนี้ละคือฆ่าหักหลังและคนฆ่ากลัวความผิดเลยฆ่าตัวตายหนีความผิด สรุปง่ายๆคือ นายประธานกับเด่นตายฟรี"

เธอเงียบๆไปไม่พูดอะไรต่อ ส่วนผมยังมีเรื่องครุ่นคิดที่ยังคิดไม่ตกนอกจากเรื่องเสียงลึกลับแล้วเรื่องพฤติกรรมแปลกๆของผู้กองอลิสา ที่ผมไม่ควรมองช้าม แต่ยังมีสิ่งที่ผมหรือกิ่งกาญจน์เองนั้นก็ไม่รู้ เพราะหลังจากคดีฆาตกรรมฆ่าล้างครอบครัวเพื่อจะชิงพระเครื่อง ตัวผู้กองอลิสาจู่ๆเกิดความสงสัยว่าผมจะมีส่วนในคดีเพื่อต้องการที่จะมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็พวกคนร้ายเอาเรื่องคดีเก่าที่ผมมีส่วนร่วมในการคลี่คลายมามาเป็นต้นแบบเพื่อก่อคดี แต่ใจของเธอเทไปทางข้อแรกมากกว่า เธอเริ่มตั้งข้อสงสัยและลองถามกับทางผู้บังคับบัญชาของเธอ ซึ่งทางผู้บังคับชานั้นบอกกับเธอว่าความเห็นของเธอนั้นไร้สาระ แต่เธอยังปักใจเชื่อกับข้อสงสัยของเธอ

ทำให้เธอเริ่มสืบหาข้อมูลของผม เพื่อที่จะมายืนยันให้ตรงกับข้อสงสัยของเธอ แต่เธอไม่สามารถที่จะหาข้อมูลตามที่ต้องการได้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญใจมากที่ข้อสงสัยของเธอไม่เป็นอย่างที่เธอคิด แต่ตัวเธอยังไม่ละเลิกความพยายาม ยิ่งถ้าเกิดคดีขึ้นโดยที่เธอเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและผมต้องมาทำหน้าที่แพทย์ชันสูตร เธอยิ่งจับจ้องตัวผมมากขึ้นเพื่อหาข้อพิสูจน์ในเรื่องที่เธอสงสัย

จนช่วงเช้าของวันหนึ่ง ผมได้รับข่าวว่า ผู้กองอลิสาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถแหกโค้งไปชนกับต้นไม้ ผมพึ่งเจอกับเธอเมื่อวานตอนช่วงบ่ายหลังจากมีคนกระโดดตึกตาย ซึ่งคดีไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะคนตายมีอาการทางประสาทอยู่แล้ว ผมนัดเธอให้มารับผลชันสูตรในวันนี้ช่วงบ่าย แต่เธอมาเสียชีวิตก่อน ตามข่าวคือเธอขับรถกลับบ้านแต่คงขับมาด้วยความเร็วสูงจนถึงทางโค้งทำให้รถเสียหลักไปชนกับต้นไม้ เธอนั้นเสียชีวิตทันที ผมไม่ได้เป็นหมอชันสูตรศพเธอแต่ไปร่วมงานศพเธอ ซึ่งผมไม่เห็นหรือสัมผัสได้กับวิญญาณของเธอ เหมือนกับกิ่งกาญจน์ที่สัมผัสอะไรไม่ได้ แต่หลังจากที่งานศพเธอผ่านไปได้ 7 วัน ผมฝันเห็นว่าเธอมาร้องไห้และขอความช่วยเหลือจากผม ตอนแรกผมไม่คิดอะไร แต่ผมฝันว่าเธอมาขอให้ผมช่วยถึง 3คืนติดๆ โดยที่เธอเองก็ไม่บอกว่าขอให้ผมช่วยอะไร ทำให้ผมตั้งจิตไปไปขอความช่วยเหลือจากคุณตาทวดพระภูมิ ท่านตอบผมกลับมา

 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

[sunnyman]

อ่าวคุณตำรวจหญิงไปเสียแล้ว ผมนึกว่า จะป่วนกว่านี้เสียอีก แต่ก็น่าสนใจดีครับ ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป

[Midnight]

คู่ปรับคุณหมอตาย สงสัยงานนี้มีคนบงการแน่

[birdramon2]

ผูู้กองอลิสา โดนซะแล้ว ก็คงต้องช่วยกันไป

[7878]

อ่าน ๆ ไป ช็อคมาก คู่ปรับอย่างผู้กองอยู่ได้ไม่กี่ตอน
น่าจะมีเงื่อนงำ อะไรซะแล้ว

[singkanong]

ไม่น่าเลยผู้กองอลิสามาเสียชีวิตคิดว่าน่าจะเป็นตังนางเอกเสียอีกน่าสงสารครับ

[toy5599]

จากไปเร็วเกิน

[tatong2222]

ผู้​กองไปซะแล้ว​ ต่อไปใครจะมา​คอยจับตามองคุณหมอล่ะนี่​ กลับมา​เป็น​นางเอกก่อนเถอะนะ

[arsbos]

หักมุมสุดๆ นึกว่า ผู้กองจะเข้าฮาเล็ม

[namluang1978]

เรื่องนี้ รายละเอียดเยอะมาก น่าติดตาม น่าสนใจ 

[jaja]

น่าเสียดายผู้กองอลิสาต้องมาตายแบบนี้

[mapigclub]

อ้าวววว แล้วทำไมผู้กองสาวถึงรีบด่วนจากไปเยี่ยงนั้นหละขอรับ ยังมาป่วนมิหนำใจเลยนะขอรับ อิอิอิ

[kriangbaac]

อ่าวอยู่ดีๆตัดจบผู้กองไปเลย นึกว่าจะมีอะไรกันซะอีก

[mighty]

ผู้กองสาวจะมาเป็นวิญญาณผู้ช่วยพระเอกอีกคนรึป่าวนะ

[ผู้เฒ่าเซราะกราว]

ผู้กองอลิสาตายเพราะฝีมือนายทรงเดชหรือเปล่านะ....????